Wednesday, March 19, 2025
More
    HomeUncategorizedเรื่องเล่าในรถร้อน EP.37

    เรื่องเล่าในรถร้อน EP.37

    ได้มีโอกาสสนองนโยบายของผู้บริหารประเทศ ในเรื่องการต่อสู้กับปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5เมื่อปลายเดือนมกราคม ด้วยวิธีการง่ายๆ อย่างไม่น่าเชื่อด้วยการโดยสารรถเมล์ฟรีบ้างกับเขาเหมือนกัน

    ข้าพเจ้ารู้สึกหวนย้อนคิดถึงอดีตสมัยยังนุ่งขาสั้นเรียนมัธยมเมื่อหลายสิบปีก่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยุคที่รัฐบาลเปิดให้องค์การขนส่งมวลชนกรงุเทพ จัดบริการรถเมล์ฟรีสำหรับนักเรียนนักศึกษา

    จำได้เป็นรถเมล์สีน้ำตาลเข้ม เดินทางไปกลับระหว่างโรงเรียนกับบ้านเป็นประจำ ไม่ต้องเสียค่าโดยสารรถประจำทางแม้สลึงเดียว ตลอดทั้งปีการศึกษาเป็นเวลาสองปีเต็มๆ

    จนเมื่อเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ก็ยกเลิกนโยบายขึ้นรถเมล์ฟรีสำหรับนักเรียนไป การบริหารบ้านเมืองของเราก็เป็นอย่างนี้มาตลอดไม่มีอะไรที่แน่นอนยั่งยืนเสมอไป แม้ว่าจะเป็นนโยบายที่มีส่วนดีมากกว่าเสียก็ตามเถิด

    มาถึงปัจจุบันนโยบายรถเมล์รถไฟฟ้าฟรีเป็นเพียงมาตรการลดฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ชั่วครั้งชั่วคราวเพียงแค่ 7 วันเท่านั้น

    ด้วยการจัดงบประมาณจ่ายชดเชยค่าโดยสารให้แก่ระบบขนส่งมวลชนทั้งรถเมล์และรถไฟฟ้า ที่ต้องใช้เงินกว่า 190 ล้านบาท แลกกับการลดการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวของประชาชนคนทำงาน เพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองที่สูงเกินมาตรฐาน อันส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในเมืองหลวงอย่างหนัก

    หากเทียบกับความเสียหายทางด้านสุขภาพแล้ว งบประมาณไม่ถึงสองร้อยล้านบาทต่อเจ็ดวัน ว่าไปตามความเห็นของชาวบ้านคนหนึ่ง ก็นับว่าคุ้มค่ามากกว่าการล้มป่วยของผู้คนที่อาจจะต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลไม่ทราบว่าจะสูงกว่ากี่เท่าของเงินชดเชยค่าโดยสารขนส่งมวลชนทั้งระบบเสียอีก

    ข้าพเจ้าก้าวขึ้นไปบนรถเมล์สีครีมแดงสายประจำ จากที่เคยเตรียมเงินเหรียญบาทติดมือเสมอ คราวนี้ไม่ต้องหยิบจับเหรียญติดมือเหมือนเคย

    รู้สึกแปลกๆอยู่บ้าง ยิ่งเมื่อเห็นพนักงานเก็บค่าโดยสารที่นั่งบนเก้าอี้โดยสารบอกให้เดินเข้าไปข้างในแล้วก็ยิ่งรู้สึกแปลกเข้าไปอีก

    แต่เมื่อมองหาที่นั่งก็ยังเห็นที่ว่างอีกมากพอสมควร ก็คิดเอาว่าผู้โดยสารขาประจำบางรายอาจเปลี่ยนไปใช้บริการรถเมล์ปรับอากาศบ้างในช่วงมาตรการนั่งรถเมล์ฟรี บ้างก็เป็นไปได้ ข้าพเจ้าเลยเพลินนั่งไปกับรถเมล์ฟรีอย่างโล่งโปร่ง ไม่แออัดเบียดเสียดอย่างที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนยวดยานบนถนนก็ยังไม่ได้เบาบางสักเท่าใดนัก

    ในความคิดระหว่างเดินทางข้าพเจ้าคล้อยตามนโยบายของผู้บริหารประเทศเวลานี้ค่อนข้างมาก

    ยิ่งคิดยิ่งเพ้ออยากให้ออกเป็นกฎหมายบังคับให้บริการขนส่งมวลชนทุกอย่างในประเทศเป็นสวัสดิการให้เปล่าแก่ประชากรทุกคนเท่าเทียมกันไปตลอดอย่างยั่งยืนนานเท่าที่เป็นไปได้

    ข้าพเจ้ามองในแง่ที่ว่าการเดินทางของประชาชนทุกคนควรจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพราะคิดดูหากผู้คนที่ประกอบสัมมาอาชีวะ ลดค่าใช้จ่ายลงได้มากเท่าใดก็จะยิ่งส่งเสริมให้เศรษฐกิจเฟื่องฟูมากกว่าสภาพการณ์ปัจจุบัน

    เมื่อผู้คนมีรายได้ส่วนบุคคลมากขึ้น การจับจ่ายใช้สอยเพื่อการอุปโภคบริโภคย่อมจะคล่องตัวมากขึ้น เป็นผลประโยชน์ที่ก่อเกิดกับทุกฝ่ายทั้งผู้ผลิตผู้จำหน่ายและภาษีอากรที่รัฐจะได้เพิ่มอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

    หากประเมินว่าการจัดงบประมาณชดเชยค่าขนส่งมวลชนจะเป็นภาระเกินที่รัฐจะรับมือได้ นโยบายนี้ก็คงพับไปกลายเป็นฝันค้างเสียในที่สุด

    อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้ายังคงดึงดันคิดต่อไปว่า นโยบายให้ประชาชนนั่งรถไฟรถเมล์หรือเรือโดยสารประจำทางได้โดยไม่ต้องควักเงินในกระเป๋าน่าจะก่อให้เกิดประโยชน์มากกว่าเสียอย่างแน่นอนเป็นมั่นเป็นเหมาะแน่แท้ที่สุด

    คิดเอาเองง่ายๆ ว่าหากการคมนาคมขนส่งเดินทางสะดวกโดยไม่มีค่าใช้จ่าย อย่างน้อยก็จะสามารถลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวลงได้มากอย่างแน่นอน ผู้คนจำนวนหนึ่งที่มีรายได้ไม่มากก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องดิ้นรนหาซื้อรถทั้งเงินสดเงินผ่อนให้เป็นภาระเกินตัว

    แน่นอนจะเป็นการช่วยลดมลภาวะทางอากาศได้อีกมากเกินประมาณการณ์ อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ที่ส่วนใหญ่เป็นทุนจากต่างชาติก็จะลดน้อยลง ไม่เสียดุลการค้ากับชาติที่เศรษฐกิจมั่นคงแข็งแรงอย่างประเทศทุนนิยมทั้งตะวันตกตะวันออกที่แห่เข้ามากอบโกยจากประเทศเรา แม้ว่าเราจะสูญเสียตำแหน่งผู้นำการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในภูมิภาคนี้ไปก็ตาม

    แต่สิ่งที่ได้น่าจะมากกว่าสิ่งที่สูญเสียไป นี่เป็นความคิดคำนึงของข้าพเจ้าที่ไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งอาจดูช่างเขลาเบาปัญญาเหลือเกิน ในความเห็นของผู้เก่งกาจในยุคใหม่ยุคที่อุดมไปด้วยนักคิดนักปฏิบัตินักเล่นแร่แปรธาตุสกุลเงินดิจิทัล

    รถเมล์ฟรีวิ่งแล่นไปตามเส้นทางอย่างรวดเร็ว เป็นบรรยากาศที่ไม่เคยได้สัมผัสมานานหลายทศวรรษแล้วทำให้เพลิดเพลินไปเรื่อยพลางคิดถึงเรื่องราวโจษขานในสังคมวันนี้

    กรณีการปัดฝุ่นรื้อหิ้งหยิบแฟ้มคดีโด่งดังนักแสดงสาวที่เบื้องแรกทางพนักงานสอบสวนสืบสวนมุ่งหลักฐานไปในแนวอุบัติเหตุพลัดตกเรือเร็วจมน้ำเสียชีวิตธรรมดาๆ เมื่อสามปีก่อน มาค้นหาหลักฐานที่เชื่อว่าคดีนี้น่าจะเป็นการก่อเหตุฆาตกรรมอำพรางเสียล่ะมากกว่า

    คณะผู้ค้นหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความจริงผนึกกำลังรวมรวมหาหลักฐานโยงใยจนสามารถนำไปยื่นให้พนักงานสอบสวนอีกหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรมคือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับไปพิจารณาดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินการเอาผิดกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในกระบวนการฆาตกรรมอำพรางและบิดเบือนเบี่ยงเบนหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมด

    ทีนี้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเป็นหัวข้อข่าวที่อยู่ในความสนใจของคนค่อนประเทศและไปจนถึงต่างประเทศอีกมากมายที่ติดตามเรื่องนี้อย่างใจจดใจจ่อ

    ส่อเป็นเรื่องราวที่ยิ่งกว่านิยายวรรณกรรมแนวสืบสวนสอบสวนลึกลับของนักประพันธ์ระดับอุโฆษของโลกอย่างนิยายของนักสืบเชอร์ล็อคโฮม ของเซอร์อาเธอร์ โคนัน ดอยล์ หรือราชินีนวนิยายแนวปริศนาฆาตกรรมอกาธา คริสตี้ อย่างเรื่องเมอร์เดอร์ ออน ดิ โอเรียนท์เอ็กซ์เพลส ที่ตัวเดินเรื่องคือ นักสืบคือ ฮาร์คูล ปัวโรต์ สืบค้นหาฆาตกรตัวจริงจากผู้คนบนโบกี้รถด่วนขบวนหนึ่ง

    ยิ่งคิดยิ่งเพ้อต่อไปอีกขั้น ขนาดว่าถ้าเรื่องราวที่เป็นข่าวครึกโครมถึงเพียงนี้ถูกนำไปเขียนเป็นนวนิยายแนวอาชญากรรมปริศนาฆาตกรรม จนถูกนำไปร้อยเรียงเป็นบทภาพยนตร์สร้างออกไปเผยแพร่ในเน็ทฟลิกซ์จะบรรเจิดจ้าไปทั่วโลกแค่ไหนหนอ

    แต่ข้าพเจ้าขอตั้งชื่อเลียนแนวนิยายอกาธา คริสตี้ ว่าน่าจะชื่อ เมอร์เดอร์ ออน เดอะ เจ้าพระยาริเวอร์ ( Murder On The ChaoprayaRiver)จะดีไหมเอ่ย

    จากการได้ใช้บริการรถเมล์ฟรีมันก็ดีหลายเรื่อง นอกจากจะทุ่นค่าใช้จ่ายประจำวันแล้ว ยังให้ความบันเทิงเพ้อฝันไปได้เรื่อยเปื่อย ดีต่อใจอย่างที่หาสัมผัสได้ยากในยุคเข็ญอย่างนี้

    9/2/2568

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments