วันที่ 29 มี.ค.67 เวลา 11.00 น. ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. , พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1,พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดํารงชัย , พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สส.บก. ตม.1, ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสําคัญ
1. สตม.รวบหนุ่มเกาหลี “หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์” เสียหายมูลค่ากว่า 200 ล้านวอน แอบกบดานเมืองพัทยา
จับกุมนายโอ อายุ 51 ปี ชาวเกาหลีใต้ ได้ที่คอนโดมิเนียมในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรีหลัง ได้รับแจ้งข้อมูลจากกองการต่างประเทศ สํานักงาน
ตํารวจแห่งชาติ ว่านายโอ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการเกาหลีใต้ ในความผิดฐานฉ้อโกง และองค์การตํารวจสากลได้ออกประกาศสีแดง (INTERPOL RED NOTICE)
โดยนายโอ มีพฤติการณ์เป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งฐานอยู่ที่ประเทศจีน ใช้วิธีโทรศัพท์และส่งข้อความหลอกลวงเหยื่อ ผู้เสียหายในประเทศเกาหลีใต้ สร้างสถานการณ์ในรูปแบบต่าง ๆ หลอกให้เหยื่อหลงเชื่อจนโอนเงินมาให้สมาชิกใน กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ช่วงเวลา 2 สัปดาห์สามารถหลอกเหยื่อได้ วน 6 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านวอน
ตม.จว.ชลบุรีได้ ตรวจสอบข้อมูลพบว่านายโอได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) จากนั้นได้สืบสวนจับกุมได้ดังกล่าว แจ้งข้อหาเป็นคนต่างด้าวอยู่ใน
ราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นําตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดําเนินคดีตามกฎหมาย
2.สตม.ดักรวบ”โอปป้า”เนียนทํางานAEผับหรูลักลอบจําหน่ายบุหรี่ไฟฟ้านักเที่ยวราตรี รายได้หลักแสน
กก.สส.บก.ตม.1 จับกุมนายบลู (นามสมมติ) อายุ 27 ปี ชาวเกาหลีใต้ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าว ทํางานโดยไม่มีใบอนุญาตทํางาน (ขายบุหรี่ไฟฟ้า), ซ่อนเร้น ช่วยจําหน่าย ช่วยพาเอาไปเสียซื้อ รับจํานํา หรือรับไว้ โดยประการใด ซึ่งของต้องห้ามที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้ผ่านวิธีศุลกากร และขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือ บุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ํายาสําหรับเติมบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคําสั่งคณะกรรมการคุ้มครอง ผู้บริโภค ที่ 9/2558 นําตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดําเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ผับย่านทองหล่อ แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
หลังได้รับเรื่องร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านสํานักงานตรวจ คนเข้าเมือง จากผู้ไม่ประสงค์ออกนามให้ข้อมูลว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติเกาหลีใต้รายหนึ่ง ลักลอบทํางานที่ผับหรูแห่งหนึ่ง ย่านทองหล่อมีพฤติการณ์อื่น ๆ ที่ผิด กฎหมายต้องการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
ได้วางแผนให้เจ้าหน้าที่ตํารวจหญิงเป็นสายลับติดต่อบุคคลเป้าหมาย ใช้นามว่า “บลู” ทั้งทางอินสตาแกรม Kakao Talk และ LINE เพื่อจองโต๊ะโดยโอนเงิน มัดจํา 1,000 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ ก่อนเข้าไปใช้บริการที่ร้าน
โดยนายบลูได้เข้ามาแนะนําตัวพาไปนั่งที่โต๊ะ และเสนอขายบุหรี่ไฟฟ้าให้สายลับหญิง 2 กลิ่น ขายในราคาอันละ 340 บาท เจ้าหน้าที่ตํารวจหญิงในชุดจับกุมจึงขอซื้อบุหรี่ไฟฟ้าทั้ง 2 กลิ่นอย่างละ 1 อันโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ของนายบลู เมื่อนายบลูนําบุหรี่ไฟฟ้ามาส่งมอบจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจจับกุมนําตัวส่ง สน.ทองหล่อ ดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
3. สตม.รวบนักธุรกิจไต้หวันคาคอนโดหรูหลังพบประวัติสวมบัตรตุ๋นนักลงทุนร่วมชาติ ก่อนเชิดเงินหนี มูลค่าความเสียหายกว่า 600 ล้านบาท
สืบเนื่องจาก สตม. ได้รับการประสานข้อมูลจากกรมการสอบสวน กระทรวงยุติธรรมไต้หวัน ผ่านทาง สํานักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจําประเทศไทย แจ้งข้อมูล MRS.MEILEE (นามสมมติ) อายุ 66 ปี ชาว ไต้หวัน ผู้ต้องหาตามหมายจับของไต้หวันรายสําคัญ ซึ่งได้ก่ออาชญากรรมในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนโดยชักชวนหลอกลวงนักลงทุนชาวไต้หวันให้มาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ก่อนเชิดเงินลงทุนหนี ผู้เสียหาย ทั้งหมด 88 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 608 ล้านบาท
พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ได้สั่ง การให้ พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนรวบรวมข้อมูลจนทราบว่า MRS.MEILEE ได้เข้ามาประกอบธุรกิจให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยใน ตําแหน่งรองประธานกรรมการฯ
จากการตรวจสอบบริษัทดังกล่าวพบความผิดปกติ ไม่ตรงตามหลักเกณฑ์หลาย ประการ ผบก.ตม.1 จึงได้ดําเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของ MRS.MEILEE พร้อมกับได้สั่งการ ให้ชุดสืบสวนเฝ้าติดตามสืบสวนหาข่าวจนพบเบาะแสสําคัญจากสายลับในพื้นที่ว่า MRS.MEILEE มีบุตรสาว 1 คน ที่พํานักอยู่ในประเทศไทย ชื่อ น.ส.แสงดาว (นามสมมติ)
จากการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้าออกประเทศไทย และทะเบียนราษฎร์ ของ น.ส. แสงดาว พบว่า น.ส.แสงดาว เป็นคนไทย มีบัตรประชาชนแต่ได้ยื่นคําขอมีบัตรประชาชน เมื่อปี พ.ศ.2543 ในอายุประมาณ 18 ปี มีมารดาเป็นคนไทยชื่อนางดุจเดือน (นามสมมติ) แต่ไม่ปรากฏภาพถ่ายของนาง ดุจเดือนในฐานข้อมูล
ชุดสืบสวนจึงได้ประสานงานกับสํานักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครองขอภาพถ่าย ของนางดุจเดือนขณะทําบัตรประชาชนไทยครั้งแรกในช่วงประมาณปี พ.ศ.2542
จากการตรวจสอบพบว่าภาพถ่ายของ นางดุจเดือนมีความคล้ายคลึงกับ MRS.MEILEE ชาวไต้หวัน ชุดสืบสวนจึงได้มุ่งประเด็นการสืบสวนหาตัว MRS.MEILEE ไปที่ น.ส.แสงดาวทราบว่าทั้งคู่ได้พักอาศัยอยู่ในคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท เจ้าหน้าที่จึงได้เฝ้า สังเกตการณ์จนกระทั่งได้พบ MRS.MEILEE จึงได้แจ้งหนังสือการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้ทราบ และนําตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. ดําเนินการตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ต่อไป
อนึ่ง จากการประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องล่าสุด ทราบว่าได้มีการจําหน่ายบัตรประชาชนของ นางดุจเดือน ออกจากระบบเป็นที่เรียบร้อยก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนของการได้มาซึ่งบัตรประชาชนของบุคคลรายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง สตม.จะสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่องต่อไป