“แนะนำนายร้อยตำรวจหญิง สาวเก่ง ตัวเล็ก”
วันนี้อาจารย์อิ๊กจะพาไปรู้จักผู้หญิงส่วนน้อย ที่อยู่ใน รร.นายร้อยตำรวจ มีเพียง 55 คนต่อปีในการได้เป็น 1 ในแสน หัวต้องดี ร่างกายต้องไหว ใจต้องสู้
นรต.หญิงถนอมรัตน์ ปานอินทร์ ชื่อเล่น หนึ่ง ชั้นปีที่ 4 รุ่นที่ 70 ตำแหน่งปัจจุบัน ผู้ช่วย ผบ.มว.ร้อย 1 ปค.1 บก.ปค.
ความฝันวัยเยาว์ ก่อนเข้า รร.นายร้อย
ความฝันตั้งแต่เด็กๆ อยากจะเป็นเภสัชกรค่ะ จำได้ว่าไปทำงานกับแม่ที่โรงพยาบาลแล้วได้กลิ่นยา จากห้องจ่ายยา ตอนนั้นเลยคิดว่าถ้าได้ทำงานในห้องนี้ คงจะมีความสุข แต่โตมาเรื่อยๆ ช่วงมัธยมปลาย ก็มีความคิดว่าอยากจะเป็นครู เพราะชอบที่จะสอนการบ้านเพื่อน และก็น้อง ความรู้สึกที่ว่า ตอนที่เห็นคนอื่นเค้าเข้าใจในสิ่งที่เราสอน แล้วเราโคตรมีความสุข ความฝันที่จะเป็นตำรวจ ตอนนั้นพูดได้เลยว่าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นตำรวจเลยค่ะ (หัวเราะ)
“เป็นผู้หญิงทำไมถึงอยากเป็นตำรวจ”
ตอนแรก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านักเรียนนายร้อยตำรวจหญิง และโรงเรียนนายร้อยตำรวจเป็นอย่างไร เข้าใจแค่ว่าจบมาแล้วประกอบอาชีพตำรวจ แต่ที่ได้มาสอบเพราะ เพื่อนสนิท เขามีความฝันว่าอยากจะเป็น และแนะนำให้มาสอบ ถ้าไม่ได้เพื่อนคนนี้ก็คงไม่มีคำนำหน้าชื่อว่า นรต.หญิง เหมือนทุกวันนี้ค่ะ ตอนก่อนมาสอบเลยคิดว่า “การได้ช่วยเหลือประชาชน ที่เดือดร้อน ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ในการทำอาชีพที่ได้มีส่วนช่วยชีวิตคนอื่น มันมีคุณค่าต่อการเกิดมา1 ชีวิต ของคน1 คน คะ”
การฝึกแตกต่างจากผู้ชายหรือไม่ เคยท้อใจบ้างหรือไม่
สำหรับเรื่องการฝึกทางผู้บังคับบัญชา เล็งเห็นความสำคัญของพวกเราค่ะ ท่านจึงให้เราฝึกทุกอย่างด้วยกันตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการฝึก การเรียน ระเบียบ กิจวัตร ความเป็นอยู่ทุกอย่าง หรือแม้แต่การฝึกภาคสนามพวกเราทั้งชาย หญิง ก็ไปฝึกด้วยกัน และเหมือนกัน เพราะเราคือ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นเดียวกัน พูดง่ายๆเลย คือทำทุกอย่างด้วยกันตลอดตั้งแต่แรกเข้า รร. เลยค่ะ มีจะแยกกันก็น่าจะแค่อาคารที่พักค่ะ
ท้อใจเชื่อว่าก็คงจะต้องมีกันทุกคนค่ะ มันเป็นเพราะเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ระเบียบ ความเป็นอยู่ภายในโรงเรียนมันเป็นอย่างไร พอเข้ามาถึงได้รู้ และเข้าใจ มันมีคำพูดนึงค่ะว่า “ไม่มีใครเข้าใจคำว่าเหนื่อยของ นรต. เท่ากับ นรต. ด้วยกันเอง” มันเป็นคำที่อธิบายยังไงก็ไม่เข้าใจ ถ้าไม่ได้สัมผัสมันเอง (หัวเราะ) โดยเฉพาะช่วงนักเรียนใหม่ มันเป็นอะไรที่ทั้งเหนื่อย ทั้งอยากลำบาก ช่วงเวลาของการปรับตัว และเรียนรู้ทุกสิ่งที่พี่ๆเขาปลูกฝัง เรียนรู้จากเพื่อนๆตอนนั้นมีคำที่พี่เขาสอน และเราก็ท่องอยู่ในใจค่ะว่า “ถ้าเพื่อนทำได้ เราก็ต้องทำได้ และต้องทำได้ดีด้วย” มันทำให้เราผ่านทุกช่วงเวลา ทุกการเปลี่ยนแปลงมาได้ ไม่ว่าจะเหนื่อยขนาดไหน แต่ถ้าใจเราไม่แพ้ ยังไงก็ผ่านไปได้อยู่แล้วค่ะ
โรงเรียนสอนให้มีระเบียบวินัยและรักประชาชน
ไม่ได้คิด หรือรู้ก่อนเลยค่ะว่า การเรียนในโรงเรียนนี้เป็นแบบไหน มีธรรมเนียม ประเพณีอย่างไร พูดได้เต็มปากค่ะว่า มาเรียนรู้ครั้งแรก ก็วันรายงานตัว
การเรียน การใช้ชีวิตของ นรต.จะต้องอยู่ในกฎระเบียบ มีวัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่ไม่เหมือนกับสถาบันไหน วัฒนธรรมที่เกิดขึ้น มันคือวันที่สร้างความประทับใจที่พี่ทำให้น้องทุกรุ่นสืบต่อกันมา ” โรงเรียนสอนเสมอให้ช่วยเหลือประชาชน ให้ดูแลประชาชน เพราะเราคือตำรวจของประชาชน ” แม้ใจเรารู้ว่ามีบ้างที่คนอาจจะมองภาพรวมแล้วตำหนิอาชีพนี้ แต่เราต้องตั้งมั่นในสิ่งที่โรงเรียนสอนเราให้เป็นคนดี
เล่าเรื่องประทับใจระหว่างเรียน
มีเรื่องประทับใจหลายๆอย่างมากมาย ตั้งแต่ผู้บังคับบัญชา ครูอาจารย์ พี่ เพื่อน น้อง จนถึงป้าโรงเลี้ยง ป้าซักผ้า ทุกๆคนสร้างความประทับใจให้เราทั้งนั้น อย่าง ครูอิ๊ก ก็เป็นครูที่ประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเลยค่ะ ทั้งสวย และเก่ง ยิ่งได้เรียน ยิ่งรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรดีมากกว่าความสวยที่เราเห็น แต่ยังมีความรู้ ความสามารถ และความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ด้วยค่ะ แต่ถ้าพูดถึงประเพณีที่ชอบและประทับใจ คงจะเป็นประเพณีวิ่งรับหมวก เป็นประเพณีที่ทุกชั้นปีต้องวิ่ง ก่อนที่จะได้รับหมวกสีประจำชั้นปี โดยจะวิ่งก่อนวันที่จะเปิดภาคการศึกษาที่ 1 เส้นทางรอบโรงเรียนตามจำนวนรอบที่กำหนด ทุกคนวิ่งไปด้วยกันทั้งรุ่น และเมื่อวิ่งเสร็จก็จะมารวมกันที่ลานปาณะดิษ เพื่อดื่มน้ำพร้อมกัน พี่ยินดีให้น้อง น้องยินดีให้พี่ เป็นภาพที่เราทุกคนรับรู้ว่าทั้งพี่ และน้องทุกคนเหนื่อยไม่ต่างกัน เพื่อเป้าหมายเดียวอันเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้เป็นสิ่งที่ประทับใจมาตลอดค่ะ
เป็นตำรวจ เหมือนยืนอยู่บนปลายเข็ม เหยียบหนักเจ็บมาก เหยียบเบาเจ็บน้อย คำว่าไม่เจ็บไม่มี
ขอยกคำที่ท่าน พล.ต.ต.ขุนพันธราชรักษ์ ราชเดช ได้กล่าวไว้ ” เป็นตำรวจ เหมือนยืนอยู่บนปลายเข็ม เหยียบหนักเจ็บมาก เหยียบเบาเจ็บน้อย คำว่าไม่เจ็บไม่มี มึงคิดดีเเล้วเหรอที่จะมาเป็นตำรวจ ใจมึงต้องหนักเเน่นดั่งขุนเขา ถึงจะมาเป็นตำรวจได้
เป็นคำที่ได้ยินครั้งแรก แล้วเรารู้สึกว่ามันใช่มากๆค่ะ อย่างที่เขาบอกกัน เป็นตำรวจทำดีก็แค่เสมอตัว ทำไปเถอะไม่ต้องหวังคำชมเชย ทำแล้วไม่มีคำติเตียน นั่นแหละคือคำชมชองเรา มันทำให้เราได้เตือนตัวเอง อยู่เสมอว่า สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวัน เราทำเพียง เพราะแค่ต้องการคำชมเชย หรือเราทำ เพราะประชาชน “ตำรวจดีๆมีเยอะคะ ขอโอกาสให้พวกเราได้ตั้งใจพิสูจน์”
ประสบการณ์การฝึกงานที่สถานีตำรวจ มันเป็นความประทับใจ ที่พี่ๆเขาสอน พี่เขาสอนว่า งานตำรวจเป็นงานบริการอย่างหนึ่ง ประชาชนเข้ามาโรงพักด้วยความร้อนใจ เรามีหน้าที่บริการให้เขาเย็นใจ และต้องทำให้เขายิ้มได้เมื่อออกไปจากเรา สิ่งนี้คือเครื่องยืนยันว่า” ตำรวจน้ำดียังมีอยู่ และก็มีมากจริงๆค่ะ “
หลายคนไม่ได้กลับบ้าน นั่งรอผู้ต้องหาที่นัดไว้ไม่ได้ไปนัดกับครอบครัว โดยพื้นอาชีพตำรวจ เป็นงานที่ช่วยเหลือสังคมอยู่ เราสัมผัสกับประชาคมทุกกลุ่ม แทบจะทุกๆด้านของชีวิตเลยด้วยซ้ำ แค่เราตั้งใจทำงาน ทำหน้าที่ และเตือนตัวเองเสมอว่าเรากำลังทำงานเพื่อใคร แค่นี้เท่านี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ แต่ถ้าเราอยากจะทำอะไรที่มากกว่าหน้าที่ที่เราทำอยู่ ก็เป็นอะไรที่ง่ายที่จะเข้าถึง และช่วยเหลือคนอื่น เพราะเรารู้จักธรรมชาติของคน รู้จักพื้นที่จากงานที่เราทำ สิ่งนี้
เมื่อเป็นตำรวจผู้หญิง โดนเปรียบเทียบกับ ผู้ชายหรือไม่
เรื่องการเปรียบเทียบ เชื่อว่ามันมีอยู่ในทุกสังคมบนโลกใบนี้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองมันในมุมไหนมากกว่า โดยส่วนตัวไม่ได้เอาเรื่องมาเป็นประเด็นในการดำเนินชีวิต เพราะ ทั้งชาย และหญิง มีทั้งความเหมือน และต่างกัน เรื่องเพศจึงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญ คือ คุณธรรม จริยธรรม และความสำนึกผิดชอบชั่วดี ในตัวคนไม่ว่าจะเป็นเพศไหนมากกว่าค่ะ
ฝากอะไรถึงน้องๆที่อยากเป็นตำรวจ ผู้หญิง
อยากฝากน้องๆว่า สิ่งที่น้องๆตัดสินใจ อาจเป็นการตัดสิน และกำหนดชีวิต เราต้องถามตัวเองว่าพร้อมที่จะยอมรับมันทั้งชีวิตได้หรือไม่ “เป็นตำรวจ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ไม่ได้มีแค่เครื่องแบบ เกียรติยศ ศักดิ์ศรี” แต่ยังมีหน้าที่ ความรับผิดชอบ
ความยากลำบาก
สุดท้ายก็ขออวยพรให้น้องที่คิดว่าทางนี้มันใช่ และมีความฝัน ขอให้ความตั้งใจ และความฝันของน้อง ทำให้น้องประสบความสำเร็จในสิ่งที่น้องตั้งใจค่ะ “ผลของความพยายาม มันหอมหวานเสมอ”