Saturday, November 23, 2024
More
    Homeข่าวเด่นรอบวันรวบแล้วกะเทยแสบ อ้างเป็นพญ.ลูกครึ่งเกาหลี ทารุณเด็กและผู้หญิง

    รวบแล้วกะเทยแสบ อ้างเป็นพญ.ลูกครึ่งเกาหลี ทารุณเด็กและผู้หญิง

    ภายหลัง สืบนครบาลบุกช่วยเหลือ 3 อดีตพยาบาล กับเด็ก 2 คน และสืบสวนขยายผลหาตัวพญ.ลูกครึ่งเกาหลี สร้างลัทธิล้างสมองสูบเงินเหยื่อแถมอุปโลกน์หนี้ 140 ล้านหลอกใช้เหยื่อหากขัดขืนสาดน้ำร้อนลวก กักขังอยู่ในคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

    ล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.จับกุมนายฮารุ ฮวังสิริ อายุ 39 ปี ที่อยู่ 154 ถ.เทอดไท แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร  ตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ 505/65 ลงวันที่ 17 ต.ค.65 ข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นนั้นได้รับอันตรายสาหัส ,

    ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น”

    โดยนายฮารึเป็นสาวสองและแอบอ้างเป็นแพทย์หญิงลูกครึ่งเกาหลี สร้างเรื่องให้อดีตพยายาลทั้ง3คนต้องทำงานขดใช้หนี้140ล.

    นอกจากนี้ยังจับกุม นายตรีเพชรรัตน ณพชร อายุ 20 ปีที่อยู่ 24 ซ.รามอินทรา 58 แยก 3-2 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพมหานครตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ 506/65 ลงวันที่ 17 ต.ค.65

    ข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นนั้นได้รับอันตรายสาหัส , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น”นายตรีเพชรรัตน ลักษณะตุ้งติ้งเหมือนกะเทย เป็นลูกน้องนายฮารุ

     ในชั้นจับกุม นายฮารุฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และให้การว่า ตนเป็นผู้เทน้ำร้อนใส่ น.ส.ไพริน จริง แต่การตบหน้าลูกทั้ง 2 คนของ น.ส.ไพริน ตนไม่ได้เป็นคนสั่ง และไม่เคยชวนใครมาทำธุรกิจ เพียงแต่เสนอไอเดียว่า ให้ลองมาสายความสวยความงามไหม จะลงทุนให้ เนื่องจากเห็นว่า น.ส.ไพริน เป็นพยาบาล และมีรายได้ไม่เพียงพอสำหรับการดูแลลูกทั้ง 2 คน

    อีกทั้งยังบอกว่า ก่อนหน้านี้ ตนเคยทำงานกับยูนิเซฟ ทำหน้าที่เป็น researching ที่เกาหลีใต้และประเทศไทย ขึ้นอยู่กับโปรเจกต์ที่ทางยูนิเซฟอนุมัติให้ทำ , ทำธุรกิจเครื่องประดับออนไลน์ เช่น e-bay amazon และออนไลน์ทางฝั่งเกาหลีใต้ทั้งหมด , เคยเรียนแฟชั่นและจิวเวลรี่ดีไซน์ แบบcertificate ของมหาวิทยาลัยที่ประเทศอังกฤษ , เคยเรียนแพทย์ทางเลือกแบบผสมที่ประเทศเกาหลีใต้ แต่ยังไม่จบหลักสูตร , เคยเป็นผู้ช่วยแพทย์โรงพยาบาลจุฬาในช่วงโควิดระบาดหนัก

    จากนั้นได้นำตัว นายฮารุฯ เข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 246 ตึก A คอนโดศุภาลัยซิตี้ รีสอร์ท พระราม 8 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด จ.กรุงเทพฯ   พบ หนังสือจำนวนมาก , ภาพวาด และเครื่องบูชา แสดงถึงการมีความคลั่งลัทธิ

    จากการตรวจสอบภายในพบว่า ไม่พบเอกสารหรือสิ่งใดที่สามารถยืนยันชื่อสกุลจริงของ นายฮารุฯ ได้ เพราะจะใช้ชื่อของเหยื่อในการทำธุรกรรมทั้งหมด  พบว่า นายฮารุฯ เคยเปลี่ยนชื่อมาแล้วกว่า 9 ชื่อ คือ พิศณุ พีรพรวิพุธ , ธีรภัทร พีรพรวิพุธ , อภิชญา พีรพรวิพุธ , อริสรา เดชาสิริสกุล , ฮารุ นางาสิริ , เพชรพลอยแพรวา ศรีโสภาสิริ , ยูรา ศรีโสภาสิริ , เกสรา ฮวังสิริ , ฮารุ ฮวังสิริ

    นอกจากนี้ยังพบว่า นายฮารุฯ เป็นบุคคลตามหมายจับของศาลแขวงธนบุรีที่ 173/2562 ลงวันที่ 4 ก.ค. 62 ข้อหา “ฉ้อโกง” และยังพบประวัติการกระทำความผิดในพื้นที่ สน.ทองหล่อ ในปี 2557 ข้อหา “ฉ้อโกง”  ขณะนั้นใช้ชื่อว่า “ยูรา ศรีโสภาสิริ”

    ส่วน นายตรีเพชรรัตนฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การว่า ได้รับคำสั่งจาก นายฮารุ ฮวังสิริ ให้คอยควบคุมเหยื่อทั้ง 3  ช่วงหลัง บังคับให้เหยื่อทั้ง 3 ไปตระเวนยืมเงินจากเพื่อนในเฟสบุ๊ค ในไลน์ คนรู้จัก และครอบครัว โดยจะต้องหาเงินให้ได้ 60,000 บาท ภายใน 48 ชม. เป็นครั้งคราวไป

    เมื่อครบกำหนดเวลา หากไม่สามารถหาเงินตามจำนวนดังกล่าวได้ นายฮารุฯ จะส่งนายเพชรฯ ลงมาพูดคุย หากพี่ๆ พยาบาลทั้ง 3 คน ให้คำตอบไม่ได้ดั่งใจ นายฮารุฯ จะสั่งให้ตนทำร้ายร่างกายบ้าง ตัดผมเด็กบ้าง ทุกครั้งนายฮารุฯ เป็นคนสั่งการ

    กรณีการตบหน้าเด็ก ถ้าเสียงตบไม่ดังอยู่ในระดับที่นายฮารุฯ พอใจจะสั่งให้ น.ส.ไพริน ตบจนพอใจ แต่ช่วงแรกๆที่ตนเข้ามาอยู่ใหม่ๆ พี่พยาบาลทั้ง 3 คน ก็เคยรุมทำร้ายร่างกายตนตามคำสั่งของนายฮารุฯ เช่นกัน

    หลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สน.บวรมงคล เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    ล่าสุดทราบข้อมูลว่า ยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่เคยถูก นายฮารุฯ หลอกลวง แต่ไม่สามารถยืนยันตัวบุคคล นายฮารุฯ ได้ ซึ่งขณะนี้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. อยู่ระหว่างประสานงานเพื่อติดตามผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีตามต่อ

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments