ตำรวจ บก.ปคม.รวบ “อาหยง” นายทุนจีน หลอกแรงงานไทยทำงาน ประเทศเพื่อนบ้าน บังคับทุบตีให้เป็น SCAMMER แชทตุ๋นเงินเหยื่อออนไลน์
วันที่ 31 ต.ค.65 ที่ หัองประชุมขั้น 2 บก.ป. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก.9 บก.รน. รรท.ผกก.4 บก.ปคม.
ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายหวง หรือ อาหยง อายุ 33 ปี ชาวจีน ข้อหาสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ และ ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปหรือโดยสมาชิกองค์อาชญากรรมกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานฯจับกุมได้ที่ บริเวณลานจอดรถย่าน ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า เมื่อต้นปี 2564 นายหวง พร้อมพวกที่เป็นเครือข่ายขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ประกอบด้วยคนจีน ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และพม่า รวม 19 คน ร่วมกันหลอกคนไทยไปทำงาน ด้วยวิธีการลงโฆษณาในอินเตอร์เน็ตหลอกว่ามีการจัดหาคนไปทำงานที่ชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก
เมื่อมีผู้หลงเชื่อตกลงไปทำงาน จะถูกบังคับพาข้ามไปฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา ผ่านช่องทางธรรมชาติ เมื่อไปถึงจะถูกพาไปที่บริษัท JinXin Holdings จำกัด ตั้งอยู่ที่เมืองเมียวดี จากนั้นจะบังคับใช้แรงงานให้ทำงานเป็น Scammer หลอกลวงเงินผู้อื่นผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ในลักษณะหลอกให้นำเงินมาร่วมลงทุนธุรกิจเงินดิจิตอล หรือ บิทคอยท์
พล.ต.ต.ศารุติ กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถให้การช่วยเหลือกลุ่มเหยื่อถูกหลอกไปทำงานเหล่านี้ได้ 7 คน
สอบปากคำจนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาจะสร้างโปรไฟล์ปลอมขึ้นมาในแอปพลิเคชั่นต่างๆ เช่น Tinder, Badoo, Blumboo, Jaumo Dating ฯลฯ แล้วบังคับให้กลุ่มเหยื่อแรงงานเหล่านี้นำไปใช้พูดคุยหลอกถามข้อมูลบุคคล และชักชวนคนมาลงทุน
เมื่อมีคนสนใจทักกลับมาจะส่งต่อให้หัวหน้าทีม เป็นชาวมาเลเซียและฟิลิปปินส์เป็นคนดำเนินการต่อ แต่ละวันกลุ่มผู้เสียหายจะถูกบังคับให้ทำงานวันละ 12 ชม. ไม่มีวันหยุด ต้องทำยอดให้ได้ตามที่กำหนด
หากว่าใครไม่ยอมทำงานหรือทำงานไม่ได้ตามยอดที่กำหนดจะถูกลงโทษโดยส่งไปขังที่ “ห้องดำ” หรือถูกทำร้ายร่างกายด้วยการโกนผมและใช้ไฟฟ้าช็อตทำให้ผู้เสียหายไม่สามารถขัดขืนได้
ถ้าผู้เสียหายคนใดต้องการกลับประเทศจะต้องนำเงินมาจ่ายเป็นค่าไถ่ตัว 50,000 บาท ถึงจะได้รับการปล่อยตัว บางรายต้องให้ญาติเอารถไปจำนำ หรือ กู้เงินนอกระบบ เพื่อนำมาให้กับกลุ่มผู้ต้องหา แลกกับการปล่อยตัวกลับมา พนักงานสอบสวนจึงรวบพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับขบวนการดังกล่าว พร้อมกับตามจับกุมตัวมาได้แล้ว 7 ราย
ด้าน พ.ต.อ.แมน กล่าวว่า ล่าสุด สืบทราบเบาะแสว่า นายอาหยง เดินทางกลับเข้าประเทศไทยเมื่อช่วงเดือน พ.ค. 2565 เนื่องจากมีกิจการค่ายมวยชื่อ “อาหยงยิมส์” รวมถึงเป็นโปรโมเตอร์ในการจัดต่อยมวยตามเวทีต่างๆ ในประเทศไทย
แกะรอยตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว จากการสอบปากคำเบื้องต้น ให้การปฏิเสธ นำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคม. ดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมเตรียมขยายผลตรวจสอบธุรกิจต่างๆของผู้ต้องหาว่าเงินที่ใช้นำมาลงทุนนั้นเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำผิดหรือไม่ต่อไป