Sunday, November 24, 2024
More

    70.ทุกอย่างง่ายไปหมด

    ตำนานมือปราบพระกาฬ ชลอ เกิดเทศ โดยกิตติพงศ์ นโรปการณ์

             นอกจากจะได้ตำหนิรูปพรรณ 1 ใน 3 โจรปล้นรถทัวร์ที่ได้จากคนเจ็บ สิบตำรวจเอกขรรค์ชัย อุ่นจิต ลูกน้องตำรวจในสังกัดที่พลาดท่าถูกโจรยิง ระบุว่าเป็นชายรูปร่างผอมสูง หน้าเสี้ยม คางยื่น ไว้ผมรองทรง อายุประมาณ 30 ปีเศษแล้ว
                       
    ชลอ ยังสั่งให้ ผู้กองคก ร้อยตำรวจเอกเจตนากร นภีตะภัฐ อดีตนักรักบี้ทีมชาติ เหรียญทองซีเกมส์เมื่อปีพุทธศักราช 2522 เดินทางขึ้นไปประสานกับพันตำรวจโทมนัส สังข์พนัส สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอวิเศษไชยชาญ จังหวัดอ่างทอง เจ้าของท้องที่เกิดเหตุเพื่อข้อมูลตำหนิรูปพรรณคนร้ายอีกคนหนึ่งที่ขึ้นไปร่วมปล้นผู้โดยสาร พร้อมรายละเอียดอื่นๆ

    ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะที่คนร้ายขับตามมารับ 2  โจรหลบหนีไป ตามคำให้การของบรรดาผู้โดยสารที่อยู่ในรถทัวร์คันเกิดเหตุ  รวมทั้งบัญชีทรัพย์สินของผู้โดยสารแต่ละคนที่ถูกคนร้ายขู่บังคับเอาไปด้วย
                        
    แต่ถึงกระนั้น นายตำรวจนักบู๊ ก็ไม่ได้รอรายละเอียดจากตำรวจเมืองอ่างทองเพียงทางเดียว

    ด้วยความฉับไว ชลอสั่งไอ้เหน่ สายโจรของเขาที่ชำนาญในพื้นที่ย่านนั้น กระจายข่าวออกควานหาเป้าหมาย ชายรูปร่างผอมสูง หน้าเสี้ยม คางยื่น ไว้ผมรองทรง อายุประมาณ 30 ปี

    ในเขตพื้นที่อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ ตาก ยันไปถึงจังหวัดเชียงใหม่ ที่เขาประสานให้พ่อเลี้ยงแคนนะ ผู้กว้างขวางสายทหารในภาคเหนือเชียงใหม่ เจ้าของบริษัทเมืองเหนือคอนสตรัคชั่น บริษัททำทางยุทธศาสตร์ในภาคเหนือ ให้สอดส่องดูบุคคลต้องสงสัยตามตำหนิรูปพรรณที่ว่า
            
    รวมทั้งให้ตำรวจลูกน้องเก่าๆในเขตภาค 1อย่างร้อยตำรวจโทเจิม ภู่สุดแสวง อดีตจ่ากองผู้ใหญ่กองเมืองพระนครศรีอยุธยาไปตามหา ไอ้จง ปากน้ำโพ 1 ในโจรแต่งตัวเป็นตำรวจปล้นฆ่าคนขับรถสิบล้อ ที่ชลอเคยให้หมวดเจิมไปจับ เมื่อสมัยยังเป็นผู้กองเมืองอ่างทอง

    รวมทั้งแก๊งไอ้วี หัวรอ  แก๊งปล้นฆ่าชิงรถสิบล้อ ส่งไปขายให้ ไอ้ออย เกาะคา  และไอ้วัง แม่ทะ คนสนิทพ่อเลี้ยงแคนนะ ว่ามันออกจากจากคุกมาหรือยัง หรือหากติดคุกอยู่ให้สอบถามรายละเอียดหาข้อมูลคนร้ายแก๊งอื่นๆด้วย
                        
    ไม่ใช่แค่สายโจร เขายังให้แหล่งข่าวในบ่อนการพนันต่างๆที่อยู่ในเครือข่าย ออกควานหาข้อมูลแก๊งโจรปล้นฆ่าตำรวจ

    เน้นไปที่มีชายลักษณะดังกล่าวอยู่ในก๊วน รวมไปถึงการให้ตำรวจในสายของชลอ ทุกคนช่วยกันสืบสวน และพลิกแฟ้มประวัติอาชญากรทีมีแผนประทุษกรรมในลักษณะนี้ด้วย
                          
     —————————————————————————
                        
    เกือบแปดโมงเช้า หลังปีใหม่สองสามวัน ที่บ้านของชลอ ในหมู่บ้านปัฐวิกรณ์
                        
    ชลอ นั่งกินกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่เทอเรซหน้าบ้าน ในหน้าหนังสือพิมพ์ยังมีข่าวการไล่ล่าแก๊งโจรปล้นรถทัวร์กรุงเทพฯ-อ่างทอง ที่อหังการยิงตำรวจกองปราบตาย 1 เจ็บ 1 ประดับอยู่ ปะปนกับข่าวฉลองสมโภชน์กรุงเทพมหานครครบ 200 ปี ที่รัฐบาลแถลงจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ตลอดทั้งปี
            
    ตามข่าวงานพิธีเฉลิมฉลองจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน  ตรงกับวันสถาปนาราชวงศ์จักรี หลังจากวันเดือนเดียวกันนี้เมื่อ 200 ปีที่แล้ว สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เลิกทัพกลับจากกัมพูชา เพราะในกรุงธนบุรีเกิดการจลาจล
            
    ทันทีที่ถึงกรุงธนบุรี ขุนนางน้อยใหญ่ทั้งหลาย พากันอ่อนน้อมยอมสวามิภักดิ์ เรียกร้องให้แก้ไขวิกฤติการณ์ พร้อมกับอัญเชิญให้พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินไทยสืบต่อไป เมื่อวันที่ 6 เมษายน พุทธศักราช 2325 ทรงพระนาม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี
            
    จากนั้น ทรงมีบัญชาย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีมาอยู่ที่บางกอก ซึ่งอยู่ฝั่งฟากตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากทำเลที่เป็นยุทธศาสตร์ ข้าศึกโจมตีได้ยาก รวมทั้งสามารถขยับขยายพระราชวังออกไปได้มาก
            
    สำหรับประวัติบางกอก เท่าที่ชลออ่านหนังสือมาทราบว่า เดิมทีนั้นเป็นชุมชนชาวจีน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้่า ทรงชดเชยเงินทองให้ชาวจีนทั้งหมดย้ายไปอยู่ที่ตำบลสำเพ็ง ก่อนมีพระบรมราชโองการสร้างพระบรมมหาราชวังใหม่จนแล้วเสร็จในอีก 3 ปีต่อมา

    ต่อจากนั้นได้กระทำพิธีปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์อีกครั้ง รวมทั้งจัดให้มีการเฉลิมฉลองสมโภชน์พระนครใหม่ ที่ทรงพระราชทานนามนี้ว่า

    “กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยามหาดิลก ภพนพรัตน์ราชธานี บุรีรมย์อุดมราชนิเวศน์ มหาสถาน อมรพิมานอวตาลสถิต สักกทิตติยวิษณุ กรรมประสิทธิ์ ”
            
    แปลว่าเมืองชาวเทวดา หรือเรียกกันง่ายๆว่า กรุงรัตนโกสินทร์
            
    นายตำรวจหนุ่มในชุดลำลอง เงยหน้าละสายตาจากหนังสือพิมพ์ เพราะเหลือบเห็นร้อยตำรวจโทเจิม ภู่สุดแสวง รองสารวัตรสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอบางปะหัน อดีตจ่ากองผู้ใหญ่โรงพักเมืองพระนครศรีอยุธยา พร้อมไอ้เหน่ และลูกน้องติดตามอีก 2-3 คน หอบหิ้วของพะรุงพะรังเดินเข้ามาในบ้าน เลยชิงทักทายก่อน
                        
    “เอ้าพี่เจิม.. มายังไงแบกข้าวของรุงรัง…”
            
    ขณะที่คนในบ้านของชลอ ที่คุ้นหน้าคุ้นตาอาคันตุกะกลุ่มนี้ กุลีกุจอเข้าไปช่วยถือสัมภาระ ก่อนที่หมวดเจิม ลูกน้องเก่าที่ชลอให้ความนับถือเสมือนเป็นญาติ  ก้าวเท้าเข้ามาอยู่หน้านายตำรวจหนุ่มรุ่นน้อง ที่เจริญเติบโตในชีวิตราชการมาเป็นผู้บังคับบัญชา กลายเป็นมือปราบอนาคตไกล พร้อมยกมือไหว้กล่าวคำอวยพรปีใหม่ และขอโทษที่ไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงฉลองที่บ้านปัฐวิกรณ์ ซึ่งชลอจัดกันเลี้ยงอย่างสนุกสนาน  
                        
    ขณะที่นายตำรวจหนุ่มบอกไม่เป็นไร เพราะรู้ว่าต่างคนต่างมีครอบครัว ต่างคนต่างมีภารกิจที่ต้องทำ
                        
    “ผมมีข่าวมาบอกนายด้วย เป็นข้อมูลจากลูกน้องผมแถวๆตำบลต้นโพธิ์ เมืองสิงห์บุรี มีเป้าหมาย 2-3 คน พฤติกรรมมันน่าสงสัยครับนาย

    ไอ้พวกนี้นอกจากจะไม่มีงานทำเป็นชิ้นเป็นอัน ช่วงก่อนปีใหม่ มันก็ไม่อยู่ในพื้นที่ ตอนนี้ก็ยังไม่กลับเข้ามา ผมให้ลูกน้องไอ้เหน่ ที่อยู่แถวๆนั้นไปแอบถาม ก็ไม่มีใครรู้ว่าไอ้พวกนี้มันหายไปไหน…….”
            
    เจิม ภู่สุดแสวง พูดเหมือนกระซิบ แต่สิ่งที่หมวดเจิมพูดนั้น มีน้ำหนักพอให้ ชลอ วางหนังสือพิมพ์ลง พร้อมยกแก้วกาแฟที่เริ่มคลายความร้อนลงขึ้นจิบ แต่สายตายังจับไปท่ีคู่สนทนารุ่นพี่อย่างให้ความสนใจและให้ความสำคัญ ก่อนที่อดีตจ่าผู้ใหญ่กองเมืองโรงพักกรุงเก่าจะกล่าวต่อ
                        
    “ท่ีน่าสนใจนะครับนาย 1 ในนั้นชื่อ ไอ้น้อย มันมีตำหนิรูปพรรณตรงตามที่นายให้พวกผมควานหาครับ…”
                        
    ชลอยิ้มอย่างพึงใจ  
                        
    “ส่วนอีกคน ตำหนิรูปพรรณอะไรตรงตามคำให้การของเจ้าทุกข์ผู้โดยสาร เป็นเด็กหนุ่มวัย 20 ปีเศษๆ  

    ไอ้นี่ชื่อไอ้หมูครับ ส่วนพวกมันที่หายไปอีกคน ชื่อไอ้ตี๋ครับ น่าจะเป็นคนขับรถกระบะที่ตามมารับไอ้ 2 คนนี้…..”
            
    หมวดเจิมกล่าวต่อถึงเป้าหมายโจรที่กล้าลูบคมยิงตำรวจ
                        
    “ให้ได้อย่างงี้สิพี่เจิม  โชคดีแต่ต้นปี นี่ถือเป็นของขวัญที่ดีสำหรับผมเลยเรื้องนี้…….”
            
    นายตำรวจมือปราบลูกชายพันโทแช่ม เกิดเทศ กล่าวอย่างลิงโลด ขณะที่แววตาเป็นประกาย พร้อมหันไปทาง จ่าตั๋น -จ่าสิบตำรวจทนงศักดิ์ แจ่มแจ้ง และจ่ายะ -จ่าสิบตำรวจวิริยะ คุ้มรัตน์ 2 ตำรวจกองปราบปรามคนสนิท
                       
    “เฮ่ย …ไอ้ตั๋น ไอ้ยะ มึงหาข่าวหาปลาให้พี่เจิมกินก่อน  เสร็จแล้วมึงวิทยุไปที่ศูนย์สามยอด แจ้งใหติดต่อ ไอ้เบี้ยว ไอ้คก กับไอ้ทองดำ  ว.13 เข้ามาที่บ้าน กูจะให้มาร่วมวางแผนตามหาตัวไอ้ 3 ตัวนี่….”
            
    จ่าจั๋น-จ่ายะ 2 ตำรวจคนสนิทที่นั่งอยู่ใกล้ๆรับคำสั่งตามตัว 3 นายตำรวจทันที
            
    ——————————————————————————-
            
    อีกไม่ถึง 2 ชั่วโมงต่อมา ที่บ้านชลอ ในหมู่บ้านปัฐวิกรณ์ เริ่มคึกคัก เพราะนอกจาก 3 นายตำรวจที่ชลอให้ตามมา คือ ผู้กองเบี้ยว-ร้อยตำรวจเอกพิภพ เบี้ยวไข่มุข  ผู้กองคก -ร้อยตำรวจเอกเจตนากร นภีตะภัฎ และผู้หมวดทองดำ-ร้อยตำรวจโททองดำ ลาภิกานนท์ แล้ว
            
    ยังมีรองแป๋ง-พันตำรวจโทอัมรินทร์ เนียมสกุล รองผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม นายตำรวจหนุ่มจากรั้วสามพรานรุ่น 21 ที่เพิ่งจบมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ดีกรีเอฟบีไอ หมวดหนุ่ย-ร้อยตำรวจโทอภินันท์ เกตุษเฐียร รองสารวัตรแผนก 2 กองกำกับการ 2 กองปราบปราม หมวดป๊อก-ร้อยตำรวจโทโรจนะ สมุนไพร รองสารวัตร แผนก1 กองกำกับการ 8 กองปราบปราม สองนายตำรวจนักฟุตบอลที่แวะเข้ามาหามาอวยพรในช่วงปีใหม่
            
    นายตำรวจที่ว่าตอนนี้ไม่ต่างจากอัศวินโต๊ะกลม ทุกคนนั่งอยู่ในห้องรับแขก ที่ชลอสั่งช่างขุดพื้นทำเป็นหลุมทรงวงกลมขนาดใหญ่ รอบๆทำเป็นที่นั่งบุนวม
            
    “โทษที ต้องช่วยกันหน่อยงานนี้ มันเป็นศักดิ์ศรีของตำรวจ ไม่ใช่ศักดิ์ศรีของกองปราบฯเพียงอย่างเดียว

    จะปล่อยให้โจรที่ยิงตำรวจตายลอยนวลอยู่อย่างนี้ไม่ได้ ชาวบ้านรอดูเราอยู่ ต้องเอาตัวมาลงโทษ กู้ชื่อเสียงตำรวจ กู้ชื่อเสียงกองปราบฯกลับมา….”
            
    รองผู้บังคับการกองปราบปราม เจ้าของบ้านเริ่มด้วยน้ำเสียงเข้ม
            
    “เมื่อสักครู่หมวดเจิมบอกข่าวถึงกลุ่มคนร้าย ตอนนี้น่าเชื่อว่าเป็นแก๊งต้นโพธิ์ สิงหฺ์บุรี มีผู้ต้องสงสัย 3 คน มีไอ้ตี๋ ไอ้น้อย และไอ้หมู มันหายไปช่วงก่อนเกิดเหตุ และตอนนี้มันยังไม่กลับมา

    แถมประวัติมันกะเฬวรากพอควร เมื่อสักครู่ กูโทรถามพรรคพวกที่สิงห์บุรี เขาบอกว่ามันมีประวัติลักทรัพย์อยู่ในพื้นที่ด้วย ….”
            
    ชลอพูดต่อในขณะที่ทุกคนยังตั้งใจฟัง
            
    “ขอให้เราใช้ศักยภาพให้เต็มที่ ส่งข่าวไปตามไอ้พวกโจรกลุ่มแก๊งต่างๆ บอกกู ชลอให้หาไอ้ 3 ตัวนี้ กูจะเอามาถามว่ามันเกี่ยวข้องมั้ย ใครไม่ช่วยก็รู้ว่าบทลงโทษจากกูจะเป็นยังไง….”
            
    นายตำรวจนักบู๊พูดเสียงเหี้ยมให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่นั่งล้อมวงฟัง  ให้ทุกคนมีส่วนรับรู้ มีจิตสำนึกร่วมกันว่าจะต้องเอาโจรที่กล้ายิงตำรวจกองปราบฯรายนี้มาลงโทษให้ได้
            
    จังหวะนั้น ชลอ สังเกตเห็น จ่าอ๋อย-จ่าสิบตำรวจรุ่งแสง ทองแท่งใหญ่ สังกัดแผนก 1 กองกำกับการ 1 กองปราบปราม ตำรวจชั้นประทวนท่าทางเพลย์บอยนั่งกระสับกระส่ายคล้ายมีอะไรในใจ
            
    “มึงเป็นอะไรวะ ไอ้อ๋อย มีอะไรก็ว่ามา….”
            
    เจ้าของบ้านที่มียศสูงสุดในบ้านซักตำรวจหนุ่มลูกน้องที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในสังกัดที่มีอาการรุกรี้รุกรนผิดปกติ
            
    “ขออนุญาตครับนาย …..ที่นายบอกว่าเป็นคนร้ายเป็นเด็กจากต้นโพธิ์ สิงห์บุรี

    เมื่อวานนี้ผมเพิ่งไปกินเหล้าฉลองปีใหม่กับเพื่อนที่แฮปปี้แลนด์ ไม่ไกลจากบ้านนายเท่าไหร่ จังหวะไปซื้อเหล้าซื้อกับแกล้มหน้าปากซอยบ้านเพื่อน มีเด็กหนุ่มเข้ามาซื้อเหล้าซื้อกับแกล้มด้วย ท่าทางแปลกๆ

     ผมเลยถามเพื่อน ได้ความว่ามันเพิ่มาเช่าบ้านอยู่ใกล้ๆไม่กี่วันนี้เอง ได้ยินคนเขาบอกว่าบ้านมันอยู่สิงห์บุรี จะเข้ามาหางานทำ แต่ไม่เห็นทำอะไร แต่มีเงินซื้อเหล้าอยู่ตลอด…”
            
    จ่าอ๋อย ตำรวจหนุ่มที่อายุอานามห่างจากชลอ เกือบ 20 ปี ให้ข้อมูลด้วยน้ำเสียงประหม่า เพราะกลัวถูกตำหนิ ขณะที่ทุกคนในห้องรับแขกถึงกับหูผึ่ง ส่วนจ่าอ๋อยก็พูดจุดประเด็นต่อ
            
    “ผมจำไม่ได้ชื่ออะไร แต่พอนายบอกว่า มันมาจากสิงห์บุรี  เลยฉุกคิดขึ้นมาได้ ไอ้เด็กที่ไปซื้อเหล้า อายุพอๆกับผม อ่อนกว่าไม่น่าจะเกิน 5 ปี 

    ตำหนิรูปพรรณอย่างที่นายให้ตามหาครับ ผอมสูง หน้าเสี้ยม คางยื่น ไว้ผมรองทรง……..”
            
    จ่าอ๋อยพูดจบ ทุกคนในห้องรับแขก หันมามองหน้าชลออีกครั้งอย่างไม่นัดหมาย พร้อมๆกับทุกคนทันได้เห็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมจากใบหน้ารองผู้บังคับการกองปราบปรามคู่อาฆาตลูกชายมาเฟียไบคาน
            
    “เออ….ให้มันได้อย่างนี้สิวะไอ้อ๋อย กูว่า คดีนี้ถ้าจะจบเร็วกว่าที่คิด …..”
            
    นายตำรวจอดีตนักรักบี้ตำแหน่งฮุคเกอร์สั่งการต่อ
            
    “ หลังจากเสร็จคดียิงส.ส.ชัยนาท อะไรเหมือนจะเป็นใจให้กูหมด

    เอางี้ ไอ้คก มึงกับไอ้ทองดำ ไปดูบ้านเช่าไอ้เด็กสิงห์บุรีที่แฮปปี้แลนด์ ทำแผนที่อะไรมาให้ดู อย่างละเอียด ลักษณะบ้านเป็นอย่างไร บ้านมันแถวนั้นคนพลุกพล่านมั้ย หน้าปากซอยเป็นอะไรเอามาให้ละเอียด…..”
            
    “นาย….ผมขออนุญาต ผมว่าเราขึ้นไปประสานเอาช่ือแซ่ รวมทั้งรูปไอ้พวกนี้จากทั้งท้องที่ โดยเฉพาะสิงห์บุรี  มาตรวจสอบป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่ามั้ยครับ…..”
            
    เสียงผู้กองเบี้ยว-ร้อยตำรวจเอกพิภพ เบี้ยวไข่มุข ที่สุขุมนุ่มลึกกว่าทุกคนในกลุ่มพูดแย้ง
            
    “เออ….เข้าท่า  มึงขึ้นไปเอาหลักฐานตรงนี้มาประกอบ ไปเลยแล้วกัน ไปกับไอ้ทองดำก็ได้ เสร็จแล้วรีบกลับมา ป้องกันไว้ก่อนก็ดี แต่สังหรณ์ใจกูคิดว่ามันใช่ไอ้พวกปล้นรถทัวร์ยิงตำรวจเราแน่…..”
            
    รองผู้บังคับการกองปราบ เห็นด้วยกับความเห็นของผู้กองเบี้ยว นายตำรวจหนุ่มวัยไล่เลี่ยผู้กองคก ที่อายุอานามของตำรวจทั้งคู่ห่างจากเขาได้เกือบ 10 ปี
            
    “ยังไงก็แล้วแต่ ไอ้คก มึงไปกับไอ้อ๋อย ไปดูบ้านไอ้พวกเหี้ยพวกนี้ ดูว่ามันอยู่ยังไงก่อน ดูหน้าดูตามันให้ชัด เฝ้ามันไว้ แล้วกลับมารอรูปจากไอ้เบี้ยว  จากนั้นค่อยคิดอ่านทำอะไรต่อทีหลัง……”
                                        
            
            
       
              
              

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments