ตอน 5
เรารับประทานอาหารค่ำวันเสาร์ที่เพนซี่
มันดูเหมือนจะเป็นงานเลี้ยงใหญ่ทีเดียว เพราะเขาจัดเลี้ยงสเต๊กด้วย พนันเอาสักพันเหรียญได้เลย เขาจัดเลี้ยงแบบนี้เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียนที่มาโรงเรียนในวันอาทิตย์ ซึ่งท่านเธอร์เมอร์คงคาดไว้แล้วว่าแม่ของนักเรียนแต่ละคนคงถามลูกชายว่าได้รับประทานอะไรไปบ้างเมื่อคืนวาน แล้วนักเรียนก็จะตอบพร้อมๆกันว่า “สเต๊ก”
ม้นอะไรจะขนาดนั้น คุณน่าจะได้เห็นสเต๊ก เนื้ออื๋ยโคตรเหนียว แถมยังแห้งเย็นชืด แทบเฉือนไม่เข้าทีเดียวล่ะ มีก้อนมันฝรั่งบดแปะบนเนื้อสเต๊กค้างคืน ส่วนพวกของหวานเป็นบราวน์เบตตี้ ไม่มีใครแตะเลย
ยกเว้นพวกเด็กเล็ก ๆ รุ่นน้องที่ไม่รู้ห่าเหวอะไรเลย รวมทั้งไอ้แอคลี่ย์ที่กินทุกอย่างที่ขวางหน้าได้เสมอ
ถึงยังไงก็ยังดี ตอนที่เราออกจากห้องอาหาร มีหิมะตกหนาราวสามนิ้ว แล้วก็ยังตกลงมาเรื่อย ๆ ตลอดเป็นบ้าเป็นหลัง มันแย่เอามากและเราเริ่มต้นขว้างปาก้อนหิมะใส่กัน มันเหมือนเด็ก ๆ เล่นกัน แต่ก็สนุกสนานดีกันทุกคน
ผมไม่ได้นัดหมายใครไว้ ผมกับเจ้ามัล บรอสสาร์ด เพื่อนที่อยู่ทีมมวยปล้ำ พากันนั่งรถบัสไปอาเกอร์สทาวน์ หาซื้อแฮมเบอร์เกอร์ ดูหนังห่วยแตกสักเรื่องหนึ่ง
เราไม่ชอบนั่งแหมะอยู่กับที่ทั้งคืนหรอก ผมถามเจ้ามัลว่าจะว่าอะไรไหมถ้าจะชวนไอ้แอคลี่ย์ไปด้วย เหตุผลที่อยากทำอย่างนั้น เพราะเจ้าแอคลี่ย์มันไม่เคยไปไหนเลยในคืนวันเสาร์ นอกจากจะแกร่วอยู่ในห้องพัก บีบหัวสิวอะไรของมันอยู่นั่นแล้ว เจ้ามัล ตอบว่ามันไม่ว่าอะไร
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันชอบความคิดนี้ มันไม่ชอบขี้หน้าไอ้แอคลี่ย์เลยล่ะ
ยังไงก็ตาม เราทั้งคู่กลับไปห้องพักเพื่อเตรียมตัว ขณะที่ผมสวมปลอกหุ้มรองเท้าลุยหิมะ ผมตะโกนข้ามห้องถามเจ้าแอคลี่ย์ว่า อยากจะไปดูหนังด้วยกันไหม มันได้ยินเสียงผมผ่านฉากกั้นห้องน้ำ แต่ยังไม่ยอมขานตอบ
มันเป็นพวกที่ไม่ชอบขานตอบอะไรใครในทันที แล้วที่สุดพวกนี้มันชอบเขามาทางฉากกั้นห้องน้ำทั้งน้้น เหยียบอยู่บนท่ออาบน้ำฝักบัว ถามว่ามีใครไปด้วย มันต้องการจะรู้ให้ได้ว่าใครไปด้วย
สาบานได้ถ้าหากเรือล่มอับปางกลางทะเลสักแห่ง คุณพยายามจะกู้ชีพมันขึ้นบนเรือ มันคงต้องการจะรู้ให้ได้ว่าใครจะไปด้วยกับมัน มันยังจะข้องใจอีกว่าใครกันอีกนะที่จะเป็นคนพายเรือกู้ชีพก่อนที่มันจะยอมขึ้นเรือกู้ชีพลำนั้น ผมบอกไปว่า เจ้ามัล บรอสสาร์ด ไปด้วย มันตอบว่า “ไอ้เวรนั่น__ก็ได้ รอสักประเดี๋ยว” ทำราวกับว่าคุณเป็นหนี้บุญคุณมันอย่างมากเลยล่ะมันใช้เวลาห้านาทีก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย
ระหว่างนั้นผมเดินไปเปิดหน้าต่างกอบหิมะมาปั้นเป็นก้อนกลม หิมะกำลังเหมาะพอดีที่จะปั้นเป็นก้อนกลม ผมไม่ขว้างออกไปทันที ตอนแรกพุ่งเป้าไปที่รถเก๋งคันหนึ่งที่จอดขวางถนนแต่ผมก็เปลี่ยนใจ รถคันนั้นมันก็ดูน่ารักดีสีสันสะอาดตา
ผมเบนเป้าหมายจะปาไปที่หัวท่อประปาแทนแต่แล้วก็รู้สึกว่ามันก็ดูดีและสะอาดตาเหมือนกัน ในที่สุดผมก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะขว้างปาก้อนหิมะใส่อะไรอย่างสิ้นเชิง แล้วดึงบานหน้าต่างปิดลง กลับมาในห้องพร้อมก้อนหิมะยังอยู่ในมือบีบแน่น
ต่อจากนั้นผมกับเจ้าบรอสสาร์ดและแอคลี่ย์พากันขึ้นรถบัสในมือผมยังถือก้อนหิมะไปด้วย คนขับรถเปิดประตู ให้ผมโยนก้อนหิมะนั้นทิ้งเสีย ผมขอร้องว่าไม่ได้เอาไปปาใครที่ไหนเด็ดขาด แต่เขาก็ยังไม่เชื่อผมอยู่ดี
โธ่เอ๋ย__คนอะไรวะไม่เชื่อใจกันบ้างเลย
เจ้าบรอสสาร์ดกับแอคลี่ย์ดูหนังนั่นแล้ว เราเลยไปหาซื้อแฮมเบอร์เกอร์และแวะไปเล่นตู้พินบอลกันสักพักใหญ่ จากนั้นก็นั่งรถบัสกลับเพนซี่ ผมไม่ได้เสียดายโอกาสที่ไม่ได้ดูหนังเรื่องนั้นหรอก มันเป็นหนังแนวตลกเฮฮาที่มี แครี่ แกรนท์ แสดงนำอะไรทำนองนั้น
อีกอย่างหนึ่ง ผมเคยไปดูหนังกับเจ้าบรอสสาร์ดแลละแอคลี่ย์มาก่อนแล้ว ทั้งสองหัวเราะขำกลิ้งโห่ฮายังกับฝูงไฮยีน่าแม้ว่าหนังไม่เห็นจะน่าสนุกตรงไหนสักหน่อย ผมไม่ชอบนั่งดูหนังกับไอ้สองคนนี้หรอก
อีกประมาณสิบห้านาทีก็จะถึงสามทุ่ม เมื่อกลับมาถึงหอ เจ้าบรอสสาร์ดซึ่งเป็นขาพนันไพ่บริดจ์ก็มองหาขาไพ่เล่นกัน ส่วนไอ้แอคลี่ย์ยังคงแกร่วอยู่ในห้องของผมอย่างเซ็งๆ เพียงแต่แทนที่จะนั่งบนที่วางแขนของเก้าอี้ไอ้สแตรดเลเตอร์ก็ไม่ทำ มันกลับทอดตัวลงนอนบนเตียงผม เอาใบหน้าซุกกับหมอนของผม แล้วคุยด้วยน้ำเสียงระดับเดียวตลอด แล้วยังบีบสิวคลำไปทั่วหน้า
ผมส่งสัญญาณให้มันรู้นับพันครั้ง แต่ก็ไม่สามารถทำให้หยุดได้ มันมัวแต่ฝอยด้วยเสียงที่ไม่มีโทนสูงต่ำ ถึงเรื่องสุดเพ้อเจ้อว่ามันมีเซ็กซ์กับสาวคนโน้นคนนี้ตอนช่วงซัมเมอร์ มันเล่าให้ผมฟังนับร้อยเที่ยวแล้วเห็นจะได้
แต่ทุกครั้งที่มันเล่า มักจะมีจุดแตกต่างกันทุกครั้งไปเหมือนกัน
นาทีแรกเล่าว่ามีเซ็กซ์ในรถบูอิคของญาติมัน นาทีถัดมามันบอกว่าไปอะไรกันอยู่ใต้สะพานท่าเรือ มันเต็มไปด้วยเรื่องคุยโม้ ให้ตายสิ ตัวมันน่ะยังกับไอ้หนุ่มพรหมจรรย์คนเดียวที่ผมรู้จัก ผมสงสัยว่ามันทำให้สาวเสียวซ่านเป็นหรือเปล่า
จนที่สุดผมต้องพูดกับมันไปตรง ๆ ว่าผมมีธุระจะต้องเขียนเรียงความให้ไอ้สแตรดเลเตอร์อีก นั่นแหละมันถึงได้แจวออกจากห้องผม ทำให้ผมเรียกสมาธิกลับคืนมาได้ มันก็เป็นเสียอย่างนั้น เพราะมันรู้สึกเหมือนว่าปล่อยเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์
หลังจากมันไปแล้วผมจึงสวมชุดนอนและหมวกล่าสัตว์ เริ่มต้นเขียนเรียงความ
เรื่องมันอยู่ที่ว่า ผมคิดไม่ออกถึงห้องนอนหรือบ้านหลังหนึ่งที่พรรณาตามเจ้าสแตรดเลเตอร์บอกว่ามันต้องมีให้ได้ ผมไม่จริงจังกับเรื่องพร่ำพรรณาสาธยายสภาพห้องนอนหรือบ้านเท่าใดนัก ดังนั้น ที่ผมคิดจะเขียน ก็คือเรื่องถุงมือของแอลลี่ น้องชายของผมเอง มันเป็นวัตถุสิ่งของที่บรรยายได้ง่าย ๆ
น้องชายผม แอลลี่ มีถุงมือข้างซ้าย เขาถนัดซ้าย เป็นอีกอย่างหนึ่งที่สามารถบรรยายได้ชัดเจนว่าเขาขีดเขียนโคลงบทกวีบนถุงมือนั่นตรงส่วนที่เป็นนิ้วทุกนิ้ว รวมทั้งตัวถุงและทั่ว ๆ ไป ด้วยน้ำหมึกสีเขียว เขาเขียนเองทั้งหมดเพื่อเก็บไว้อ่านตอนลงสนาม ขณะที่ไม่มีใครขึ้นไปคอยตีเบสบอล
เขาตายแล้วล่ะ เป็นลูคีเมีย ตายตอนที่ไปอยู่รัฐเมน วันที่18 กรกฎาคม ค.ศ.1946 คุณจะชอบเขามาก เขาอ่อนกว่าผมสองปีแต่ฉลาดกว่าผมสักห้าสิบเท่ากระมัง เขาฉลาดเป็นกรด
ครูของเขาเขียนจดหมายมาถึงแม่ผมว่ารู้สึกถูกกดดันมากที่มีนักเรียนอย่างแอลลี่อยู่ในชั้นเรียน เขาไม่พูดเรื่อยเปื่อยไร้สาระ เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นเพียงเพราะเขาฉลาดเฉลียวกว่าคนอื่นในครอบครัว เขายังเป็นคนที่น่ารักที่สุดด้วย
เขาไม่เคยหัวเสียโกรธใครง่าย ๆ เขาว่าคนที่มีผมสีแดง มักมีนิสัยขี้หงุดหงิด หัวเสียง่ายแต่สำหรับแอลลี่ นั่นไม่ใช่เลย ทั้งที่เขามีผมแดงเอามาก ๆ ผมจะเล่าให้ฟังทีหลังว่าเส้นผมของเขาแดงแบบไหน
ผมเริ่มหัดเล่นกอล์ฟเมื่ออนอายุได้สิบขวบ จำได้ว่าครั้งหนึ่งช่วงหน้าร้อน ผมอายุราวสิบสองขวบ กำลังหวดทีออฟ และวางท่าโน้มตัวเตรียมอยู่ ถ้าเพียงแค่ผมเอี้ยวหันกลับไปทันที ก็จะเห็นแอลลี่ ผมเลยเหลียวไปดูเห็นเขานั่งคร่อมจักรยานอยู่ด้านนอกพุ่มไม้ ซึ่งมีพุ่มไม้อยํู่โดยรอบบริเวณ เขานั่งอยู่ตรงนั้นแหละ ห่างไปรอยร้อยห้าสิบหลา ข้างหลังผม จ้องดูผมกำลังจะหวดทีออฟ นั่นแหละ เส้นผมสีแดงไสวของเขาล่ะ
พระเจ้า เขาช่างเป็นหนูน้อยที่น่ารักจังเลย บางครั้งเขาก็หัวเราะลั่นแทบกลิ้ง เมื่อนึกถึงอะไรบางอย่างที่โต๊ะอาหารมื้อค่ำแทบตกเก้าอี้เลยทีเดียว
ขณะที่ผมอายุแค่สิบสาม เขาอยากให้ผมไปหานักจิตวิเคราะห์เพราะผมชอบทำกระจกหน้าต่างในโรงรถแตกเกือบทุกบาน ผมไม่โทษเขาหรอก
จริงๆ ผมนอนหลับสนิทในโรงรถคืนที่เขาจากไป ผมชกหน้าต่างแตกกระจุยทุกบานเลยทีเดียว ในสภาพจิตใจคลุ้มคลั่งอย่างรุนแรง ผมยังพยายามจะชกกระจกรถสเตชั่นแวกอน ที่เรามีในช่วงนั้นอีกด้วย
แต่มือของผมแตกยับเยินไปแล้วเลยชกอะไรไม่ได้ มันเป็นเรื่องทุเรศที่ทำอย่างน้้น ผมยอมรับ ไม่รู้ว่าผมทำลงไปได้ยังไง และนายก็ไม่รู้ด้วยเช่นกันแอลลี่
มือผมยังเจ็บแปล๊บไม่หายมาจนถึงทุกวันนี้ เวลาฝนตกผมไม่สามารถกำมือได้แน่นอีก แต่ยิ่งกว่านั้น ผมไม่สนนักหรอก ถึงยังไงผมก็ไม่ใช่หมอผ่าตัดหรือนักสีไวโอลินอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม นั่นแหละคือบทเรียงความของไอ้สแตรดเลเตอร์ถุงมือเบสบอลเก่า ๆ ของแอลลี่ ผมนึกได้ว่าเก็บมันไว้ในกระเป๋าใส่เสื้อผ้า ผมเอามันออกมาแล้วคัดลอกโคลงที่แอลลี่เขียนบนถุงมือนั้น สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงคือชื่อของแอลลี่ ดังนั้นคนอื่นจะได้ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องของน้องชายผมและเจ้าสแตรดเลเตอร์ ผมไม่อยากทำอย่างนี้ แต่ไม่รู้หรอกว่าจะพรรณนาเรื่องอื่นได้
อีกอย่างหนึ่งผมแค่อยากจะเขียนเรื่องนี้ มันใช้เวลานับชั่วโมง เพราะเจ้าพิมพ์ดีดอุบาทว์ของเจ้าสแตรดเลเตอร์ทำให้ผมติดขัดไม่แล่นเท่าที่ควร ที่ผมไม่ใช้เครื่องพิมพ์ดีดของผม เพราะให้คนอื่นยืมไปใช้
ผมเสร็จราวสี่ทุ่มครึ่ง เหนื่อยล้าเต็มที มองออกนอกหน้าต่างสักพักหิมะหยุดตกแล้ว แต่นาน ๆ ครั้ง จะได้ยินเสียงยวดยานที่ไม่รํู้แล่นมาจากไหนไปไหน
คุณยังจะได้ยินเสียงกรนของไอ้แอคลี่ย์ทะลุผ่านม่านกั้นห้องน้ำ มันเป็นไซนัส ไม่สามารถหายใจตอนนอนหลับสนิทได้ ไอ้คนนี้มีอะไรที่ต้องเกี่ยวพันเสมอ เป็นโรคไซนัสอักเสบบ้าง สิวขึ้นเต็มหน้าบ้าง ฟันเหลืองเขรอะ ลมหายใจก็เหม็นอย่างร้ายกาจ เล็บมือก็บิ่น
คุณต้องรู้สึกสมเพชเวทนาไอ้เบื๊อกนี่บ้างแหละ