42 นักสืบ 5G รุ่น 1 เข้าประจำการหน่วยต่างๆ เรียบร้อย
หลังจาก ‘ผบ.ปั๊ด’ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร) ลงนามคำสั่ง ตร.ที่ 150/2565 เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2565 เรื่องแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นพิเศษ 5Gให้มีผลเมื่อวันที่ 16 เม.ย.2565
คำสั่งแต่งตั้งนักสืบ 40 นาย ไปดำรงตำแหน่งรองสารวัตร(สว.) ในสายงานสืบสวนตามหน่วยต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฝึกอบรมและเกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานสืบสวนสูงสุด ส่วนอีก 2 นายเนื่องจากอยู่ในตำแหน่งงานด้านสืบสวนอยู่แล้วให้อยู่ในตำแหน่งเดิม
นักสืบ 5G หรือ การฝึกอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นพิเศษ 5G ถูกปัดฝุ่นขึ้นมาอีกครั้ง โดยพัฒนาจากหลักสูตรสืบสวนคดีอาญาขั้นพิเศษ ตามดำริของ พล.ต.ท.โสภณ วาราชนนท์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) เมื่อปี 2540
ครั้งนั้น ผบ.ปั๊ด ดำรงตำแหน่ง รองผู้กำกับการข่าว กองบัญชาการตำรวจนครบาล(รองผกก.ข่าว บช.น.) ยศ พ.ต.ท. แท็คทีม กับบิ๊กโก๋ พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(รอง ผบช.ก.) และ บิ๊กอู๊ด พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี อดีตรองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(รองผบช.สตม.) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รองผกก.สืบสวน นครบาลเหนือ ยศ พ.ต.ท.
สร้างลูกศิษย์ลูกหานักสืบมือพระกาฬเอาไว้หลายคน อาทิ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล(ผบก.สส.บช.น.) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2(ผบก.สส.บช.ภ.2)
พล.ต.อ.สุวัฒน์ ให้สัมภาษณ์พิเศษ Police News Varieties ถึงที่มาที่ไป จากหลักสูตรสืบสวนคดีอาญาขั้นพิเศษเมื่อ 25 ปีก่อน สู่การฝึกอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นพิเศษ 5G ในปีนี้ว่า
ย้อนไปปี 2540 สมัย พล.ต.ท.โสภณ ดำรงตำแหน่งผบช.น. มีดำริว่า นครบาลจะแบ่งเป็น 1-9 กองบังคับการ(บก.) จากเดิมเหนือ ใต้ ธน แล้วกองสืบก็ต้องแบ่งใหม่ จะทำยังไง จะเอานักสืบที่ไหนมา
ก้าวแรกโรงเรียนนักสืบ:“ตอนนั้นเดิมเราเป็น สวป.สน.หนองแขม ขึ้นมาเป็น รองผกก.ข่าว บช.น. มาช่วยสำนักงานผบช.น. ท่านโสภณ(พล.ต.ท.โสภณ)บอกว่าให้ พี่โก๋ พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ กับ พี่อู๊ด พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี และเรา ช่วยกันคิดว่าจะทำยังไง
ตกลงกันว่าหาคนสมัครใจมาฝึก วันนั้นตกลงกันว่าอย่างน้อยเอาที่ผ่านงานสอบสวนมา 2-3 ปี ยศประมาณ ร.ต.ท. พี่โก๋ พี่อู๊ดและเรา คัดมาสัมภาษณ์ อย่าง นพศิลป์(พล.ต.ต.นพศิลป์) ตอนนั้นเป็นผบ.หมวด แล้วก็มี จ๋อ(พล.ต.ต.ธีรเดช) เข้าอบรม
“พอเลือกกันเสร็จได้มา 30 คน และ พล.ต.ท.โสภณ ส่งมาอีก 1คน เรามีทีมพี่เลี้ยง อาทิ พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน พร้อมทีมอีก 6-7 คน มาคิดหลักสูตรกัน
วัดกันที่ผลสำเร็จ: ฝึกเทคนิคพื้นฐานการสืบสวน ความรู้ทางยุทธวิธี เทคโนโลยี ฝึกเชิงปฏิบัติ งานพื้นฐานการสืบสวน การสัมภาษณ์ซักถาม การสะกดรอย การเฝ้าจุด การใช้สายลับ การใช้แหล่งข่าว ความรู้ด้านกฎหมาย เทคนิคของเจ้าหน้าที่ในการเอาตัวรอด ความรู้ยุทธวิธีพื้นฐานของชุดปฏิบัติการพิเศษ เป็นต้น
“ให้ฝึกเรื่อง Mindset หรือกรอบความคิด เป็นนักสืบต้องอดทน ต้องมุ่งมั่น ต้องเสียสละ ต้องติดดิน แล้วต้องไม่เลิก ไม่เสร็จต้องไม่เลิก ไม่ใช่งานราชการเช้าไปเย็นกลับ เราวัดกันที่ผลสำเร็จ ไม่ได้วัดว่าทำเยอะทำมากได้อะไร มันต้องฝึกด้วยใจ
การฝึกแค่เริ่มต้น :พอฝึกจบ พล.ต.ท.โสภณ ให้กระจายไปอยู่ 9 กองสืบ ส่วนเราไปอยู่สืบ 2 ไปกัน 6-7 คน มี นพศิลป์(พล.ต.ต.นพศิลป์) จ๋อ(พล.ต.ต.ธีรเดช) และคนอื่นๆ เรามองว่าการฝึกเป็นแค่การเริ่มต้น ชีวิตการทำงานต่างหากถึงเป็นการเรียนที่แท้จริง
“มาถึงทุกวันนี้หลายคนติดยศนายพลแล้ว ทั้ง นพศิลป์ (พล.ต.ต.นพศิลป์) จ๋อ(พล.ต.ต.ธีรเดช) โอ๋ (พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ผบก.ภ.จว.ยะลา)
จ๋อ(พล.ต.ต.ธีรเดช) มาบอกว่าอยากจะฝึกให้กับรุ่นน้อง จึงเป็นที่มาของหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นพิเศษ 5G” ผบ.ปั๊ดเล่า ก่อนอธิบายเสริมว่า
ไม่เหมือนหลักสูตรอื่น:หลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นพิเศษ 5G ไม่เหมือนหลักสูตรอื่น หลังอบรมจบมาไปอยู่หน่วยใหม่เลย คุณสมบัติจะดูเรื่องความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ต้องเคยเป็นพนักงานสอบสวน มีปฏิภาณไหวพริบ การสัมภาษณ์ซักถามดูความคิดความอ่าน ก่อนเข้าอบรมมีกรรมการคัดเลือก
“ที่ใช้คำว่า 5G เป็นคำพูดให้เห็นภาพมากกว่า เพราะเป็นยุคเปลี่ยนผ่าน คนเจนเนอเรชั่นเดิมกับเจนเนอเรชั่นใหม่แตกต่างกันค่อนข้างมาก เทคโนโลยีมันกระโดด สังคมความเป็นอยู่ของมนุษย์เปลี่ยนไป อาชญากรรมก็เปลี่ยนไป
เตรียมคนรับมือโลกเปลี่ยน: เราพยายามเตรียมคนสำหรับสังคมใหม่ๆ โลกใหม่ๆ ปัญหาคือหลายคดีไม่มีที่เกิดเหตุทางกายภาพ อย่างแทงกันท้องที่สน.ลุมพินีแจ้งความสน.ลุมพินี
แต่ถามว่าโกงกันบนออนไลน์จุดเกิดเหตุอยู่ตรงไหน อยู่อเมริกาก็เปิดดูได้ถูกโกงได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นคนร้ายอยู่ต่างประเทศก็ได้ ก็ทำผิดกับคนไทยได้เหมือนกัน
การยึดพยานหลักฐานไม่เหมือนเมื่อก่อน ปัจจุบันโอนเงินผ่านธนาคาร 10วินาทีก็ไปหมดแล้ว โลกมันเปลี่ยนไป คำว่า 5G หมายถึงเราจะให้ข้ามจากคนยุคหนึ่งไปอีกยุคหนึ่ง
งานสำเร็จต้องทำเป็นทีม :“นักสืบสมัยก่อนคนหนึ่งอาจเป็นฮีโร่ เดี๋ยวนี้ต้องพูดว่าเป็นทีม สมัยก่อนมี สว. รองสว. ชั้นประทวน รวม 5 คน ทำทุกคดี เดี๋ยวนี้อย่าว่าแต่งานสืบสวน งานทุกอย่างระบบราชการไม่มีเสร็จในหน่วยเดียว ไม่มีทาง มันต้องใช้หลายหน่วยมาทำ
ทักษะผู้ปฏิบัติต้องมี : งานสืบสวนของตำรวจก็เหมือนกัน จะเป็นลักษณะบริหารงานสืบสวน แต่ทักษะระดับผู้ปฏิบัติมันต้องมี ไม่อย่างนั้นจะบริหารไม่ได้ คนปฏิบัติดูกล้องผิดไป 1ตัว นับเวลาผิดไป 3ชม. ผลออกมาคนละเรื่องเลยนะ
คนคุมคดีต้องมากศักยภาพ:“เพราะฉะนั้นระดับการฝึกของผู้ปฏิบัติก็สำคัญ แต่ระดับผู้บริหารงานก็ต้องสำคัญ พวกนี้ต้องควบคุมคุณภาพของงาน ผู้บริหารอย่างระดับ รองผบก. รองผบช.ที่คุมคดี ตัวเองต้องมีศักยภาพที่จะรู้ขีดจำกัดของลูกน้อง อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ข้อผิดพลาดอยู่ตรงไหน รู้วิธีการควบคุมคุณภาพงาน
ผู้บริหารต้องฝึกด้วย:เขามารายงานว่าเก็บกล้องวงจรปิดมา 100 ตัว รู้ได้ยังไงว่ามันมีแค่นี้ รู้ได้ยังไงว่าเขาดูหมดแล้ว จะคุมยังไงต้องมีวิธีการ เขาไม่ได้ตั้งใจหลอกเรา แต่เรารู้ได้ยังไงว่ามันจบแค่นี้ รู้ได้ยังไงที่เขาดูมันไม่ผิด เขามารายงานๆเรารู้ไหมว่าจริงไม่จริง เราต้องมาฝึกระดับผู้บริหารด้วย
“ความผิดพลาดบางทีจะสังเกตว่าไม่ได้อยู่ที่เด็ก คนที่คุมคดีต้องเข้าใจงานกฎหมายและงานสอบสวน พนักงานสอบสวนต้องเดินคู่กับฝ่ายสืบสวน ฝ่ายสืบสวนก็ต้องเดินคู่กับฝ่ายสอบสวนเหมือนกัน
คนนั่งหัวโต๊ะสำคัญ:การไปหาพยานให้การ 300-400 คน ฝ่ายสืบสวนอาจคุยกับทุกคน แต่การเลือกเข้ามาอยู่ในสำนวนจริงๆพยานอาจอยู่ที่หลักสิบไม่ถึงหลักร้อย แล้วก็ต้องเข้าใจว่าจะเอาประเด็นอะไรจากพยานพวกนี้ที่จะมีน้ำหนักที่จะฟ้องใครไม่ฟ้องใคร เพราะฉะนั้นคนนั่งหัวโต๊ะก็สำคัญ
ให้เด็กรุ่นนี้เป็นหัวเชื้อ:“เราหวังว่าฝ่ายสืบสวนรุ่นใหม่ พนักงานสอบสวนรุ่นใหม่ อยากให้มีแก่นแกนในการพัฒนา เราไม่สามารถทำทีเดียวทั้งประเทศได้ แต่หวังว่าเด็กพวกนี้จะรวมตัวเป็นแก่น เป็นแกนกลางในการกระจาย
เรียนในห้องแค่เริ่มต้น:เพราะการเรียนในห้องเรียนแค่เริ่มต้น การที่เขาทำงานไปเรียนรู้ไปอันนั้นดีที่สุด ถ้าเขาสามารถสร้างเครือข่ายขยายความรู้พวกนี้ออกไปให้หน่วยข้างเคียงก็จะเป็นประโยชน์ แต่ระดับผู้บริหารจะมาอยู่เฉยๆไม่ได้
วาดหวังโตมานั่งหัวโต๊ะ:เราก็หวังว่าเด็กพวกนี้สักวันเขาต้องโตไปเป็น ผกก. ผบก. มานั่งหัวโต๊ะเหมือนอย่างที่เราเคยทำมาก่อน ยังถามเขาว่ามีคนไหนคิดไหมว่าจะมานั่งตำแหน่งสูงสุดขององค์กร พวกเขาก็นั่งเงียบๆ เราก็บอกเขาว่าเดี๋ยวจะคอยดูว่าใครจะมานั่งตรงนี้”
ผบ.ปั๊ดเผย ส่วนจะมีนักสืบ 5G รุ่น 2 หรือไม่ ผบ.ปั๊ด บอกว่า
“ต้องฝากไว้กับคนรุ่นต่อไป มันต้องมี เพียงแต่จะมีเมื่อไหร่ อาจจะเว้นระยะ 1-2 ปี เพื่อสร้างคน ซึ่งงานสืบสวนดีตรงที่วัดผลสำเร็จง่าย คือจับได้หรือไม่ได้ ฟ้องศาลแล้วลงโทษไหม”
จากในห้องเรียน สู่การปฏิบัติงานจริง ผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ จะเป็นบทพิสูจน์ผลสัมฤทธิ์ของนักสืบ 5G !!