เปิดใจ “พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม” รักษาราชการ “ผู้บังคับการจังหวัดชลบุรี”
เน้นนักท่องเที่ยว “สะดวก-ปลอดภัย”
หลังจากโยกย้ายมาคุม จ.ชลบุรี ได้เกือบ 2 เดือน ทีมงานได้มีโอกาสเปิดใจสัมภาษณ์พิเศษ พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รรท.ผบก.ภ.จว.ชลบุรี โดยวันนี้ได้มีการพูดคุยถึงภารกิจหน้าที่สำคัญในการดูแลนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอย่างพัทยา และหัวข้อคำถามต่างๆที่น่าสนใจ อยากให้ผู้ใต้บังคับบัญชาในภูธรจังหวัดชลบุรีทุกท่าน ได้ติดตามอ่านบทบาทการเป็นผู้นำทัพสีกากีในจังหวัดชลบุรีไปพร้อมๆกัน….
มีมารตการดูแลเมืองพัทยาอย่างไร?
เรื่องการท่องเที่ยวของที่นี่ เน้นว่าต้องปลอดภัยอาชญากรรมต้องลดลง ไม่เกิดได้ดีที่สุด โดย จ.ชลบุรี มีคดีกว่า 1,800 คดีต่อปี ส่วนคดีที่เกิดขึ้นก็ครบหมด มอมยานักท่องเที่ยว ล้วงกระเป๋า กระชากกระเป๋า ลัก วิ่ง ชิง ปล้น มีครบที่พูดถึงก็นักท่องเที่ยว เกิดขึ้น 4 โรงพักหลัก คือ นาจอมเทียน บางละมุง พัทยา และหนองปรือ ที่ล้อมพัทยาทั้งหมด โดยนักท่องเที่ยวจะอยู่ละแวกนี้ พยายามจะคุมคดีให้เกิดน้อยที่สุด เดือนที่ผ่านมามี 3 คดี ตีว่าเดือนละ 10 คดี ปี1 ก็ 120 คดี เดือนนี้เกิดขึ้น 2 คดี รวมประมาณไม่ถึง 2 เดือนที่มาอยู่ก็ 5 คดี ซึ่งก็พวกกระเทยมอมยา กระชากกระเป๋า กระชากสร้อยมีเยอะ
ตอนนี้ปรับยุทธการเอาสายตรวจมาช่วยดู ปิดล้อมทางเข้า-ออก เพราะด้านหนึ่งติดทะเล ดูว่าเข้าพัทยามีกี่ทาง มีตำรวจคุม 24 ชั่วโมง การจะเกิดอาชญากรรม เกิดได้จาก 3 ปัจจัย คือ อาชญากร โอกาส และเหยื่อ ซึ่งวิเคราะห์ว่าส่วนใหญ่คดีที่เกิดขึ้น
คนร้ายมาจากนอกพื้นที่คือ เข้ามาก่อเหตุแล้วก็หลบหนีออกไป เราก็จัดตำรวจยืนแต่ละปากทาง 24 ชั่วโมง มีสายสืบเดินภายใน ต้องลงพื้นที่หาข้อมูล ตรอก ซอก ซอยเป็นอย่างไรต้องรู้หมด
อีกอย่างหนึ่งคือ พวกสาวประเภทสองค่อนข้างเยอะที่พัทยาน่าจะมีประมาณ 500 คน มีทั้งขายบริการและอื่นๆ ซึ่งหลายคนก็สุ่มเสี่ยงก่อคดี โดยเฉพาะเรื่องมอมยา ซึ่งบางส่วนที่ไม่ได้ทำประวัติไว้ ก็ต้องใช้สายสืบเฝ้าจดจำแต่ละพื้นที่ ว่าคนนี้ชื่อนี้ ยืนจุดไหนมาทำอะไร หาข้อมูลให้ได้หากสายสืบรู้จักหมดก็ง่ายในการทำงาน บางคนก่อเหตุแล้วหายไป 1-2 วัน จากนั้นก็มายืนใหม่ ซึ่งต้องทำงานให้ละเอียด
นอกจากนี้ยังให้ตำรวจจราจรมาช่วย โดยการปรับการจราจรให้ปรากฏกายเห็นเด่นชัด ปกติจราจรตอนเช้าเสร็จก็หาย เย็นถึงออกมาทีเมื่อการจราจรติดขัด แต่ตอนนี้ปรับให้ออกมาเสริมงานสายตรวจ ส่วนพนักงานสอบสวนที่ว่างเวรก็ให้ออกมาตรวจเสริม แต่ก็อาจจะไม่เต็มที่มากนักเพราะสำนวนก็ค่อนข้างเยอะ แต่ที่ถือว่าโชคดีคือ กล้องวงจรปิดที่นี่มีเยอะมาก ที่สำคัญค่อข้างชัดด้วย
จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวอย่างไร?
เรื่องนี้จะให้เป็นหน้าที่ของตำรวจส่วนเดียวไม่ได้ วันก่อนคุยกับทางผู้ว่าราชการจังหวัด และก็ให้ท่านช่วยในการประชาสัมพันธ์เพราะตำรวจไม่เก่งในส่วนนี้ แต่ตำรวจรับมาในเรื่องตัวอาชญากรและการปิดโอกาส เพื่อให้สามารถคุมให้อยู่ ส่วนทางฝ่ายปกครองก็ต้องดูเรื่องการประชาสัมพันธ์ เช่น การแจกแผ่นพับ สติ๊กเกอร์ การทำความเข้าใจต่างๆ ส่วนสถิติคดีก็ประชุมทุกเดือน มีการวิเคราะห์ตลอด แต่ตอนนี้อาจวัดไม่ได้มาก เนื่องจากมีปัญหาเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงกว่าครึ่ง เหยื่อก็น้อยลง ซึ่งตั้งแต่มาอยู่แม้มีแค่ 5 คดีที่เกิดขึ้น แต่ม่ใช่เพราะผมมาอยู่อย่างเดียว แต่มีปัจจัยอื่นด้วย เพราะนักท่องเที่ยวน้อยลง
ส่วนหน่วยงานอื่นทั้ง ตม. ตำรวจท่องเที่ยว ก็มีการประสานความร่วมมือกันโดยตลอด เพื่อประสานข้อมูลคนร้าย อาชญากรแฝงที่มีการติดต่อกันตลอด ซึ่งขั้นตอนต่อไปจากนี้ คาดว่าเดือนมกราคมในส่วนของการท่องเที่ยวจะต้องสำรวจลึกถึงขั้นการลงเรือไปดูแล เช่น เรือลำนี้นั่งได้ 100 คน ตำรวจก็ต้องเช็คว่านั่งไม่เกินจำนวน ไม่ให้เกิดเรือแตก เรือล่ม ต้องควบคุมให้ดี ต้องจัดตำรวจไปรับผิดชอบด้วย โดยจะเรียกผู้ประกอบการมารับนโยบายที่เราจัดทำด้วย ผู้โดยสารก็ต้องช่วยด้วย จะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เรือล่มเหมือน พระนครศรีอยุธยาไม่ได้
ส่วนกิจกรรมหลายอย่างที่มีที่นี่ เช่น ดำน้ำ ก็ต้องตรวจสอบให้ดี เพราะดำน้ำเสียชีวิตก็มีหลายราย คือ ดำได้ มีใบผ่านการรับรอง แต่พักผ่อนไม่พอ หรือดื่มแอลกอฮอล์ มีโรคไหม ต้องอบรมผู้ประกอบการในส่วนนี้ด้วย ไม่ใช่มีใบดำน้ำได้ ก็ให้ลงไปก็น็อคเสียชีวิต ตอนผมมาอยู่ก็มีคนหนึ่ง เพราะไม่ได้นอนพักแล้วลงไป อากาศกดทับลงไปก็หมดสติเสียชีวิต
ปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่
จ.ชลบุรี ถือว่าเยอะเป็นอันดับ 1 ของภาค 2 อยู่แล้ว อาชญากรรมหลักๆที่มาแก้ก็พวกลักรถจักรยานยนต์กับรถยนต์ ซึ่งติดอันดับประเทศ แต่การจับกุมก็มากเป็นอันดับ 1 ของภาค 2 เช่นกัน ตอนนี้ก็มากวดขัน ปรับให้อยู่ในกรอบทั้งหมด วันก่อน สภ.หนองขาม ก็จับแก๊งลักรถจักรยานยนต์ได้ไปกว่า 10 คัน พยายามจับให้ตลอด ส่วนด้านความมั่นคงก็มีชุดตรวจสอบที่ประสานกับทางกรุงเทพฯ และมีอาสาสมัครกว่า 200 คน ที่มาเดินให้ข้อมูลข่าวสารในพื้นที่ หากพบสิ่งผิดปกติก็จะบอก แม้จะมีคนเยอะแต่รู้เพราะชำนาญพื้นที่ ในส่วนนี้เป็นอาสาสมัครมาช่วย ใครว่างจากงานก็มา ตรงนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายให้ แต่บางคนก็ฝีมือดีที่ทำประจำ คุยกับทางผู้ว่าฯชลบุรี ก็กำลังหางบให้วันละ 100-200 บาท หรือค่าข้าว เพราะถือว่าเขามาช่วยงานก็ต้องดูแลกัน เพราะปีๆ เงินลงพัทยา ไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปีที่หมุนเวียนในพัทยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับโลก ที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยว คดีอาชญากรรมก็เยอะ ก็กวาดล้างตลอด
ปืนก็เยอะ ตอนผมเป็น ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 จับปืนได้ให้กระบอกละ 2,000 บาท แต่อยู่ที่นี่แจกไม่ไหว เพราะจับทีเป็น 100 กระบอก จับ 200 กระบอกก็ 4 แสนบาทแล้ว ไม่ไหว (หัวเราะ) แต่ก็ดูแลในส่วนอื่นเต็มที่ ส่วนปืนที่จับได้ก็มีการนำไปตรวจพิสูจน์ มีการนำไปยิงส่งเปรียบเทียบว่าเคยก่อเหตุมาแล้วหรือไม่
เครื่องมือยังขาดอะไรหรือไม่?
ตอนนี้พบว่า เสื้อกันกระสุนไม่เพียงพอ ไปปล่อยแถวใส่แต่เสื้อสะท้อนแสง ส่วนรถ กระบองไฟ เครื่องมือเครื่องใช้ ก็ยังพอไหว ตอนนี้ก็เร่งดำเนินการ พยายามหาอุปกรณ์ให้ครบทุกคน
สำนวนคดีเป็นอย่างไร?
คดีที่นี่ถือว่าค้างค่อนข้างเยอะ แตกต่างกับนครบาลคือ พนักงานสอบสวนไม่ค่อยมี และทำงานไม่เต็มที่ มีคดีที่ค้างอยู่หลายสำนวนมานาน ก็ต้องเร่งสะสางแก้ไข ไม่ให้ชาวบ้านเกิดความเดือดร้อน ซึ่งคดีส่วนใหญ่ที่มีปัญหาคือ คดีฟื้นฟู คือจับคดีเสพมา แล้วเมื่อถามว่าจะฟื้นฟูไหม ก็พร้อม แต่กรมคุมประพฤติ รับไป ยังไม่ทันรับยาบำบัด แต่หนีประกันแล้ว บางคนฟื้นฟูไม่ผ่านก็หนีเลย เมื่อไปขอหมายจับอีกก็ทำไม่ได้ เพราะศาลบอกว่าให้เป็นหน้าที่ของกรมคุมประพฤติ ซึ่งเขาเองก็ไม่มีกำลังในการตามจับ ทำให้คดีค้าง สำนวนก็ออกไม่ได้ เพราะสำนวนจะออกได้ต้องมีผลการฟื้นฟูว่าผ่านหรือไม่ ซึ่งเขาเองก็ไม่มีกำลัง กฎหมายไม่ให้ สำนวนค้างกว่าหม่นคดีเฉพาะเรื่องนี้ ทางแก้คือ แก้กฎหมายให้ตำรวจมีอำนาจในการจับกุม ช่วยจับได้ ไม่ก็เพิ่มคนให้พวกบำบัดฟื้นฟูในการทำงาน ส่วนนี้ถือว่าเยอะมาก
ทำไมคดีถึงเกิดที่ จ.ชลบุรี ค่อนข้างเยอะ?
สาเหตุหลักๆคือ คนต่างถิ่นเข้ามาเยอะมาก มีประชากรในพื้นที่ประมาณ 1.2 ล้านคน แต่ประชากรแฝงมี 5 ล้าน ทุกคนหลั่งไหลมาทำงานที่นี่ เหมือนกรุงเทพฯ คนมีรายได้อันดับ 3 ของประเทศถือว่าค่อนข้างดี เมื่อคนเยอะ เงินเยอะ ก็ทำให้มีอาชญากรรมเพิ่มขึ้น
กดดันหรือไม่มาเป็น “ผบก.ภ.จ.ชลบุรี”
ไม่กดดัน (หัวเราะ) หากคุมพัทยาอยู่ก็คุมอยู่ทั้งจังหวัด กำลังดำเนินการอยู่ในเรื่องท่องเที่ยวต้องเอาให้อยู่ทั้งผู้บังคับบัญชาจากทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายปกครอง ก็ฝากให้เอาให้อยู่เรื่องท่องเที่ยว มีเยอะไปหมด ตำรวจที่นี่ก็มีปัญหาเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมองว่ายังไม่เต็มความสามารถที่มีอยู่ ก็ต้องปรับกันไป แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด เน้นว่าต้องสะดวก ปลอดภัย คดีที่เกิดกับนักท่องเที่ยวต้องลด เพราะหากคุมได้ในส่วนนี้ประชาชนคนอื่นๆก็ได้ผลดีไปด้วย