‘ปราสาทเขาพนมรุ้ง–สนามไอโมบาย’ ความสุดยอดของบุรีรัมย์ จากโบราณถึงปัจจุบัน
ความวิจิตรงดงามของโบราณสถาน บ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองในพื้นที่ดังกล่าวของยุคนั้นๆได้อย่างดี
วันนี้พาเที่ยวจังหวัดที่มีพร้อม ทั้งโบราณสถานที่บ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีต กับสถานที่ที่ทันสมัยสุดๆบ่งบอกความเจริญรุ่งเรืองในปัจจุบัน อย่าง จ.บุรีรัมย์
บุรีรัมย์ เป็นที่ตั้งของโบราณสถานสำคัญสมัยอารยธรรมขอมอย่างปราสาทพนมรุ้ง
ขณะเดียวกันในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศูนย์กีฬาขนาดใหญ่ สนามแข่งรถ ค่ายมวย โดยเฉพาะสนามฟุตบอล สนามไอ-โมบาย(i-Mobile Stadium) หรือ ธันเดอร์คาสเซิลสเตเดียม Thunder Castle Stadium) สนามกีฬาที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด
เราเรียกทริปนี้ว่า ทริปมหัศจรรย์ เที่ยวชมสถานที่เจริญรุ่งเรืองทั้งในยุคโบราณกับปัจจุบัน อย่างสนามไอ-โมบาย และปราสาทพนมรุ้ง ไปพร้อมๆกัน
สำหรับคนที่มีเวลาสักหน่อย แนะนำให้ขับรถเพลินๆไปเรื่อยๆ จากกรุงเทพฯ แวะพักแวะกินตลอดทาง ใช้เวลาเหลือๆประมาณ 6 ชม.ครึ่ง
ที่หมายแรก พุ่งตรงไปที่ปราสาทพนมรุ้ง อยู่หมู่ที่ 2 (บ้านดอนหนองแหน) ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์ประมาณ 77 กิโลเมตร
ปราสาทพนมรุ้ง อยู่บนยอดเขาพนมรุ้ง ภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว เป็นโบราณสถานในอิทธิพลอารยธรรมเขมรโบราณที่มีความงดงาม
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของจ.บุรีรัมย์ และเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของจ.บุรีรัมย์
รวมถึงเป็นภาพพื้นหลังตราสัญลักษณ์ของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้วย
ที่เป็นแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชม คือ มีปรากฏการณ์ธรรมชาติพระอาทิตย์ขึ้นและตก แสงอาทิตย์สาดส่องทะลุ 15 ช่องประตูของปราสาทพนมรุ้ง ทุกๆ ปีจะมีปรากฏการณ์ดังกล่าว 4 ครั้ง
อีกสิ่งหนึ่งที่ห้ามพลาดการมาชมปราสาทเขาพนมรุ้ง คือ ภาพสลักพระนารายณ์บรรทมสินธุ์
ทรงอยู่ที่ทับหลังของมณฑป ด้านทิศตะวันออกของปราสาทประธานปราสาทพนมรุ้ง ที่เคยหายไปจนเป็นข่าวคึกโครม และได้กลับมาอยู่ในที่ที่ควรอยู่
การเดินทาง เมื่อมาถึงจ.บุรีรัมย์แล้ว ขับมาตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 219 (บุรีรัมย์-ประโคนชัย) ประมาณ 44 กิโลเมตร
ถึงอ.ประโคนชัย จะเห็นทางแยกที่จะไปอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 21 กิโลเมตร โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 2075 และเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2117 ก็จะถึงอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
ทางเดินขึ้นปราสาทพนมรุ้ง ช่วงแรกเป็นทางราบ พอสุดทางราบก็จะเป็นบันไดหินทรายจำนวน 52 ขั้น
แต่ละชั้นลดหลั่นกันขึ้นไปตามลำดับความสูง ให้ความรู้สึกยอดเขาที่สูงเสียดยอดขึ้นไปสู่สวรรค์
ตามประวัติศาสตร์ ระบุว่า คำว่า พนมรุ้ง มาจากภาษาเขมรว่า วนำรุง แปลว่า ภูเขาอันกว้างใหญ่
ศาสนสถานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระศิวะ ในศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู (ตรีมูรติ) ลัทธิไศวะนิกาย
เขาพนมรุ้งและปราสาทบนยอดเขาจึงเปรียบเสมือนเขาไกรลาสอันเป็นที่ประทับของพระศิวะ
กลุ่มอาคารบนยอดเขาก่อสร้างหลายยุคสมัยตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15 – 18
ความงดงามของสถาปัตยกรรมเขมร ทำให้เรารู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่ง หลีกหนีจากโลกอันวุ่นวาย มานั่งพักผ่อนอย่างสงบพักใหญ่ ก่อนเดินชมปราสาทไปรอบๆ
สิ่งหนึ่งที่เราตั้งใจว่าต้องชมให้ได้คือ ภาพสลักทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ ซึ่งเราได้ชมได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกเรียบร้อยค่ะ
อิ่มตา อิ่มใจ กับปราสาทเขมรอันงดงามแล้ว ล้อหมุนไปต่อที่ สนามไอ-โมบาย อีกหนึ่งไฮไลท์ห้ามพลาดของ จ.บุรีรัมย์
สนามไอ–โมบาย มีความจุ 32,600 ที่นั่ง เป็นสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานระดับโลก ใช้งบประมาณก่อสร้างกว่า 500 ล้านบาท
โดยเป็นเงินสนับสนุนของไอ-โมบายและบางส่วนของเนวินชิดชอบ ประธานสโมสร โดยเปิดให้กับบุคคลทั่วไปเข้าชมฟรี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในจ.บุรีรัมย์
สนามแห่งนี้ยังได้บันทึกลงกินเนสบุ๊คด้วยว่าเป็นสนามฟุตบอลในระดับฟีฟ่าแห่งเดียวในโลก ที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลกคือ 256 วัน
ขณะเรามาเที่ยวชม ได้เห็น เนวิน ชิดชอบ แต่งตัวสบายๆสวมกางเกงสามส่วน ไม่เหลือลุ๊คนักการเมืองเลย บิดจยย.บิ๊กไบค์อยู่รอบสนามด้วย เป็นอีกหนึ่งจุดสนใจของนักท่องเที่ยวในวันนี้ไปเลย
นอกจากภายในสนามแล้ว บริเวณรอบๆสนามก็มีพื้นที่ให้เดินเล่นกว้างขวาง รวมทั้งมีร้านขายของที่ระลึกของสโมสร หรือ Buriram United Mega Store ตรงด้านหน้าสนามแถวจุดจอดรถ ซึ่งเสื้อและของที่ระลึกประจำสโมสร กลายเป็นของฝากประจำจ.บุรีรัมย์ไปแล้ว
มาถึงแล้วนะ บุรีรัมย์ จังหวัดที่มีการผสมผสานความสุดยอดจากครั้งโบราณมาถึงปัจจุบัน เอาไว้อย่างน่าอัศจรรย์
ปร์วีร์12/4/63