วันที่ 9 ส.ค. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.สั่งการ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รองผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.ธนศักดิ์ ปราสาททอง สว.กก.1 บก.ป.
จับกุมนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จารวิจิต อายุ 27 ปี ดารานักแสดง ตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 26 ก.ค.2561 ข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน”
จับได้ที่บริเวณชั้น 2 ห้างเมเจอร์รัชโยธิน ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ขณะถ่ายทำละครเรื่องใหม่
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 ม.ค. เจ้าหน้าที่กองปราบปราม ได้รับแจ้งจาก นายเออาร์นี่ โมตาวา ซาริมา ชาวฟินแลนด์ ผู้เสียหายว่า ประมาณเดือนมิถุนายน 60 กลุ่มผู้ต้องหา ชักชวนให้ลงทุนประกอบธุรกิจประเภท ซื้อ-ขาย สกุลเงินดิจิตอล ได้หลงเชื่อร่วมลงทุนด้วยการโอนเหรียญบิตคอย(สกุลเงินดิจิตอล) 5,564.44650956 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 797,408,454.33 ไปยังกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-wallet) ของกลุ่มผู้ต้องหาและพวก
แต่ปรากฏว่า ไม่ได้รับหุ้นตามจำนวนที่ตกลงกันไว้ นอกจากนี้ยังพบว่าเงินที่ลงทุนไปไม่ได้ถูกนำไปลงทุนตามที่กล่าวอ้าง ได้ทวงถามเงินจากกลุ่มผู้ต้องหา แต่ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาตลอด จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกก่อนจะรวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความกับกองปราบปราม
หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหา พบว่าโอนเงินสกุลบิตคอยมายังบัญชีของผู้ต้องหากับพวกที่เปิดร่วมกันจริง อีกทั้งยังพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาแบ่งเงินกันโดยการโอนผ่านธนาคารพาณิชย์เข้าบัญชีต่างๆของผู้ร่วมขบวนการ
เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐานก่อนขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 3 ราย คือ นายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จารวิจิต นายปริญญา จารวิจิต และน.ส.สุพิชฌะ จารวิจิต ก่อนจับกุมนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูมไว้ได้ ส่วนที่เหลือกำลังเร่งรัดติดตามจับกุม
นอกจากนี้ ยังพบว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการอีก 4 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงอยู่ในวงการหุ้นใน ตลาดหลักทรัพย์ อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ
อย่างไรก็ตาม การกระทำความผิดลักษณะนี้เป็นการกระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ” ถือว่าเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3(18)
ด้าน พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. เปิดเผยว่า น่าเห็นใจครอบครัวบูม เนื่องจากเป็นครอบครัวที่มีฐานะในสังคมและทางเศรษฐกิจ เปิดร้านอาหารอยู่ที่จ.ชลบุรี แต่การกระทำของพี่ชายบูม ไปโกงมาแล้วเอาเงินมาโอนให้พ่อแม่พี่น้อง จะกลายเป็นว่าจะมาเดือดร้อนไปด้วย จากการสอบสวนในส่วนพี่น้องบางคนรู้ อย่างเช่นบูมก็มีส่วนรู้เห็นและพูดคุยในการหลอกลวงด้วย เนื่องจากมีหลักฐานที่ชัดเจน
ส่วน พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป.กล่าวว่า ผู้เสียหายี่มีเงินในสกุลบิตคอยจำนวนมาก เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาทราบข้อมูล ได้เข้าไปติดต่อชักชวนมาลงทุนธุรกิจสกุลเงินดิจิตอล อ้างว่าจะนำเงินไปเปิดบริษัทเหรียญเงินดิจิตอลแล้วไปลงตลาดหลักทรัพย์ในไทย
ส่วนเหรียญดิจิตอลนั้นจะนำไปใช้ในบ่อนการพนันที่มาเก๊า ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ แต่ไม่ได้นำไปลงทุนจริง กลับนำเงินโอนย้ายไปยังกลุ่มของผู้ต้องหา นายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม ได้โอนเงินไปยังพี่น้องตนเองประมาณ 400 กว่าล้านบาท โดยนำเงินไปทำธุรกิจรับขายฝากที่ดิน เจ้าหน้าที่ได้ติดตามยึดที่ดินได้เป็นมูลค่า 200 กว่าล้านบาท
“เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหาแล้วทั้งหมด 49 บัญชี หากหลักฐานเชื่องโยงไปถึงพ่อหรือแม่ของของนายจิรัชพิสิษฐ์ จะต้องเรียกมาสอบสวน นอกจากนี้พบว่ามีการโอนเงินออกไปยังต่างประเทศประมาณ 30 ล้านบาทด้วย” พ.ต.อ.ชาคริต กล่าว
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ อ้างว่าบัญชีดังกล่าวเป็นของพี่ชาย ไม่มีส่วนรู้เห็น ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนที่ในวันพรุ่งนี้พนักงานสอบสวนจะควบคุมตัวส่งศาลอาญาต่อไป
สำหรับนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จารวิจิต จบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือเริ่มเข้าวงการเป็นที่รู้จัก มีผลงานถ่ายแบบนิตยสาร เป็นดารานักแสดงละคร มีผลงานเด่น อย่างเช่น เรื่อง แนวสุดท้าย ที่ฉายทางช่อง gmm 25 และเรื่องอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีผลงานการถ่ายโฆษณา ถือเป็นนักแสดงดาวรุ่งอีกด้วย