ปส. สกัดจับยาเสพติดบิ๊กล็อต ยาบ้า 8.8 ล้านเม็ด เคตามีน 50 กก. หลังใช้ Big Data วิเคราะข้อมูล จนพบเครือข่ายยาเสพติด เตรียมลำเลียงยามาพักที่เชียงราย เพื่อกระจายส่งต่อไป หลังจับกุมเตรียมขยายผลยึดทรัพย์ผู้ร่วมขบวนการทุกราย
เมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 19 พ.ค.65 พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. สั่งการ พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผบก.ปส.3 พ.ต.อ.กฤษดา ศรีอิสาณ ผกก.2 บก.ปส.3
นำกำลังจับกุมนาย ธเนศ อายุ 27 ปี ชาว จ.พะเยา นายอนันต์สิทธิ์ อายุ 21 ปี และนายเซ้ง อายุ 38 ปี ทั้งคู่ชาว จ.เชียงราย พร้อมยาบ้า 8,800,000 เม็ด ยาเคตามีน ชนิดเกล็ด 50 กก. บรรจุอยู่ในถึงชา จีน
รถกระบะ อีซูซุ สีฟ้า ทะเบียน ผผ-3097 เชียงใหม่ รถขนยา รถกระบะ โตโยต้า สีเทา ทะเบียน บต-3081 พะเยา รถสำรวจเส้นทาง และรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า สีดำ ทะเบียน 1กธ-1218 เชียงราย ใช้นำสำรวจเส้นทาง จับได้ที่บริเวณริมถนน บายพาสเชียงแสน-เชียงราย อ.เมืองเชียงราย
พล.ต.ท.สรายุทธ เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.3 ได้เฝ้าสืบสวนติดตามพฤติการณ์ของขบวนการค้ายาเสพติดที่ลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่ภาคกลาง โดยใช้ระบบฐานข้อมูล( Big Data )มาวิเคราะห์เพื่อสืบสวนจับกุม
ปรากฏข้อมูลแน่ชัดว่า จะมีขบวนการค้ายาเสพติดขนยาเสพติดล็อตใหญ่จากชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทางจ.เชียงราย วางแผนจับกุมขบวนการลำเลียงยาเสพติดล็อตใหญ่ครั้งนี้ ได้ทั้งหมดก่อนจะถูกนำไปพักและกระจายของ
สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การว่า รับจ้างลำเลียงยาเสพติดมาจากแนวชายแดน นำมาเก็บพักในพื้นที่ จ.เชียงราย ก่อนนำส่งให้กับกลุ่มลูกค้าต่อไป
เบื้องต้นแจ้งข้อหาทั้งหมดในข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า,
ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และ ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (เคตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต และ จำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (เคตามีน) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน
นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 ดำเนินคดีพร้อมขยายผลหาผู้สั่งการ และผู้ร่วมขบวนการทั้งเครือข่าย รวมทั้งจะใช้มาตรการยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป