คอลัมน์ อาชญา (ลง) กลอน
โดย…ธนก บังผล
นับถอยหลังเหลือเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์แล้วที่ประวัติศาสตร์ไทยจะต้องบันทึกเหตุการณ์ในพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยนอกจากคนไทยทุกคนจะได้ร่วมกันแสดงความจงรักภักดีเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ยังมีบุคคลสำคัญระดับโลกหลายท่านเดินทางมาร่วมเช่นกัน
ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาบริเวณท้องสนามหลวงได้รองรับประชาชนจำนวนมากที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ รัชกาลที่ 9 อย่างล้นหลาม และก็มีหลายครั้งเช่นกันที่พบว่ามีมิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้ามาก่อเหตุอยู่เป็นระยะ
ด้านการรักษาความปลอดภัยงานนี้ ตำรวจได้ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ และจิตอาสา เฝ้าระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่จะเข้ามาลักทรัพย์ หลอกลวงให้เสียทรัพย์ ลักพาตัวเด็ก รวมทั้งเหตุความวุ่นวายต่างๆ
ซึ่งที่ผ่านมานั้นพบว่ามีมิจฉาชีพก่อเหตุลักทรัพย์ที่สนามหลวงมากที่สุด โดยได้เตือนประชาชนว่าหากใช้กระเป๋าสะพายควรสะพายด้านหน้าเพื่อป้องกันการกรีดกระเป๋า
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับไปยังทุกหน่วยในสังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งการดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในทุกพื้นที่ ที่มีการจัดตั้งซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ของประชาชน จำนวน 114 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร และในทุกพื้นที่ทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ
และให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน ให้โปรดใช้ความระมัดระวังอย่าหลงเชื่อ การหลอกลวงเอาทรัพย์ หรือประทุษร้ายต่อทรัพย์ของกลุ่มมิจฉาชีพ ที่จะเข้ามาแอบอ้างในรูปแบบต่าง ๆ อีกทั้งการดูแลผู้สูงอายุ หรือบุตรหลานของตนอย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้อยู่ตามลำพัง รวมทั้งขอความร่วมมือจากสถานประกอบการที่ให้บริการที่พักอาศัยทุกประเภทในพื้นที่ ในการลงทะเบียนการเข้าพักของผู้ใช้บริการทุกคนด้วย
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือจากประชาชน ในการร่วมกันสอดส่องดูแลรักษาความปลอดภัย หากพบเห็นบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์หรือเหตุอันต้องสงสัย ร่วมทั้งต้องการขอความช่วยเหลือ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบโดยทันที โดยสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สายด่วน 1599 และ 191 หรือทางแอปพลิเคชั่น Home Guard และ Police i lert u ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนด้านสุขภาพนั้น เนื่องจากประชาชนจำนวนมากที่จะหลั่งไหลเข้ามาร่วมพระราชพิธี บางคนมีโรคส่วนตัว นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ให้แนะนำผู้ที่จะเดินทางเข้าร่วมพระราชพิธีดังกล่าว ว่าก่อนออกเดินทาง ควรศึกษาเส้นทาง จราจร และเส้นทางเดินรถ ให้ละเอียด ทั้งขาไป และ ขากลับ
สำหรับผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน เป็นโรคประจำตัวอยู่ ให้ทานยาและอาหารตามเวลา ต้องพกยาและมีรายชื่อยาติดตัวตลอดเวลา ซึ่งอาจใช้วิธีจดหรือถ่ายรูปซองยาไว้ที่โทรศัพท์มือถือ
กรณีที่เป็นผู้ป่วยเรื้อรัง/ ผู้สูงอายุควรเขียน ชื่อ สกุล หมายเลข โทรศัพท์ของผู้ที่ติดต่อได้ ระบุโรคที่เป็น โรงพยาบาลรักษาเป็นประจำ ประวัติการแพ้ยา พกในกระเป๋าสตางค์หรือที่ค้นง่าย เพื่อเป็นประโยชน์หากเกิดภาวะฉุกเฉิน
เตรียมของใช้ส่วนตัว เช่น อาหารแห้ง น้ำดื่มเท่าที่จำเป็น ก่อนวันเดินทาง ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารให้ตรงเวลาและดื่มน้ำเยอะๆ นอกจากนี้ วันเดินทางในขณะที่รอ อาจพก ขนม/ น้ำดื่ม / ร่ม / หมวก /ยาดม ติดตัวไว้ด้วย
สิ่งสำคัญคือเมื่อมีอาการผิดปกติ เช่น แน่นหน้าอก หายใจติดขัด หอบเหนื่อย วิงเวียนหน้ามืด ใจสั่น คล้ายจะเป็นลมเกิดขึ้น ให้เข้าพบแพทย์ตามจุดที่ให้บริการทันที ซึ่งจะมีแพทย์ประจำ อยู่ตามจุดต่างๆ และพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ นอกจากนี้กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หากสุขภาพไม่แข็งแรง ควรรับชมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ทางโทรทัศน์
ในขณะที่ กองอำนวยการร่วมพระราชพิธี ระบุว่า ผู้ถวายดอกไม้จันทน์ ควรแต่งกายด้วยความเรียบร้อย ใส่รองเท้าคัตชู หุ้มส้น ไม่ควรใส่รองเท้าแตะ และ กทม.ห่วงใยสุขภาพของประชาชน ซึ่งในวันดังกล่าวอาจมีฝนตก จึงขอให้ประชาชนเตรียมร่ม หรือเสื้อกันฝนมาด้วย และถ้าเป็นไปได้ควรเตรียมน้ำหรืออาหารติดตัวมาด้วยก็จะสะดวกในเบื้องต้น
ส่วนหน่วยแพทย์ได้มีการเตรียมพื้นที่ ใกล้กับพระเมรุมาศจำลอง ซุ้มขนาดใหญ่ และซุ้มขนาดกลาง รวมถึงวัดต่างๆ ทั่วพื้นที่ใกล้ซุ้มที่จัดไว้ ในกรณีฉุกเฉินก็จะมีรถเข้าไปรับผู้ป่วยออกมาตามเส้นทางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดเตรียมไว้
นอกจากนี้ จากการสอบถามผู้ประกอบการโรงแรมที่พักบริเวณใกล้เคียงกับสนามหลวงนั้น ปรากฏว่าเต็มทุกที่แล้ว ส่วนบางคนที่จะค้างคืนในสถานที่ราชการต่างๆก็ต้องมีบัตรอนุญาตเข้าออก
อย่างไรก็ตามหากรู้ตัวว่าเสี่ยงที่จะเป็นลมเป็นแล้งก็ควรหาทางป้องกัน หรือสามารถดูโทรทัศน์อยู่กับบ้านก็ได้ เนื่องจากจำนวนคนที่เยอะมากหากเกิดอะไรขึ้นมาอาจทำให้รถพยาบาลไม่สามารถเข้าไปได้อย่างทันท่วงที