ป.แถลงรวบนักธุรกิจชื่อดังเชียงใหม่ ตุ๋นลงทุนอัญมณี สูญเงินกว่า 22 ล้านบาท ประวัติโชกโชน เคยถูกทางการแองโกล่าจับติดคุกในคดีลักษณะเดียวกันแต่ยังไม่หลาบจำกลับมาหลอกระดมเงินลงทุนอภิมหาโปรเจ็ค “รถไฟความเร็วสูง” ลวงแม้กระทั่งนักการเมือง
ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ม.ค.67 พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.กฤษฎา พลายละหาร สว.กก.1 บก.ป.
ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายรวีโรจน์ อายุ 57 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ลงวันที่ 28 พ.ย. 2565 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม หลังจับกุมตัวได้ที่ห้องพักในโรงแรม ย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา แขวงและเขตวังทองหลาง กทม.
พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า เมื่อปี 2558 นายรวีโรจน์ นักธุรกิจชื่อดังเมืองเชียงใหม่ ได้ร่วมกับพวก หลอกลวงเงินผู้คน แอบอ้างตัวเป็นกลุ่มนายทุนเจ้าของบริษัทการเงิน มีเงินฝากในธนาคารต่างประเทศคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2 แสนล้านบาท สามารถให้เงินสนับสนุนกับผู้เสียหายซึ่งเป็นนักธุรกิจอัญมณีได้ หากมาร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมอัญมณีแบบครบวงจรร่วมกับกลุ่มของตน แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องจ่ายเงินค่าดำเนินการและค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการนำเงินเข้ามาในประเทศไทยให้กับกลุ่มผู้ต้องหาก่อน
พล.ต.ต.มนตรี กล่าวต่อว่า เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาเห็นว่าเหยื่อเริ่มมีท่าทีสนใจ ปลอมหนังสือค้ำประกันของธนาคาร HSBC (The Hongkong and Shanghai Bank) สาขานิวยอร์กขึ้นมา เพื่อนำมาแสดงให้ผู้เสียหายเห็นว่า มีเงินในบัญชีกว่า 8,775,105,000 ดอลล่าร์อยู่จริง เหยื่อจึงหลงเชื่อยอมตกลงโอนเงินค่าดำเนินการให้เป็นเงินรวมกว่า 22 ล้านบาท
แต่สุดท้ายเมื่อถึงกำหนดนัดจ่ายเงินทุนสนับสนุนดังกล่าว กลับไม่ได้รับเงินตามที่ตกลงกันไว้ ทั้งยังถูกบ่ายเบี่ยง ก่อนตัดขาดการติดต่อหนีหายไปในที่สุดเมื่อผู้เสียหายจึงรู้ตัวว่าถูกหลอก เข้าแจ้งความไว้ที่ กก.1 บก.ป.ก่อนจะออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา แต่นายวิโรจน์ กลับไม่ยอมมาพบ
พ.ต.อ.มนูญ กล่าวต่อว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่จัดกำลังสืบสวนสอบสวนจนทราบว่า หลังถูกพนักงานสอบสวน กก.1.บก.ป.ออกหมายเรียกตัว นายรวีโรจน์ ได้หลบหนีไปอยู่ที่ประเทศแองโกลา และถูกจับกุมพร้อมกับพวกในคดี “ปลอมแปลงเอกสารเช็คและฟอกเงิน” จากกรณีนำเช็คปลอม 50,000 ล้านดอลลาร์ เข้าเปิดบัญชีที่ธนาคารในประเทศแองโกลา เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนประกอบธุรกิจค้าขายสินค้าทางการเกษตร, ทองคำ และอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จนเกือบจะได้เซ็นสัญญากับรัฐบาลแองโกลา แต่เกิดถูกตรวจสอบพบเสียก่อนจึงถูกจับดำเนินคดี เมื่อปี 61
จนเมื่อกลางปี 65 พ้นโทษจำคุกที่ประเทศแองโกลาออกมาแล้วหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ แต่ยังคงมีพฤติกรรมหลอกลวงในลักษณะเช่นเดิมอีก ส่วนใหญ่จะเป็นการหลอกระดมเงินทุนมาร่วมลงทุนในธุรกิจรถไฟความเร็วสูง อ้างว่ากำลังจะจัดสร้างขึ้นในประเทศไทย หากใครสามารถระดมคนให้นำเงินมาร่วมลงทุนเพิ่มได้ จะได้รับผลตอบเเทนเป็นเงิน 5 – 10 ล้านบาท
“ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบเบาะแสสำคัญว่า ล่าสุด นายรวีโรจน์ ได้นัดหมายกลุ่มอดีตนักการเมืองพรรคดังพรรคหนึ่งมาประชุมหารือที่โรงแรมย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา พร้อมยังอ้างกับอดีตนักการเมืองกลุ่มนี้ว่า มีเงินฝากอยู่ในบัญชีธนาคารในต่างประเทศจำนวนมาก หากอดีตนักการเมืองกลุ่มนี้ยอมให้ความช่วยเหลือเรื่องคดีที่ถูกออกหมายจับได้นั้น จะนำเงินมาช่วยสนับสนุนพรรคในการจัดทำโครงการรถไฟความเร็วสูง จะช่วยให้ประชาชนเกิดความศรัทธากับพรรคการเมืองดังกล่าวมากขึ้น
ถือเป็นการตอกย้ำถึงพฤติกรรมการหลอกลวงแบบเดิมๆ เป็นภัยต่อผู้คนเป็นอย่างมาก จึงเร่งจัดกำลังลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ ก่อนนำมาสู่การตามจับกุมตัวนายรวีโรจน์ ได้ดังกล่าว ทั้งนี้จากการสอบสวนเจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ดำเนินการตามกฎหมายพร้อมขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องต่อไป