ได้ยินชื่อรองจ๋อ-พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผบก.อก.บช.ปส.มานานครับ
จัดเป็นนักสืบตัวจริงเสียงจริงอีกคน เพราะเป็น1ใน30 ตำรวจนครบาล ศิษย์โรงเรียนนักสืบของรองอู๊ด-พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี อดีตนักสืบรุ่นใหญ่ ที่ก่อตั้งโรงเรียนนี้ขึ้นมา เพื่อสืบสานตำนานไล่ล่าฆ่าโจร
แต่มาได้เจอตัวจริงตอนรองจ๋อ โยกจากนครบาลมาอยู่กองปราบฯ แต่กว่าจะได้นั่งคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ก็สมัยรองจ๋อ กลับจากตำรวจน้ำ มาเป็นผกก.6 บก.ป.และคุยกันยาวมาจนถึงตอนนี้
ถึงตอนนี้ เป็นรองผู้การ อก.อยู่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด แต่ก็อยู่ติดตัว บิ๊กหมาย-พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. ตลอด
วันนี้มาดูเขี้ยวเล็บคู่กายรองจ๋อ ว่าที่นายพลมือปราบอีกครั้งครับ
ปืนทำงานต้องฝึกจนรู้ใจ
เดอะจ๋อ-พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผกก.6 บก.ป.ลูกศิษย์ก้นกุฎิของ อาจารย์อู๊ด-พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี รองผบช.สตม.
อีก 1 ในนักสืบรุ่นใหม่ที่นักสืบรุ่นพี่ๆให้การยอมรับในฝีมือ
มีโอกาสคุยกันถึงเรื่องเขี้ยวเล็บคู่กาย หลังเจ้าตัวขึ้นบกกลับถิ่นเก่ากองปราบปราม ดูแลพื้นที่ภาคใต้รวมทั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้
นายตำรวจคนบางเดื่อ เมืองปทุมธานี หยิบ GLOCK 19 ขนาด 9 มม.ออกมาให้ดู พร้อมบอกถึงความเป็นมาของปืนคู่ใจกระบอกนี้
เป็นกระบอกแรกในชีวิต ซื้อใช้ตั้งแต่เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจปี 1 ใช้มาตั้งแต่ปี 2533 สมัยนั้นราคา 1 หมื่นต้นๆ เพราะคนไม่นิยม ถูกโจมตีว่าไม่มีเซฟ
แต่ผมฝึกจนรู้กลไก และใช้กระบอกเดียวมาตลอด คือใช้ปืนต้องรู้ใจเขา โดยกระบอกนี้เป็นรุ่นแรกๆ ดูแลรักษาง่ายมาก ยิงไม่มีติดเลย
มีอีกกระบอก .357 ไว้ใช้สำหรับฝึกยิง ฝึกยุทธวิธีตำรวจ
สำหรับ GLOCK 19 กระบอกนี้ ทำงานมาเยอะ อาทิเคส ยิงปะทะกับคนร้ายปล้นด่านเก็บเงิน ขณะตามไปจับที่ อ.แม่พริก จ.ลำปาง ไปกับพี่นพศิลป์ -พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์
ไปวิสามัญฯแก๊ง 9 ยอดที่ฉุดผู้หญิงมาข่มขืน ที่ทุ่งสองห้อง แยกหลักสี่ วิสามัญคนร้ายมอมยาสาวพรีลูด แล้วข่มขืนที่เซ็นทรัลลาดพร้าว
ทั้งหมดนี้ไปทำงานร่วมกับพี่นพศิลป์ ร่วมเป็นร่วมตายกันมาตลอดตั้งแต่ผมมาเป็นตำรวจ
แต่เคสที่เจ้าตัวไม่มีวันลืม เพราะเฉียดตายจากปืนตัวเองกระบอกนี้ อดีตนักสืบนครบาลเล่าให้ฟังว่า
ตอนนั้นประมาณปี 2541 ผมยศ ร.ต.ท. อยู่กองสืบ บก.น.2 ไปตามคดีฆ่าหั่นศพ ผู้ต้องหาเป็นจีนฮ่อ ไปกัน 3 คน มีพี่ปั๊ด-พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ตอนนั้นพี่เขาเป็นรองผกก. และพี่ต้น- พ.ต.ท.ธงชัย กนิษฐ์กุล
ส่วนคนร้ายมี 3 คน นั่งแท็กซี่ไปติดไฟแดงอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมเจ้าพระยาปาร์ก รัชดาภิเษก
คนร้ายเริ่มรู้ตัว พี่สุวัฒน์สั่งชาร์จ แกเข้าประตูหน้าซ้าย ผมเข้าประตูหลังซ้าย พี่ต้น เข้าประตูหลังขวา จังหวะนั้นคนร้ายแย่งปืนออกจากเอวผมแล้วจี้มาที่ศีรษะพร้อมเหนี่ยวไกทันที
แต่ไม่ลั่นเพราะผมไม่ได้ขึ้นลำไว้ พร้อมๆกับผมแย่งปืนคืน ส่วนคนร้ายก็ดึงกลับ แม้จะขึ้นลำไม่สุด แต่ผมรู้ว่ากระสุนเข้ารังเพลิงแล้ว เลยรีบผลักปืนออกจากหัว ได้ยินเสียงดังปัง ก่อนทีมช่วยเหลือตามเข้ามาทันพอดี
ตกใจมาก เพราะเห็นเลือดที่มือพี่สุวัฒน์ ส่วนคนร้ายที่นั่งหน้าเสียชีวิต เพราะกระสุนที่ลั่นพุ่งเข้าลำตัวก่อนจะทะลุมาถูกที่มือพี่สุวัฒน์
นอนไม่หลับไป 7 วัน เป็นครั้งแรกที่ถูกปืนจ่อหัว และเกือบทำผู้บังคับบัญชาเสียชีวิต
เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผมในการเข้าจับกุมคนร้าย คือ 1.ต้องรักษาความไม่ประมาทเสมอ วันนั้นนึกไม่ถึงว่าคนร้ายจะสู้
ประเด็นที่สอง ถ้าเราประมาท คนร้ายสามารถสังหาร หรือทำอันตรายเรา โดยมันไม่คำนึงว่าเราเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ประเด็นสุดท้ายคือ เหตุการณ์นี้สอนให้รู้ว่า ปืนต้องใช้ของตัวเองเท่านั้น พอถูกคนร้ายแย่งไปผมรู้เลยว่า มันยิงแน่ๆ ถ้าไม่ผลักออกจากศีรษะ คนที่ตายคงไม่ใช่คนร้าย
Cop’s Magazine Vol.8 No.91 March 2014