จู้กหู้กกุ้ กราบสวัสดีทุกๆคน
สัปดาห์การแข่งขันบอลเอฟเอคัพ แมนยูเฉือนชนะเลสเตอร์จากจังหวะล้ำหน้าแต่กรรมการให้เป็นประตู คือมาตรฐานกรรมการ….
ดึกวันอาทิตย์กลายเป็นประเด็นเย้ยหยันในเช้าวันจันทร์ ก็คงหนีไม่พ้นจ่าฝูงลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ให้แก บ๊วยจากแชมเปี้ยนชิพ อย่างพลีมัธ ตกรอบเอฟเอคัพ เรียบร้อย
ลิเวอร์พูล เอคโค่: ความพ่ายแพ้ต่อ พลีมัธ อาร์ไกล์ ในครั้งนี้อาจจะทำให้ผู้บริหารของสโมสร liverpool ผิดหวังบ้าง
แต่! ความจริงก็คือ อาร์เน่อ ยังมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่านี้ และการตกรอบโดยไม่ได้เตรียมตัวไว้ก็เป็นเพียงผลเสียด้านรูปลักษณ์ต่อความทะเยอทะยานในวงกว้างสำหรับฤดูกาลนี้เท่านั้น
จู้กหู้กกู้คิดว่าโชคดีที่ตกรอบ เอฟเอ คัพ นี้ ทำให้จินตนาการอันเพ้อฝันเกี่ยวกับการคว้าแชมป์ 4 แชมป์นั้นหายไปด้วย และแรงกดดันภายนอกที่มีเข้ามาสู่ทีมนี้ก็ยังลดไปมากด้วยเช่นกัน เมื่อพวกเขามองเห็นความจริงที่มีในเวลานี้
หลังจากไม่แพ้ใครในเกมเยือน 14 เกมแรกในทุกรายการ แต่ลูกทีมของ อาร์เน่อ กลับพ่ายแพ้ไปแล้ว 3 เกม จาก 6 เกมเยือนหลังสุด แต่นั่นเป็นสิ่งที่เราสามารถที่จะเข้าใจกับมันได้
ความพ่ายแพ้ 4 ครั้ง ของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้:
1-0 นอตติงแฮม ฟอเรสต์ (พรีเมียร์ลีก)
1-0 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (ลีกคัพ)
3-2 พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น (ยูซีแอล)
1-0 พลีมัธ อาร์ไกล์ (เอฟเอ คัพ)
หากเราพิจารณาดูจากคามเป็นจริงในการแพ้ทั้งสี่เกมนี้ เราจะพบว่า 2 เกม (ฟอเรสต์ กับ สเปอร์ส) เป็นการพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นจริง และสองเกมหลังสุด (พีเอสวี และ พลีมัธ) คุณเองก็เห็นแล้วจากการจัดตัวของสองเกมนี้
ทุกอย่างมีเหตุผลรองรับอยู่แล้ว เราแฟนบอลได้เห็นผู้เล่น 11 ตัวจริงกับตัวสำรองเกมนี้ก็มองเห็นเหมือน ๆ กันว่านี่คือทีมชุดสอง ไม่ใช่ชุดใหญ่
ไม่มีนักเตะตัวหลักค่อนทีม
เหตุผล?
ข้อแรก เพื่อถนอมร่างกายและลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการบาดเจ็บของบรรดานักเตะตัวหลัก
ข้อสอง เพื่อให้นักเตะสำรองของทีมชุดใหญ่ และนักเตะดาวรุ่งได้มีเกมเล่น
แล้วทำไมต้องให้นักเตะสำรองกับดาวรุ่งลงเล่นในเกมนี้ มันไม่เสี่ยงเกินไปหรือ แล้วผลเป็นอย่างไรเห็นไหม
ก็ต้องถามกลับว่าแล้วถ้าไม่ให้เล่นเกมนี้จะให้เล่นเกมไหน หรือแค่เกมเยือน พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เกมเดียวก็เพียงพอ
เราต้องไม่ลืมว่าวันพุธนี้ยังมีเกมเยือนเอฟเวอร์ตันรออยู่ งานนี้หนักกว่าที่ผ่าน ๆ มาหลายเท่าด้วยความจริงที่ว่าจะเป็นเกมสุดท้ายแล้วที่เอฟเวอร์ตันกับลิเวอร์พูลจะได้ฟาดแข้งกันที่ กูดิสัน พาร์ค
อาร์เน่อให้ความสำคัญกับแต้มที่กูดิสัน พาร์ควันพุธนี้อย่างที่สุดในระดับที่ไม่อยากให้พลาดแม้แต่นิดเดียว
โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, อลีสซง เบ็คเกอร์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, ไรอัน กราเฟนแบร์ก, โดมินิก โซโบซไล, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โกดี้ คักโป และ เทรน
ลิเวอร์พูลไม่สมควรกับการเป็นผู้ชนะในเกมนี้จริง ๆ ครับ และก็ขอปรบมือให้กับความทุ่มเทและการต่อสู้สุดตัวของนักเตะ พลีมัธ อาร์ไกล์ ด้วยที่เล่นได้ดีสุดความสามารถของตน
มองด้านแย่มันก็เห็นด้านแย่ แน่นอนครับมันมีอยู่แล้ว อย่างน้อยทีมก็ไม่ได้ไปต่อ หมดโอกาสชูถ้วยแชมป์เอฟเอ คัพสมัยที่ 9 ขณะที่นักเตะชุดสองหรือเยาวชนก็อาจจะขาดโอกาสมีเกมเพิ่ม
แต่ก็นั่นแหละ ถ้าจะลองมองหาด้านที่เป็นประโยชน์มันก็ใช่ว่าจะไม่มีเลยเสียเมื่อไหร่ เกมนี้สอนพวกเขาเช่นกันว่ามาตรฐานคุณต้องดีกว่านี้ถ้าจะผ่านด่านนี้
ขณะที่เรื่องที่เป็นประโยชน์กว่านั้นอาจคือโปรแกรมเตะที่ได้พักหายใจบ้างจากภารกิจหวด เสาร์-พุธ-เสาร์-พุธ-เสาร์ ต่อเนื่อง
เตะกับเอฟเวอร์ตัน วูล์ฟส์ฯ แอสตัน วิลล่า แมนฯ ซิตี้ และ นิวคาสเซิ่ล แบบถี่ยิบ 3 วันครั้งมา 5 เกมติด ๆ กัน แล้วเว้นวรรคพักร่างในสัปดาห์เอฟเอ คัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย เสาร์ที่ 1 มีนาคม
การพักสัปดาห์นั้นสำคัญนะครับ เพราะอังคาร/พุธ ที่รออยู่คือเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรกแล้ว
มองในด้านแย่มันก็ย่อมเห็นด้านแย่แน่นอนอยู่แล้ว แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้ว ลองพิจารณาถึงเหตุผลและที่มาที่ไปของมันอย่างที่ อาร์เน่อ พูด แล้วลองมองหาด้านที่เป็นคุณดูบ้าง
ผมคิดว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกนะครับ..
บางครั้งความสำเร็จ ก็ต้อง ปล่อยจอยลงบ้าง