ภาพยนตร์แนวผจญภัยระทึกขวัญ ที่เนื้อหาไปข้องเกี่ยวกับเรื่องอาชญากรรม โดยเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่น คืนเดียว หรือวันเดียว
ปฏิเสธไม่ว่าการมีเงื่อนไขแบบนี้ ได้ช่วยเพิ่มพูนความสนุกกับการชม เพราะคนดูจะได้ลุ้นไปกับการหาวิธีเอาตัวรอดของตัวละคร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดเหตุร้ายสุดระทึกในพื้นที่อันจำกัดจำเขี่ย พวกยานพาหนะอย่างรถเมล์ รถไฟ เครื่องบิน อันเป็นพล็อตยอดนิยมของคนทำหนังแอ็คชั่น
ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องในพื้นที่อันจำกัดเหล่านี้ มีท่าบังคับที่คุ้นเคย เช่น สถานการณ์ร้ายบนเครื่องบินลำหนึ่งพระเอกของเรื่องก็ต้องอยู่บนเครื่องลำนั้น ทำหน้าที่คลี่คลายเรื่องราว ต่อสู้บาดเจ็บ แต่แล้วก็สามารถสยบอันตรายนานา ลูกเรือและผู้โดยสารทั้งลำจะปลอดภัย ส่วนผู้ร้ายหรือคนบงการต่างๆจะถูกเช็คบิลในท้ายที่สุด
Flight Risk หรือ “นรกยึดไฟลต์” ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเรื่องราวเกิดขึ้นบนเครื่องบินแน่ ๆ ไม่ต้องเดาก็มั่นใจได้ว่าเหตุการณ์บนเครื่องบินในเรื่องนี้ต้องชวนลุ้น มีเลือดตกยางออกแน่นอน
ดึงดูดด้วยใบปิดหนังเป็นภาพ“มาร์ค วาห์ลเบิร์ก” นักแสดงชาวอเมริกันฝีมือพระกาฬที่เล่นได้แพรวพราวทั้ง ตลก บู๊ ดราม่า
ในเรื่องนี้โปรโมทตั้งแต่ต้นว่า “พี่มาร์ค” พลิกบทการแสดงมาเป็นนักฆ่าโรคจิตและร้ายกาจ เป็นกลับมารับบทวายร้ายในรอบเกือบ 30 ปี นับตั้งแต่เรื่อง Fear ในปี 2539
แต่ที่ทำให้ Flight Risk โดดเด้งถูกจับตามากขึ้นก็ตรงที่ชื่อผู้กำกับคือ“เมล กิ๊บสัน” นักแสดงรางวัลออสการ์และผู้กำกับรุ่นลายคราม
เรื่องนี้ยังเป็นการโคจรกลับมาร่วมงานกันเขากับ “มาร์ค วาห์ลเบิร์ก” หลังจากเจอกันในภาพยนตร์ Daddy’s Home 2 ในปี 2560
เอาเป็นว่ายี่ห้อ “ป๋าเมล” กับ“พี่มาร์ค” จับมือเหินฟ้ากันครั้งนี้ คอหนังตีตั๋วเข้าโรงไปสนุกกันได้เลย
https://www.youtube.com/watch?v=bYvd7aMvwv4
ความมันของ Flight Risk เริ่มไต่ระดับขึ้นพร้อมกับเครื่องบินเล็กที่มีนักบินนาม “แดรีล บูธ” (มาร์ค วาห์ลเบิร์ก) เป็นผู้ขับพา “มาโดลินแฮร์ริส” (มิเชลล์ ด็อคเครี่ย์) เจ้าหน้าที่ศาลสหรัฐฯ ที่คอยคุ้มกันพยานของรัฐบาล ได้ควบคุมตัว “วินสตัน” (โทเฟอร์ เกรซ) ผู้ร้ายที่ถูกกันไว้เป็นพยานปากเอก ไปขึ้นศาลเพื่อเอาผิดมาเฟียใหญ่รายหนึ่ง
![]()
แต่แล้วขณะบินเหนือรัฐอะแลสกา ทั้ง “มาโดลิน” และ “วินสตัน” ก็จับได้ว่า “แดรีล” เป็นนักบินกำมะลอ ชายหนุ่มเป็นนักฆ่ามือฉกาจที่ถูกส่งมาสังหาร “วินสตัน”เพื่อปิดปากตามใบสั่งของใครบางคน
หลังจาก “แดรีล” ถูกจับได้ว่าเป็นนักฆ่า หนังก็ใส่ฉากต่อสู้มาแบบหอมปากหอมคอ ให้วายร้ายลงไปนอนสงบ ๆ อยู่พักใหญ่ เมื่อขาดนักบิน “มาโดลิน” ก็ต้องรับบทเป็นนักบินต่อไป
ส่วนการจะปล่อย “วินสตัน” ที่เป็นผู้ต้องหาให้เป็นอิสระมาช่วยกันให้การเดินทางครั้งนี้รอด เครื่องบินไม่โหม่งโลกไปเสียก่อนก็ไม่อาจทำได้
ในช่วงเวลากว่า 90% ของ Flight Risk กคือการพาผู้ชมเหาะเหินไปกับเที่ยวบินนี้
หนังประโคมฉากหวาดเสียวของการบังคับเครื่องบินของคนที่ไม่ใช่นักบิน แทรกด้วยฉากแอ็คชั่นมาเรื่อย ๆ มีฉากให้ตัวละครได้ปลดเปลื้องระบายความในใจถึงปมปัญหาบางอย่างในชีวิต
พร้อมกันนั้นทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลถึงผู้อยู่เบื้องหลัง โดยหักมุมสถานการณ์ไปมา ก่อนที่จะพาไปลุ้นกันอีกรอบว่าการเดินทางส่งตัวพยานปากเอกคนนี้จะรอดหรือไม่รอด
Flight Risk จัดเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญที่บทไม่ได้มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากนัก
ผู้ชมจะถูกกำหนดให้จดจ่อกับสถานการณ์บนเครื่องบินเป็นหลัก คอยสังเกตสังกาจับตาดูว่าตัวละครแต่ละตัวจะทำอะไรต่อไป
“มิเชลล์ ด็อคเครี่ย์” แบกภาระแบกเรื่องไว้มากกว่าใคร ตัวละครของเธอต้องบู๊เดือดไปด้วย ต้องบังคับนกเหล็กให้รอดตก บินให้ตรงทาง
ขณะที่ “มาร์ค วาห์ลเบิร์ก” เล่นแบบสบายมือ นอนหลับแต่ก็กลับมาแสบอยู่เป็นระยะ ขณะที่ “โทเฟอร์ เกรซ” ทำให้บทของ “วินสตัน” กลายเป็นผู้ร้ายที่น่าเห็นใจและชวนให้ผู้ชมลุ้นเอาใจช่วย
เป็นงานที่นั่งดูได้เพลิน ๆ ปล่อยใจจอย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรให้หนักอึ้งตอนกลับบ้าน!
Blue Bird25/1/68