Wednesday, December 11, 2024
More
    Homeบทความทั่วไปปั้นลูกตำรวจเป็นนักหวดลูกสักหลาด ค่าเรียน 20 บ. สู่คว้าเหรียญเยาวชนแห่งชาติ

    ปั้นลูกตำรวจเป็นนักหวดลูกสักหลาด ค่าเรียน 20 บ. สู่คว้าเหรียญเยาวชนแห่งชาติ

    คอลัมน์ปั้นลูก(ตร.)เป็นนักหวด

    “ปั้นลูกเป็นนักหวด”

    ในชีวิตผมไม่เคยเล่นเทนนิสมาก่อนหรือมีความรู้เกี่ยวกับกีฬาประเภทนี้เลย ไม่รู้แม้กระทั่งการนับแต้ม ก็รู้สึกยังงงอยู่เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงนับกันที่ 15 30 40 (ถึงวันนี้ก็ยังไม่งง) แต่ที่ต้องตกกระไดพลอยโจรเข้ามาอยู่ในวงจรลูกสักหลาดก็เพราะมีลูกชายเล่นเทนนิสนั่นแหละ และไม่เคยคาดคิดมาตั้งแต่แรกว่า ลูกจะทำได้ดีในสายตาเราด้วย

    ย้อนไปเมื่อราวกว่า 10 ปีก่อนตอนลูกเพิ่งหัดเล่นเทนนิสใหม่ๆ นึกถึงทีไรก็อดที่จะขำไม่ได้ เด็กน้อยบ้านอยู่ต่างจังหวัดอายุแค่ 7 ขวบ ตัวผอมเพียว แขนขาเล็กเรียวเหมือนพวกขาดสารอาหาร ไปยืนเกาะรั้วสนามเทนนิสศาลากลางจังหวัดหลังเลิกเรียนทุกเย็น ซึ่งอยู่ติดกับที่ทำงานแม่ที่เป็นเพียงข้าราชการตำรวจผู้น้อยด้อยด้วยยศฐา ส่วนพ่อก็เป็นแค่นักสื่อสารมวลชนตัวเล็กๆที่เวลาส่วนใหญ่จะวิ่งรอกหาข่าวอยู่ในเมืองหลวงจนแทบไม่มีเวลาให้ครอบครัว

    วันหนึ่งกลับบ้านเกิดไปรับลูกที่โรงเรียนด้วยตัวเอง (ปกติเป็นภาระหน้าที่แม่) เห็นความสนอกสนใจของลูกที่จ้องมองเด็กคนอื่นๆฝึกเล่นเทนนิสในสนาม เลยลองใจถามไปเล่นๆ ว่าอยากเล่นเทนนิสเหรอ ลูกตอบเสียงดังแบบไม่ลังเลแม้แต่น้อย “อยากเรียนคับ” วันนั้นผมตัดสินใจจูงมือเขาตรงไปหาโค้ชผู้สอนทันที โดยไม่รู้เลยว่าค่าเรียนเท่าไหร่ (ทั้งๆที่พอได้ยินมาบ้างว่าเทนนิสเป็นกีฬาที่ใช้ทุนสูง)

    หลังจากโค้ชให้ยืมแร็กเก็ตลองตีได้ 3-4 วันโดยไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียวก็เรียกผมไปถามว่าตกลงจะให้ลูกมาเรียนหรือเปล่า เพราะดูแววแล้วพอได้ ส่วนค่าสอนครูเทนนิสบ้านนอกก็แค่ครั้งละ 20 บาทเท่านั้น ฟังจบผมโอเคเลย แถมยังแอบนึกในใจว่ามีด้วยเหรอค่าเรียน 20 บาท แต่พอรู้ว่าราคานี้เท่ากันเป๊ะ กับเมื่อครั้งที่โค้ชผู้ใจดี ท่านนี้เก็บค่าสอนครั้งแรกเมื่อ 30 ปีที่แล้วโน่น

    ที่ย่ิงทึ่งเข้าไปอีกเมื่อทราบว่าทุกวันนี้แม้ว่าโค้ชผู้มากประสบการณ์ท่านนี้จะอายุเกินเลข 7 ไปไกลโขเฉียดเลข 8 แล้วก็ตาม แต่ก็ยังแข็งแรงสอนเด็กรุ่นเหลนเล่นเทนนิสในราคามิตรภาพเหมือนเดิมไม่ขาดไม่เกิน ใครขยันหน่อย มาเรียนเกือบทุกวันก็จ่ายกันไม่เกินเดือนละ 600 บาท ราคานี้คงหาไม่ได้ที่ไหนในจักรวาลอีกแล้ว

    วันนั้นจำได้ว่าเป็นวันที่ 22 ม.ค.ปี 50 หลังวันคล้ายวันเกิดลูกชายแค่วันเดียว ผ่านมาถึงไตรมาสแรกของปี 60 ก็เกิน 10 ปีเข้าไปแล้ว ตอนนี้ลูกชายผมอายุได้ 17 ปีแล้ว ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะยังคงยืนหยัดอยู่ในวงการนี้ได้ในสภาวะต้นทุนต่ำรอบด้าน และทำได้ดีเกินคาดจนก้าวไปคว้าเหรียญและถ้วยรางวัลมากมาย ล่าสุดเพิ่งหยิบเหรียญกีฬาเยาวชนแห่งชาติ “ชุมพร-ระนองเกมส์” ครั้งที่ 33 ที่รูดม่านปิดฉากไปเมื่อเร็วๆนี้

    เดอะ วินเนอร์

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments