ในเทศกาลดนตรี Newport Folk Festival ที่จัดในสหรัฐอเมริกาเมื่อปีค.ศ.1965 เกิดเหตุการณ์โด่งดังให้จารึกในหน้าประวัติศาสตร์วงการดนตรีอเมริกัน
เมื่อ “บ๊อบ ดีแลน” ศิลปินโฟล์คชื่อดังแห่งยุค ถูกผู้ชมด้านล่างเวทีโห่ไล่และปาข้าวของขึ้นมาบนเวที
ขณะที่ศิลปินหนุ่มเล่น “เครื่องดนตรีไฟฟ้า” แบบไม่ยี่หระต่อเสียงก่นด่าของคนดูที่แสดงความโกรธเมื่อเห็นศิลปินคนโปรด ไม่อยู่ใน “กฎบังคับ” ของ “โฟล์กอะคูสติก” อย่างที่เคยเป็น
ซึ่งภาพที่คุ้นเคยของศิลปินแนวนี้ก็จะมีกีตาร์โปร่ง มีเครื่องเป่าอย่างเมาท์ออร์แกน ใช้ผลิตเสียงดนตรี
เหตุการณ์นี้ถูกจำลองเข้ามาใส่ในภาพยนตร์เรื่อง A Complete Unknown ที่ใช้ชื่อไทยว่า “ไร้ตัวตนคนเปี่ยมฝัน”
งานที่บอกเล่าชีวประวัติของ “บ๊อบ ดีแลน” ตำนานที่ยังมีลมหายใจ นักแสดงที่มารับบทนี้ก็คือ“ทิโมธี ชาลาเมต์” นักแสดงเชื้อสายอเมริกัน-ฝรั่งเศส ที่ดังเป็นพลุแตกจาก Call Me by Your Name หนังที่เล่าความสัมพันธ์ของ LGBTQ+ ความดังปังของ “หนุ่มทิม”
ยังไม่หยุดแค่นั้น เพราะเขารับบท “พอล อะเทรดีส” ในหนังไซ –ไฟฟอร์มยักษ์เรื่อง Dune ที่ทำออกมาฉายแล้ว 2 ภาค ตอนนี้ผู้ชมทั่วโลกก็กำลังรอคอยการมาของภาค 3
และที่สิ่งที่ทำให้ไร้ความกังขาในความสามารถร้องเพลงของ “ชาลาเมต์” ก็คือการที่เขาเคยรับบท “วิลลี่ วองก้า” ในหนังมิวสิคัล–แฟนตาซีเรื่อง Wonka ออกฉายเมื่อปี 2566
ส่วนชื่อผู้กำกับ “เจมส์ แมนโกลด์”ถือเป็นแม่เหล็กชั้นดีทำให้ตัดสินใจไม่ยาก กับการเดินเข้าโรงหนังเพื่อไปรับความบันเทิงเริงรมย์กับงานใหม่ของเขา
เพราะคุณภาพผลงานที่ผ่านมาอย่าง Ford v Ferrari, Logan, The Wolverine, Knight and Day, Indiana Jones and the Dial of Destinyฯลฯ คือเครื่องรับประกันที่ดีพอ
แต่หากถามว่าทำไมถึงเชื่อใจใน A Complete Unknown ก็ต้องบอกว่าผู้กำกับหนุ่มคนนี้เคยจับงานแนวชีวประวัติมาแล้วและก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับเรื่อง Walk the Line
https://www.youtube.com/watch?v=ZpYB6LBHdpE
หนังที่ว่าด้วยเรื่องราวของ“จอห์นนี่ แคช” ศิลปินคันทรี่ระดับตำนานของอเมริกาผู้ล่วงลับ สวมบทโดย “วาคีน ฟีนิกซ์” มีตัวละคร “จอห์นนี แคช” มาปรากฏใน A Complete Unknown ในฐานะเพื่อร่วมวงการเพลงที่ให้แรงผลักบางอย่างกับ “บ๊อบ ดีแลน”
ต้องบอกว่า “เจมส์ แมนโกลด์” นำเสนอตัวตนของ “จอห์นนี่ แคช” อย่างน่าสนใจ แม้จะโผล่ออกมาไม่กี่ฉาก แต่กลับฉูดฉาดและเฉิดฉายมาก
ส่วนบรรดานักแสดงสมทบในเรื่องนี้ ก็ฝีมือไม่เบา โดยเฉพาะ “เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน” รับบท “พีท ซีเกอร์” ศิลปินโฟล์คชั้นตำนานอีกคนในทศวรรษที่ 1960
“พีท ซีเกอร์” ถือเป็นนักร้อง-นักแต่งเพลงและนักเคลื่อนไหวที่สืบสานหลักการของดนตรีโฟล์คอเมริกันอย่างมั่นคง
เขาแต่งเพลงมากมายจนกลายเป็นมาตรฐานของดนตรีโฟล์ค เป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินรุ่นใหม่ในยุคนั้น
“เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน” แสดงเป็น “พีท ซีเกอร์” ในแบบที่เรียกว่า “น้อยแต่มาก” ประกาศฝีมือการแสดงที่นุ่มและลึกอย่างสุดประทับใจ ไม่แปลกที่ชื่อของเขาจะถูกเสนอเข้าชิงในหลายเวทีรางวัล
ขณะที่เรื่องราวใน A Complete Unknown นั้นจับเอาช่วงวัยหนุ่มของ “บ๊อบ ดีแลน” มาถ่ายทอด โดยเฉพาะในช่วงที่เขาไต่เต้าเพื่อเป็นศิลปิน
ว่ากันตามตรงหนังเปิดตัว “บ๊อบ ดีแลน” จากคนที่ไม่ได้มีชื่อเสียง แบบที่เรียกว่าเป็น “Complete Unknown” ก็ว่าได้
เขาเดินทางมายังโรงพยาบาลที่ย่านกรีนิช วิลเลจ ในนิวยอร์กเมื่อปี 1961เพื่อตามหา “วู้ดดี้ กัทรี”(สกู๊ต แม็คเนรี่) ศิลปินในดวงใจซึ่งนอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาล
จากนั้นชายหนุ่มก็นั่งเล่นเพลง “Song for Woody” ให้ “วู้ดดี้ กัทรี” ผู้เป็นไอดอลของเขาฟัง
ข้างๆเตียงก็มี “พีท ซีเกอร์” เพื่อนรักของ “วู้ดดี้ กัทรี” นั่งฟังอยู่ด้วย
เด็กหนุ่มคนนี้ทำให้ศิลปินอาวุโสทั้งคู่ตื่นตะลึงว่าพบเพชรเม็ดงามเข้าให้แล้ว
จากนั้นหนังก็นำพาผู้ชมเข้าสู่เส้นทางสายศิลปินของ “บ๊อบ ดีแลน”เขาได้ความเอื้อเฟื้อจาก “พีท ซีเกอร์” มอบโอกาสและผลักดันจนโด่งดัง ก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินที่ผู้คนมากมายชื่นชอบ
ขณะที่คาแร็คเตอร์นิ่ง ๆ แนวพูดน้อย ต่อยหนัก มีความเชื่อมั่นในฝีมือของตนเอง ก็บอกอย่างจะแจ้งถึงความเป็น “ขบถ” ของศิลปินหนุ่มคนนี้ ซึ่งหนังวางปมสำคัญว่า “บ๊อบ ดีแลน”ต้องการเปลี่ยนแปลงในหลายเรื่อง
ทั้งการได้ร้องเพลงที่เขาแต่งขึ้นเองอย่าง “Blowin’ in the Wind” ที่กลายมาเป็นเพลงอมตะขึ้นหิ้งในทุกวันนี้
จนมาถึงการแหวกกรอบของความเป็นดนตรีโฟล์คดั้งเดิม มาสู่การใช้เครื่องดนตรีไฟฟ้า กระทั่งนำไปสู่การแตกหักกับแฟนเพลงอนุรักษ์นิยม ที่ไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงของศิลปินคนโปรด
ทว่าท่ามกลางเรื่องราวชีวิตด้านดนตรีของ “บ๊อบ ดีแลน” หนังก็ให้แง่มุมของชีวิตรักของชายหนุ่มด้วย โดยเฉพาะแฟนสาว 2 คนที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเขา
คนแรกคือ “ซิลวี่ รุสโซ” (แอล แฟนนิ่ง) ซึ่งในชีวิตจริงก็คือ “ซูเซ โรโตโล” เป็นศิลปินชาวอเมริกัน ปัจจุบันล่วงลับไปแล้ว
ขณะที่อีกคนก็คือ “โจน บาเอซ” (โมนิกา บาร์บาโร) ศิลปินโฟล์คสาวชื่อดังในยุคนั้น และมักจะรัก ๆ เลิก ๆ กับ “บ๊อบ ดีแลน”
“ทิโมธี ชาลาเมต์” ฉายเสน่ห์และฝีมืออย่างน่าประทับใจ เป็นนักแสดงที่รู้จุดแข็งของตนเองและใช้สอยอย่างเป็นประโยชน์ ทั้งท่วงท่า การใช้สายตา หรือแม้แต่รอยยิ้มที่ดูแยบยลเป็นปริศนา
แน่นอนฉากร้องเพลง/เล่นดนตรีที่ Newport Folk Festival เป็นไคลแม็กซ์ที่ตราตรึงใจเหลือเกินกับเพลงที่สื่อความคิดของ “บ๊อบ ดีแลน” ออกมาอย่างจะแจ้งทั้ง “Maggie’s Farm”
และอีกเพลงสำคัญคือ “Like a Rolling Stone” เพลงที่มีท่อนประโยคหนึ่งเขียนว่า “Like a complete unknown” ถูกนำมาเป็นชื่อของภาพยนตร์และให้ความหมายอย่างลึกซึ้ง
A Complete Unknown ไม่ทำให้คนสร้างและคนทำงานในหนังเรื่องนี้ผิดหวัง เพราะเก็บรางวัลมาได้หลายเวที
ตัวดาราหนุ่ม “ทิโมธี ชาลาเมต์”เองก็คว้านักแสดงนำชายยอดเยี่ยมไปตุนไว้แล้วจากเวทีรางวัลสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ของสหรัฐฯ (SAG Awards)
ตอนนี้ A Complete Unknown กำลังลุ้นกับ 8 สาขาที่เข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 97!!
Blue Bird1/3/68