“มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน”
คือ ปณิธานของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ในยุคของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ต้องการพัฒนาบุคลากร ยกระดับการทำงานของหน่วย ให้เป็นมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับระดับสากล
ด้วยปัจจุบันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานภายใต้ภาวะกดดันหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นถูกสะท้อนออกมาผ่านความคิดเห็นของสื่อโซเชียลมีเดีย และการคาดหวังของประชาชน
ทำให้หลายครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกตั้งคำถามถึงวิธีการ ขั้นตอนปฏิบัติ ว่าถูกต้อง เหมาะสม แล้วหรือไม่?
ความกังขา หรือ ข้อคลางแคลงใจของประชาชน ที่มีต่อเจ้าหน้าที่ ก็เป็นอีกตัวแปรหนึ่ง ที่ทำให้ผู้นำหน่วย อย่างพล.ต.ท.จิรภพ ต้องการเสริมเขี้ยวเล็บ เพิ่มศักยภาพด้านการสืบสวน การปฏิบัติหน้าที่ ให้บุคลากรในสังกัด เพื่อลดทอนปัญหาดังกล่าว และให้สามารถตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้
เป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้ประชาชน ประกอบกับต้องการรักษาชีวิตของเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติงาน ให้ปลอดภัยสูงสุดทุกครั้งเมื่อต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่
พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า
ด้วยอาชญากรรมในปัจจุบันนี้ หลายคดีเป็นคดีระดับชาติ กลุ่มผู้ต้องหามีการกระทำความผิดในลักษณะเป็นองค์กร เชื่อมโยงหลายประเทศ ทำให้ตำรวจเราต้องมีการประสานข้อมูล การทำงาน แนวทางสืบสวนระหว่างประเทศ เพื่อนำไปสู่การจับกุมกลุ่มคนร้ายมาอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และทุกครั้งที่มีโอกาสได้พูดคุยกัน มักนำไปสู่การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เทคนิคการทำงานระหว่างกัน
ในประเทศไทย ตนเชื่อว่าตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ของเราก็มีบุคลากรที่มีศักยภาพทั้งด้านงานสืบสวนและสอบสวนไม่เป็นรองใคร แต่เราต้องไม่หยุดพัฒนา ต้องเพิ่มศักยภาพเราให้สูงขึ้น พยายามหาความรู้ เทคนิคใหม่ๆจากต่างประเทศเพิ่มเติม
จึงเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่าง ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กับ Homeland Security Investigations (HSI) Bangkok จัดโครงการ The Thailand Transnational Criminal Investigative Unit (TCIU) เพื่อพัฒนาศักยภาพในการสืบสวนสอบสวนคดีอาชญากรรมให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ
โดยเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด 15 นาย และพนักงานอัยการอีก 1 นาย จากประเทศไทยไปเข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตร The International Taskforce Agent Training (ITAT) ณ ศูนย์ฝึกอบรม Guardian Center เมือง Perry รัฐ Georgia ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยอบรมรุ่นแรกไปแล้ว เมื่อวันที่ 6 – 24 กันยายน พ.ศ.2564
ภายหลังจากการอบรมกลับมาแล้ว สิ่งที่ได้เพิ่มเติมคือ คอนเนคชั่นที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพราะทั้งเราและเขาต่างไว้ใจและเชื่อในฝีมือการทำงาน จนทำให้การทำงานลุล่วงและสะดวกขึ้น เห็นได้จากผลงานที่ปรากฏตามสื่อมวลชนมากมาย
พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปคบ. หนึ่งในผู้เข้ารับการอบรมดังกล่าว ระบุว่า
ดีใจมากที่ได้เป็น 1 ใน 15 คนที่ได้เข้าอบรม การคัดเลือกนี้ ถูกแบ่งออกเป็น 2 รอบ รอบแรก เป็นการคัดเลือกผู้ที่ผ่านหลักเกณฑ์ ภายในสังกัด 40 นาย ก่อนที่ทาง HSI จะคัดเลือกอีกครั้ง โดยการสอบสัมภาษณ์และ ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย จนเหลือเพียง15 นายเท่านั้น ตลอดระยะเวลากว่า 3 สัปดาห์ ที่ได้เข้าอบรม ทำให้ได้เพิ่มพูนทักษะ เทคนิคทางการสืบสวน สอบสวน จนนำไปสู่การควบคุมตัวคนร้ายด้วยวิธีการที่ปลอดภัยสูงสุด
หนึ่งในหัวใจหลักของการอบรมครั้งนี้ และถือเป็นคำพูดแรกของการเข้าอบรม และตนยังจำกลับมาย้ำเตือนผู้ใต้บังคับบัญชาก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้งคือ
“สุดท้ายเราต้องกลับไปหาครอบครัวอย่างปลอดภัย”
นั่นหมายความว่า ก่อนการโอเปอเรชัน ต้องมีการพูดคุยกับทีมงาน ทุกคนต้องรู้ข้อมูลและแผนงานเท่ากัน มีการเตรียมข้อมูล ตัวผู้ต้องหาและความผิดต้องชัดเจน วิเคราะห์พฤติกรรมคนร้ายให้แม่นยำ วางแผน กำหนดเป้าหมายให้ชัด เตรียมแผนA แผนB กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
ที่สำคัญคือการทำงานเป็นทีมเดียวกัน เพราะเราต้องระลึกไว้เสมอ ว่าหากพลาดแม้แต่วินาทีเดียว นั่นคือความเป็นความตายของทีมเรา
เช่นเดียวกับ ว่าที่ พ.ต.ต.เดชวุฒิ อุตรศาสตร์ สว.กก.1 บก.ป. ผู้เข้าอบรมอีกนาย ที่บอกว่า ตนได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากเนื้อหาในหลักสูตร ที่ครอบคลุมทั้งด้านวิชาการเช่น เทคนิคการสืบสวน, การซักถามปากคำ, การเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน, การดำเนินการตามหมายคำสั่งศาล รวมถึงมีการฝึกปฏิบัติ เช่น การสะกดรอยติดตาม, ปฏิบัติการอำพราง และผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับการฝึกความแข็งแรงของร่างกาย, วิธีการป้องกันตัว รวมถึงการฝึกการใช้อาวุธตามยุทธวิธี
เทคนิคการอบรมครั้งนี้ คือการนำเหตุการณ์ หรือคดีที่เคยเกิดขึ้นจริงที่สหรัฐอเมริกา มาเล่ามาสอน พร้อมจำลองสถานการณ์
ให้ผู้เข้าอบรมได้ผลัดกันเป็นหัวหน้าทีม ฝึกถอดบทเรียน แล้วลองคิดหาวิธีการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน จนนำไปสู่การจับกุมคนร้าย
เป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ออกแบบวิธีการทำงาน โดยไม่ต้องตีกรอบ หรือยึดตามขนบธรรมเนียมปฏิบัติแบบเดิม ขอเพียงให้ทุกขั้นตอนละเอียด ชัดเจน ปลอดภัยทั้งตัวเราและทีม เพื่อนำไปสู่การคลี่คลายคดีให้ได้
นอกจากนี้ยังมีการอัพเดทข้อมูลทางยุทธวิธีให้เท่าทันกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอีกด้วย ซึ่งตนสามารถนำมาปรับใช้กับสายงานได้โดยตรง เนื่องจากกองปราบปรามมีภารกิจการเข้าตรวจค้น จับกุมคดีสำคัญอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในความประทับใจ และได้นำกลับมาใช้ต่อในการทำงานในปัจจุบัน คือ การเข้าใจหลักคิด หลักการทำงาน มองว่าหากเข้าใจส่วนนี้ จะนำไปสู่การคลี่คลายแต่ละภารกิจได้ง่ายขึ้น
ก่อนเริ่มทำภารกิจตนและทีมงานรู้จักวางแผนให้รัดกุมละเอียดในเรื่องการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน จดและเก็บข้อมูลเป็นขั้นตอนและระบบมากขึ้น นำมาซึ่งการยกระดับการทำงานให้มีมาตรฐานขึ้น ซึ่งก็นำมาสู่ความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานได้มากขึ้น
พร้อมยืนยันว่า ตลอดระยะเวลากว่า 21 วันที่เข้าร่วมอบรม ครูฝึกไม่เคยบอกว่าวิธีการ ขั้นตอนที่พวกตนทำนั้นผิดหรือถูก
แต่จะถามถึงสาเหตุที่เลือกทำแบบนั้นแทน และจะคอยแนะนำเพิ่มเติม เพื่อให้งานออกมามีประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมายอย่างปลอดภัยและรัดกุมที่สุด
ทั้งนี้ ภายหลังจบการอบรมแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 15 นาย ได้กลายเป็นผลผลิตที่มีคุณภาพ และศักยภาพของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) มากยิ่งขึ้น สามารถนำความรู้ ประสบการณ์ที่ได้รับมาถ่ายทอดให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจรายอื่นๆภายในหน่วยงานของตนเอง
นอกจากนี้ยังนำมาสู่ความสัมพันธ์ที่เอื้อต่อการประสานงาน การทำคดีร่วมกันระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกา โดยผ่านHSI จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและความเสียหายของประชาชนได้ทันท่วงที
อย่างคดีการจับกุม นายเมธา ชลิงสุข ประธานกรรมการบริหารบริษัทดารุมะ ซูชิ หลังเจ้าตัวขายคูปองเวาเชอร์บุฟเฟต์ร้านซูชิ ให้กับผู้เสียหายหลายราย แต่สุดท้ายกลับใช้คูปองดังกล่าวไม่ได้ เนื่องจากร้านขาดวัตถุดิบ ก่อนเจ้าตัวปิดกิจการ แล้วหลบหนีไปต่างประเทศ มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก
คดีการจับกุม น.ส.ดอกอ้อ โชตนา อายุ 62 ปี อดีต พนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง (กสิกรไทย) และตกผู้ต้องหาตามหมายจับ 35 หมาย ในข้อหา ลักทรัพย์นายจ้าง, ปลอมแปลงเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม หลังก่อเหตุหลอกเงินลูกค้าที่มาซื้อกองทุน เชิดเงิน 300 กว่าล้าน หลบหนีไปกบดานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
และคดีจับกุม 2 หนุ่มยูเครน หนีข้ามชาติ มากบดานที่ภูเก็ต หลังก่อเหตุพาแรงงานนอกกฎหมายหลายร้อยราย ไปทำงานที่รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งเลี่ยงภาษีแรงงาน พบมูลค่าความเสียหาย คิดเป็นเงินไทยกว่า 300 ล้านบาท เป็นต้น
จากความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ทำให้ ล่าสุดทาง HSI อนุมัติโครงการ The Thailand Transnational Criminal Investigative Unit (TCIU) รุ่นที่ 2 และครั้งนี้ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้ส่งรายชื่อผู้เข้าร่วมอบรมให้กับทาง HSI เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการเริ่มการอบรม
สำหรับโครงการนี้ เตรียมจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาหน่วยงานในทุกด้าน ให้สมกับเป็นตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ยุคใหม่ ด้วย “มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน”
รายชื่อ สำหรับTCIU รุ่น 1
1.พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.
2.พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป.
3.พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ ผกก.1 บก.ปอท.
4.พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปคบ.
5.พ.ต.ท.สิทธิพร มีอาษา รอง ผกก.3 บก.ป.
6.พ.ต.ท.ภัทรพันธ์ ศิริเพิ่มพูลชัย รอง ผกก.4 บก.ป.
7.พ.ต.ท.พัฒษพงศ์ เสณีแสนเสนา สว.กก.4 บก.ปคม.
8.พ.ต.ต.ณัติรุจน์ วัฒนะฉัตรรัตน์ สว.ส.ทล.2 กก.6 บก.ทล.
9.พ.ต.ต.ชัยภักดิ์ สมภักดี สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปคม.
10.พ.ต.ต.นรบดี ดวงจิตต์ สว.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล.
11.พ.ต.ต.เดชวุฒิ อุตรศาสตร์ สว.กก.1 บก.ป.
12.พ.ต.ต.อนวัช ตันตินันทกุล สว.กก.1 บก.ป.
13.ร.ต.อ.หญิง รัตติยากร จุลเจิม รองสว.กก.สสน. บก.ป.
14.ร.ต.อ.หญิง ธันวาดี คชนนท์ รอง สว.กก.สสน. บก.ป.
15.ร.ต.อ.หญิง กนกพร รามด้วง รอง สว.กก. สสน.บก.ป.
16.ร.ต.ท.นนทนันท์ ฉิมทองประเสริฐ รอง สว. กก.สสน. บก.ป.