Wednesday, December 4, 2024
More
    Homeข่าวเด่นรอบวัน“รองต่อศักดิ์”แถลงผลปฏิบัติการ"พลิกถนนล่า รหัสโจรกรรม" จับ 2 ตัวการแก๊งสวมทะเบียนรถยนต์

    “รองต่อศักดิ์”แถลงผลปฏิบัติการ"พลิกถนนล่า รหัสโจรกรรม" จับ 2 ตัวการแก๊งสวมทะเบียนรถยนต์

    “รองต่อศักดิ์” ร่วม อธิบดีกรมขนส่ง แถลงผลปฎิบัติการ “พลิกถนนล่า รหัสโจรกรรม” รวบ2 ตัวการใหญ่แก๊งสวมทะเบียนรถยนต์ อาศัยความสนิทจำรหัส “ยูสเซอร์เนม-พาสเวิร์ด”เจ้าหน้าที่  เจาะข้อมูลขนส่งเข้าไปแก้ไขข้อมูลรถยนต์ ก่อนส่งขายต่อ เผยรอบปีทำมากว่า 65 คัน ยึดของกลางรถหรู-ซากรถ พร้อมแท่นปั้ม-แผ่นเพลท มูลค่า 77 ล.

    ด้านตำรวจไซเบอร์เร่งประสานศุลกากรขอข้อมูล จ่อเรียกดารา”ม” กลุ่มคนมีชื่อสอบที่มาของรถ หลังพบความเชื่อมโยง ขณะที่อธิบดีกรมขนส่งทางบก สั่งล้อมคอกอุดรอยรั่วหวั่นเกิดเหตุซ้ำ พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง 7 จนท. หากพบเอี่ยวฟันวินัย-อาญา

    เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 ส.ค.66 ที่ บช.สอท.เมืองทองธานี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สุขวิมล  รอง ผบ.ตร. ในฐานะผอ.ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายจิรุตม์  วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก นายเสกสม  อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.

    พล.ต.ต. ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์  รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร  รังมาตย์ รอง ผบช.สพฐ ปฎิบัติราชการบช.สอท. พล.ต.ต.ณัฐกร  ประภายนต์ ผบก.สอท.2  พ.ต.อ.สุวัฒชัย ศรีทองสุข ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2

    ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติการพลิกถนนล่า รหัสโจรกรรม จับกุมผู้ต้องหา 2 รายคือนายเสถียร อายุ 38 ปี และนายศริสร อายุ 44 ปี พร้อมของกลางรถยนต์หรูหลายรายการ อาทิ อาวดี้ คิว 8 ,เมอร์เซเดส เบนซ์ G300, ออสติน มินิ แวน, ซากรถยนต์ บีเอ็มดับบิว E3 ,BMW 3.0 CSL ,เครื่องปั้มเพลท ,แผ่นเพลท และเล่มทะเบียนรถจำนวนมาก

    พล.ต.อ.ต่อศักดิ์   กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา  กรมการขนส่งทางบกตรวจพบความผิดปกติในการเข้าใช้งานโปรแกรมปรับฐานข้อมูลของผู้ดูแลระบบงานด้านทะเบียนรถยนต์  

     ตรวจสอบย้อนกลับไปปรากฏว่า มีการลักลอบนำ username และ password ของเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกไปใช้แก้ไขปรับปรุงข้อมูลรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ในระบบงานตรวจสภาพรถ เช่น ยี่ห้อรถ หมายเลขตัวรถ เชื่อมโยงข้อมูลที่มีการปรับแก้แล้วมายังระบบงานทะเบียนรถยนต์ โดยมีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลรวมจำนวนทั้งสิ้น 65 คัน จึงได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษกับศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

    ก่อนที่จะสั่งการให้ทางบช.สอท.ดำเนินการตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง 2 ราย และเปิดปฎิบัติการตรวจค้น 35 จุด  ยึดรถที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด 65 คัน มูลค่า 77,350,000 บาท พร้อมทั้งออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำเพื่อให้ทราบถึงแหล่งที่มาของรถที่ได้ครอบครองที่เกี่ยวข้องในคดีนี้

    พ.ต.อ.สุวัฒชัย ศรีทองสุข ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2กล่าวว่า ขบวนการนี้มีการแบ่งงานกันทำ  ขั้นตอนการดำเนินการของคนร้ายจะเข้าไปแก้ไขข้อมูลรายการรถในระบบงานตรวจสภาพรถ และเชื่อมโยงข้อมูลมายังระบบงานทะเบียนรถยนต์ ก่อนจะมาขอคัดเล่มทะเบียนรถใหม่ เพื่อให้ข้อมูลในะระบบ MDM ของกรมการขนส่งทางบก ตรงกับข้อมูลรถที่ครอบครอง และข้อมูลในเล่มทะเบียนรถ

    จากนั้นจะนำเล่มทะเบียนไปขาย หรือจำนำให้กับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบ และสะสมรถเก่า หรือรถโบราณ  หรือหากมีลูกค้าต้องการจะแก้ไขข้อมูลรถที่ตัวเองครอบครองอยู่  มีนายศริสรเป็นตัวกลางในการติดต่อกับนายเสถียรให้แก้ไขข้อมูลตามที่ลูกค้าต้องการ เมื่อคนร้ายแก้ไขข้อมูลในระบบแล้ว จะติดต่อกรมการขนส่งทางบก ว่าเล่มทะเบียนหาย เพื่อขอออกเล่มทะเบียนใหม่  

    เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบไม่ทราบถึงการแก้ไขดังกล่าว  ได้ออกเล่มทะเบียนเล่มใหม่ให้รถคันดังกล่าว จะกลายเป็นรถที่ถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมมีเล่มคู่มือการจดทะเบียนแบบถูกต้องสามารถนำไปขายหรือโอนต่อได้ โดยเล่มทะเบียนรถยนต์จะขายหรือจำนำ ในราคาประมาณ 500,000 -1,500,000 บาท ,

    กรณีจ้างเปลี่ยนข้อมูลจะคิดค่าดำเนินการ  1,400,000 – 2,000,000 บาท และหากขายเล่มทะเบียนพร้อมรถยนต์จะขายในราคาประมาณ 1,000,000 – 3,000,000 บาท ซึ่งระบบของกรมการขนส่งทางบกมีการวางระบบป้องกันอยู่แล้ว

    แต่ผู้ต้องหาอาศัยความคุ้นชินกับเจ้าหน้าที่เข้าไปจดจำรหัสผ่าน โดยใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คส่วนตัว เข้าอินเตอร์เน็ตผ่านไวไฟของกรม ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถเข้าระบบผ่านระบบนี้ได้เช่นกัน ทำให้บุคคลภายนอกที่ลอคอินเข้าใช้อินเตอร์เน็ตเข้าไปในระบบได้

    กลุ่มที่ก่อเหตุจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือกลุ่มแรก จะแก้ไขข้อมูลรถยนต์ที่ไม่มีมูลมูลค่า เปลี่ยนเป็นรถยนต์ที่มีมูลค่าสูง ก่อนที่จะนำเล่มทะเบียนไปขายเล่มละประมาณ 1 ล้านบาท

    กลุ่มที่สอง คือ คนซื้อเล่มทะเบียนรถเพื่อไปหารถยนต์ที่มีสภาพตรงกับข้อมูลในเล่มทะเบียน จากนั้นก็จะไปเปลี่ยนเลขตัวถังรถยนต์ เพราะสามารถยึดที่ปั้มเพลทรถยนต์ได้  กลุ่มนี้จะขายรถยนต์ราคาประมาณ 1 ล้านบาท และเล่มทะเบียนรถยนต์อีก 1 ล้านบาท รวม 2 ล้านบาท

    ส่วนกลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่มีรถยนต์ และเล่มทะเบียน แต่จดทะเบียนไม่ได้จึงว่าจ้างให้อีกคนไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลรถยนต์กับกรมการขนส่งทางบก โดยประสานผ่านผู้ต้องหา มีราคาเปลี่ยนคันละ 1.4 – 2 ล้านบาท

    พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ปฎิบัติการครั้งนี้  ตรวจยึดรถได้ทั้งสิ้น 65 คัน เป็นรถยนต์ 57 คัน ในจำนวนนี้มีแต่เล่ม32 คัน มีแต่รถ 2 คัน มีรถพร้อมเล่ม 13 คัน และถูกสวมชื่อ9 คัน ขณะที่ตรวจยึดรถจักรยานยนต์8 คัน ในจำนวนนี้มีแต่เล่ม 2 คัน มีรถพร้อมเล่ม 1 คัน และถูกสวมชื่อ6 คัน

    เบื้องต้นแจ้งข้อหาในความผิดตาม ม.7 ,ม.9 และม.14(1) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในการแก้ไขข้อมูล นำข้อมูลปลอมเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเข้าถึงรหัสโดยมิชอบ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และหลังจากนี้จะขยายผลถึงกลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะผู้ครอบครองรถยนต์ที่ต้องสงสัยก็จะออกหมายเรียกให้นำรถยนต์เข้ามาตรวจสอบ รวมทั้งทำหนังสือถึงกรมศุลกากร ถึงการนำเข้ารถยนต์และการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรถยนต์

    ขณะที่นายจิรุตม์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นได้สั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยให้รายงานผลการสอบสวนโดยเร็วหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีในความผิดอาญาและวินัยควบคู่กันไปอีกครั้ง จะขอนำข้อมูลการสืบสวนสอบสวนของทางตำรวจไปประกอบการพิจารณาเช่นกัน

    ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกเกี่ยวข้อง และยังไม่พบว่ามีการขายพาสเวิร์ดให้คนอื่น แต่ครั้งนี้เป็นการตรวจพบของเจ้าของพาสเวิร์ดเอง ที่พบความผิดปกติจึงแจ้งให้ตรวจสอบผู้ที่รู้พาสเวิร์ดการเข้าระบบนี้มี 7 คน และมีการแก้ไขข้อมูลรถของเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียว

    อย่างไรก็ตามสำหรับการจดจำรหัสผ่านของผู้ต้องหา ก่อนหน้านี้ จะสามารถเข้าระบบอินเตอร์เน็ตด้วยระบบ LAN แต่เมื่ออำนวยความสะดวกใช้เจ้าหน้าที่ใช้แทปเล็ตในการเข้าระบบตรวจสอบรถยนต์ได้ก็สามารถล็อกอินเข้าระบบด้วยไวฟายได้ และตรวจสอบในพื้นที่เปิดทำให้บุคคลภายนอกอาจเห็นเวลาที่เจ้าหน้าที่เข้าระบบได้ แต่พาสเวิร์ดนี้จะต้องเปลี่ยนทุกๆ 3 เดือนอยู่แล้ว ขณะนี้ได้เน้นย้ำให้หน่วยดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวัง และเว้นระยะห่างระหว่างตัวเองและผู้ใช้บริการแล้ว

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments