นักเรียนนายร้อยหนุ่มสุดฮอตหน้าคม จมูกโด่ง นรต.จิรกฤต พินิช”น้องต้อง “เตรียมทหารรุ่นที่ 55 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 71
-ความฝันวัยเยาว์ ก่อนเข้าโรงเรียน
ผมอยู่กับคุณแม่และพี่ชายดังนั้นความฝันวัยเด็กของผมเกี่ยวกับอาชีพจึงมาจากคุณแม่ ตอนเด็กผมอยากเป็นหมอ เพราะคุณแม่อยากให้เป็นหมอ เพื่อมาดูแลครอบครัว และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ ผมจึงตั้งใจเรียนเป็นพิเศษเพื่อจะเป็นหมอ ในตอนนั้นครับ
–” เพราะเหตุการณ์ตอนเด็ก โตมาจึงอยากเป็น ตำรวจ”
ตำรวจเป็นอาชีพที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น ได้รับการยอมรับจากสังคม คุณแม่ผมก็ชอบอาชีพตำรวจแต่เหตุการณ์ครั้งสำคัญในชีวิตผม ที่ทำให้ผมอยากเป็นตำรวจที่สุดคือ ตอนป.6 มีคนขโมยจักรยานผมไป คุณแม่จึงพาผมไปแจ้งความที่โรงพัก ผมได้เจอพี่ตำรวจยศร้อยตำรวจเอกปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวร และสอบถามผมเกี่ยวกับจักรยานที่หายไป พร้อมส่งตำรวจขับรถพาผมตระเวนหา วันนั้นผมไม่ได้จักรยานคืน สิ่งที่ได้คือคำพูดจากพี่ตำรวจว่า “พี่พยายามเต็มที่แล้วที่จะหาจักรยานของน้อง ถ้าน้องคิดว่าทำได้ดีกว่าพี่ก็ไปสอบตำรวจแล้วมาหาเอง” ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าผมเป็นตำรวจ ผมจะทำได้ดีกว่าและจะไม่ทำให้เด็กคนอื่นผิดหวังเหมือนกับผม ผมจึงอยากเป็นตำรวจเอง
– “โรงเรียนสอนให้มีระเบียบวินัย และสอนให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม”
สำหรับการเรียนการฝึกไม่ตรงตามที่คิดครับ ก่อนเข้ามาผมคิดว่าการได้เรียนคงจะเหมือนๆ กับการเรียนทั่วๆไป บวกกับการฝึกพละศึกษาที่หนักขึ้น แต่ในความเป็นจริงใน “รั้วโรงเรียนเตรียมทหารและโรงเรียนนายร้อยตำรวจสอนให้มียิ่งกว่าสุขภาพที่แข็งแรง นั่นคือระเบียบวินัยและปลูกฝังให้เราอดทน และทำเพื่อชาติ ” บทเรียนจึงมีหลายอย่างที่หนักกว่า เหนื่อยกว่า ท้าทายกว่า มีเหตุการณ์เข้ามาพิสูจน์ความตั้งใจ แรงกายแรงใจตลอดเวลา ซึ่งคนที่ผ่านได้เท่านั้นจึงจะอยู่ต่อไปได้ ส่วนเรื่องความรักและสามัคคีในหมู่คณะ สำหรับผมแล้วเพื่อนบางคนไม่ใช่แค่เพื่อนแต่คือพี่น้องของผม ที่ผ่านทุกเหตุการณ์มาด้วยกันในระยะเวลาหลายปี
– “ตำรวจจะต้องเป็นคนที่คนดีรัก คนร้ายกลัว” คำสอนตำรวจ ที่ยึดถือปฏิบัติ
คำสอนที่ผมชอบที่สุดคือ “ตำรวจจะต้องเป็นคนที่คนดีรัก คนร้ายกลัว” จากท่าน พล.ต.ท.ศักดา เตชะเกรียงไกร อดีต ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
อีกหนึ่งคำสอนที่ผมชอบคือ เมื่อมีคนมาแจ้งความอย่าคิดว่าเขาคือคนอื่น ให้คิดว่าเขาคือคนในครอบครัวของเราแล้วจงช่วยเขาตามอำนาจหน้าที่ของเราและความยุติธรรมที่เขาสมควรได้รับ โดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นคำสอนที่ได้มาจากพี่เลี้ยง ตอนผมฝึกงานสอบสวนที่สน.พญาไท
-“ตำรวจในอุดมคติของผมจะต้องเป็นตำรวจทั้งในและนอกเวลางาน”
ตำรวจในอุดมคติของผมจะต้องเป็นตำรวจทั้งในและนอกเวลางาน หมายความว่าเป็นตำรวจที่ตั้งใจปฎิบัติหน้าที่ในเวลางาน และมีจิตใจเป็นตำรวจที่คอยช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อได้รับความเดือดร้อนแม้ว่าอยู่นอกเวลางาน ผมคิดว่าทุกวันนี้การศึกษาและความรู้ต่างๆ สามารถเรียนรู้และถ่ายทอดกันได้ง่าย แต่จิตใจที่คอยบริการประชาชนนั้นหาสอนกันได้ยากและเป็นสิ่งที่สำคัญในการเป็นตำรวจ
-คิดว่าสายงานตำรวจสามารถมีส่วนช่วยเหลือ สังคม ได้อย่างไร
ผมคิดว่างานของตำรวจ ได้ช่วยให้สังคมมีความสงบสุขมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การป้องกันปละแราบปรามอาชญากรรม การอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน และเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนในทุกๆด้านแม้ไม่ใช่งานตำรวจโดยตรง เมื่อประชาชนได้รับความเดือดร้อนตำรวจสามารถเป็นคนแรกที่ประชาชนจะเข้ามาหา
– นักกีฬาหนุ่มสุดฮอตชมรมกรีฑา
ผมอยู่ชมรมกรีฑาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผมเข้าชมรมกรีฑาเพราะผมชอบความยุติธรรม กรีฑาเป็นกีฬาที่ยุติธรรมกับทุกคน การแพ้ชนะ ขึ้นอยู่กับตัวผู้เล่นเอง โดยแข่งกับสถิติของตัวเองแค่มีผู้เล่นคนอื่นมาอยู่ในสถานที่เดียวกับเรา ในเวลาเดียวกับเรา ในการแข่งขัน ทุกชมรมมีข้อดีของตัวเองสำหรับชมรมกรีฑามีข้อดีเนื่องจากเป็นกีฬาทำให้รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ผู้แพ้ในกีฬาอื่นอาจจะโทษฝ่ายตรงข้ามหรือกรรมการว่าไม่เป็นธรรม แต่ผู้แพ้ในกรีฑามักจะรู้ตัวเองว่าตัวเองทำไม่ดีพอจากสถิติ และจะทำให้ดีขึ้นจนกลายเป็นผู้ชนะในที่สุด
-ตำรวจ4.0 คิดว่า ต้องเป็นแบบไหน
ตำรวจยุค 4.0 ต้องมีความรู้ความสามารถที่มากกว่ายุคที่ผ่านมา ทั้งในเชิงลึกและรอบด้าน มีความเข้าใจในสภาพสังคมและวัฒนธรรมเป็นอย่างดี สามารถพูดภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติได้ สามารถใช้เทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์แก่การทำงานได้ มีระเบียบวินัยและ มีความซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีความอดทน สุขุมเยือกเย็น มีความเป็นมิตรต่อประชาชนทั่วไป แต่งกายสะอาดเรียบร้อยและมีจิตใจบริการประชาชนอย่างแท้จริง
– ให้ฝากถึงคนที่อยากสอบเข้า นายร้อยตำรวจ
สำหรับคนที่อยากสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ต้องมีเป้าหมายชัดเจน ต้องฝึกฝนตัวเองอย่างหนักทุ่มเทแรงกายแรงใจ ไม่เสียเวลาไปกับสิ่งยั่วยวนไร้สาระ และต้องมีความกระหายชัยชนะจึงจะสอบแข่งขันกับคนอื่นเข้ามาได้ เพราะแค่คำว่าชอบหรืออยากเป็นมันไม่เพียงพอ
– ฝากอะไรถึงประชาชนหรือคนทั่วไป
“ตำรวจก็คือประชาชน และประชาชนก็คือตำรวจ” สิ่งใดที่เป็นการอำนวยความสะดวกในการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจนั่นก็คือ สิ่งที่จะนำความสงบเรียบร้อยมาสู่สังคม ขอให้ประชาชนช่วยให้ความร่วมมือกับตำรวจและเป็นหูเป็นตาให้ตำรวจอย่าละเลยสิ่งที่ไม่เรียบร้อยที่เกิดขึ้นในสังคมเรา
ปิดท้ายกับ น้องโต้ง นักเรียนนายร้อยหนุ่ม ที่ทิ้งท้ายคำคม แบบตำรวจยุค4.0 กล่าวว่า “ทุกความพยายามไม่ได้นำมาซึ่งความสำเร็จ แต่ทุกความสำเร็จล้วนเกิดจากความพยายาม”