“ผู้บัญชาการโอ๋” มอบนโยบาย ภ.7 สั่งกำชับเชิงรุก 18 มาตรการตาม ตร.กำหนด
วันที่ 3 ต.ค. 65 ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรภาค 7 จ.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานในการประชุม“มอบนโยบายการบริหารราชการของตำรวจภูธรภาค 7 ประจำปีงบประมาณพ.ศ.2566 และนำนโยบายผบ.ตร.,รอง ผบ.ตร.มาขับเคลื่อน”
มีพล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัยรอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.อาทิชา เปาอินทร์ รอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีนรอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.วรายุทธ สุขวัฒน์ รอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7,พร้อมด้วยผบก.ฯ, รอง ผบก.ฯ, ผกก.ฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวว่า ก่อนการประชุมได้แนะนำผู้บังคับบัญชาระดับ ผบก.ที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาดำรงตำแหน่งในสังกัด ภ.7 สำหรับในการประชุมได้สั่งการเน้นย้ำให้ทุกหน่วยปฏิบัติ ดังนี้
1.กำชับการปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ผบ.ตร. “เป็นตำรวจมืออาชีพ ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน”
2.กำชับการดำเนินการนโยบายของผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร. ที่ได้มอบนโยบายการบริหารราชการฯ เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2565
3.เน้นย้ำทุกหน่วย เห็นความสำคัญ และเร่งรัดภารกิจเร่งด่วนตามนโยบาย ผบ.ตร. ได้แก่ ภารกิจเร่งด่วนเพื่อประชาชน,ปัญหายาเสพติด,ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี,
4.ยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ,ภารกิจเร่งด่วนเพื่อตำรวจ,สร้างความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่,สร้างขวัญกำลังใจ และดูแลสวัสดิการ
,กำชับข้าราชการตำรวจทุกระดับปฏิบัติหน้าที่
โดยยึดหลัก ,เกาะติดพื้นที่, เกาะติดประชาชน, เกาะติดคนร้าย และ เกาะติดผู้ใต้บังคับบัญชา,ยกระดับองค์ความรู้, ยกระดับวิธีคิด, ยกระดับบวิธีการทำงาน และ ยกระดับการใช้ดุลยพินิจ,ทำงาน, ทำดี, ทำบุญ และ มีภาวะผู้นำ, Smart, Smile และ Strong
5.กำชับทุกหน่วยดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล, นายกรัฐมนตรี, ผบ.ตร.และรองผบ.ตร.โดยเคร่งครัด ต้องมีแผนปฏิบัติการทำงานเชิงรุกเป็นแผนยุทธการในแต่ละพื้นที่
6.กำชับหัวหน้าหน่วยทุกระดับรายงานเหตุซึ่งจะต้องรายงาน อย่าให้ล่าช้า
7.กำชับผู้บังคับบัญชาทุกระดับควบคุม กำกับดูแลการให้บริการประชาชนให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว เป็นธรรม อย่างเท่าเทียม ดูแลความสะอาด จัดระเบียบที่ทำการโดยเฉพาะห้องรับแจ้งเหตุให้จัดเป็น One Stop Serviice เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจ
8.กำชับหัวหน้าหน่วยลงพื้นที่เพื่อรับรู้ปัญหา ข้อเสนอแนะจากประชาชน เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมระหว่างตำรรวจ และประชาชน
9.ปรับเปลี่ยนแนวคิดการควบคุมดูแลผู้ใจผู้บังคับบัญชา ไม่ใช่แค่ควบคุมควมประพฤติ แต่ต้องลงไปดูแลและสัมผัสถึงปัญหาความเดือดร้อนของผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และสร้างบวัญกำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชา งานบริหารต้องดูว่ามีอะไรที่ทำโดยสุจริตแล้วมีรายได้เข้าหน่วย เพื่อจัดเป็นสวัสดิการแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา
10.พัฒนาองค์ความรู้ข้าราชการตำรวจทุกสายงาน จัดให้มีการฝึกทบทวนยุทธวิธี และมาตรฐานการปฏิบัติงานเป็นประจำทุกสัปดาห์
11.ยกระดับการบริการประชาชน ต้องแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างทันท่วงที ยกระดับการให้บริการทั้งในและนอกสถานีตำรวจ เช่นการรออกตรวจเยี่ยมประชาชน และ แจ้งความคืบหน้าคดีแก่ผู้เสียหาย
12.เน้นย้ำทุกหน่วยให้ความสำคัญกับเรื่องร้องเรียน เพื่อยกระดับการให้บริการประชาชน เนื่องจากผู้เขียนเรื่องร้องเรียนคือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและยังไม่ได้รับการดูแล
13.การขับเคลื่อนทุกหน้างาน จะใช้ศปก.ภ.7เป็นตัวขับเคลื่อน โดยกำหนดให้มีการประชุมศปก.ภ.7 ทุกวันพุธ เวลา 09.00น. ให้รอง ผบช./ผบก./หัวหน้าสถานี เข้าร่วมประชุมด้วยตนเอง
14.ผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องอยู่ในพื้นที่ ดำรงการติดต่อได้ตลอดเวลา หากออกนอกพื้นที่ต้องขออนุญาตให้ถูกต้อง
15.หัวหน้าสถานีต้องตรวจสอบปจว./ข้อมูลการรับแจ้งเหตุทุกเช้า และนั่งหัวโต๊ะประชุม Morning Brief ทุกวันสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ให้ทุกสายงานทราบข้อมูล
16.มอบหมายให้ รอง ผบก.แต่ละหน้างาน ควบคุม กำกับดูแล เร่งรัด ขับเคลื่อน ติดตาม สั่งการในหน้างานของตนเองเป็นประจำ
17.กำชับเรื่องความรักความสาามัคคีในหมู่คณะ ให้อยู่ด้วยกันแบบพี่น้อง ให้เกียรติซึ่งกันและกัน บูรณาการทำงานเป็นทีม เป็นตำรวจต้องรู้หน้าที่ มีวินัย
18.ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ควบคุม กำกับดูแล กวดขันความประพฤติและระเบียบวินัย ตามคำสั่งตร.ที่ 1212/2537 โดยออกคำสั่งให้มีการรับผิดชอบในแต่ละระดับ”ผบช.ภ.7 กล่าว”