วันที่ 3เม.ย. พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 แถลงผลจับกุม โดยพ.ต.อ.ภาณุภาคย์ จิตต์ประยูรตี ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรปราการ
ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.พระประแดง และบก.สส.ภ.1 ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหากระทำความผิดเกี่ยวกับหน้ากากอนามัย
จับกุมนายประเสริฐ อายุ 49 ปี นายพงศ์เพชร อายุ 27 ปี และนายธวัช อายุ 43 ปี
พร้อมของกลาง หน้ากากอนามัยสีฟ้า 40,000 ชิ้น บรรจุในกล่องกระดาษเล็กสีขาว ยี่ห้อ First Mask 800 กล่อง
หลังล่อซื้อจาก นายประเสริฐ ในราคา 536,000 บาท
แจ้งข้อหา “ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดพรบ.ศุลกากรฯ,
ร่วมกันจำหน่ายสินค้าควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลาก หรือการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง อันเป็นความผิดตามพรบ.คุ้มครองผู้บริโภคฯ”
จากนั้นขยายผลตรวจค้นห้องแถวชั้นเดียวไม่มีเลขที่ ซอยฝั่งตรงข้ามปั๊มแก๊ส LPG เจริญดีแก๊ส ถนนเลขที่ 3004 ซอยตลาดน้ำคลองโยงต.ศาลายา อ.พุทธมฌฑล จ.นครปฐม
พบ หน้ากากอนามัยอีก 46,000 ชิ้น พร้อมคนงาน 2 รายคือ นายพงศ์เพชร และ นายธวัช
สอบถามรับว่าได้รับการว่าจ้างจาก นายประเสริฐ บรรจุหน้ากากอนามัยอยู่ที่ห้องเช่าดังกล่าว ได้ค่าแรงวันละ 350 บาท
ด้านนายประเสริฐให้การว่า เช่าห้องแถว 2 ห้องเพื่อใช้รับหน้ากากอนามัยดังกล่าวมาจากพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
และรับว่าหน้ากากอนามัยทั้งหมดไม่มีเอกสารแสดงการเสียภาษีนำเข้าโดยขายให้ผู้ที่ติดต่อเข้ามาซื้อในราคาชิ้นละ 13-14บาท
เจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลต่อโดย นายประเสริฐฯ ให้การว่าได้ติดต่อสั่งซื้อหน้ากากอนามัยจากผู้จัดส่งหน้ากากอนามัยนำเข้าจากต่างประเทศ
โดยจับกุมนส.นงนภัส อายุ 39 ปี และนายรุ่งโรจน์ อายุ41 ปี พร้อมของกลางหน้ากากอนามัย ยี่ห้อ BTV MADE IN COMBODIA 53,000 ชิ้น
สอบสวนรับสารภาพ สั่งหน้ากากอนามัยซึ่งผลิตจากประเทศเวียดนาม และนำเข้ามาทางพรมแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
โดยสั่งซื้อจากพ่อค้าชาวกัมพูชา ซึ่งขายสินค้าอยู่บริเวณตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ในราคาส่งแผ่นละ 11.5 บาท และนำมาขายให้แก่ลูกค้าทั่วไป ในราคา 11.8 บาท ได้กำไรแผ่นละ 30 สตางค์
โดยหน้ากากอนามัยทั้งหมดไม่มีเอกสารแสดงการเสียภาษีการนำเข้า
จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสภ.บางบัวทองเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
กล่าวหาว่า “ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อรับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดพรบ.ศุลกากรฯ,
ร่วมกันจำหน่ายสินค้าควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลาก หรือการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง อันเป็นความผิดตามพรบ.คุ้มครองผู้บริโภคฯ”