Saturday, October 5, 2024
More
    Homeเรื่องสั้น-วรรณกรรมเสมือนว่าจะใหม่

    เสมือนว่าจะใหม่

    บนพื้นสะพานลอยคนข้ามยามเช้าตรู่

    ผู้คนหนุ่มสาววัยทำงาน เด็กนักเรียนและชาวบ้านทั่วไปเดินพลุกพล่านในท่วงทีรีบเร่ง เพื่อไปให้ถึงจุดหมายของตนให้เร็วที่สุด

    แทบไม่มีใครสนใจมองแลดูสภาพแวดล้อมรอบตัวให้เสียเวลาไปแม้สักวินาที ต่างก้มหน้าก้มตาสาวเท้าก้าวจ้ำไปข้างหน้า หลบหลีกให้ทางกันตามแต่จังหวะยวดยานพาหนะเบื้องล่างบนถนนยังไม่แน่นหนาสักเท่าใด ด้วยยังเช้าตรู่ รอเพียงอีกไม่กี่นาทีสภาพการณ์จะเข้าสู่สภาวะจราจรติดขัดในไม่ช้า

    ณ สถานที่หนทางสัญจรของผู้คน มีพ่อค้าปูผ้าปูเสื่อพลาสติกวางสินค้าราคาถูก อาทิ หวี พวงกุญแจ เครื่องใช้สอยจิปาถะกรรไกรตัดเล็บ อีกหลากหลายชนิด ข้างเคียงกันเป็นพ่อค้าขายของประเภทเสื้อผ้า กางเกงชั้นใน ถุงเท้า ผ้าเช็ดหน้า หน้ากากอนามัย และอีกหลายอย่าง

    ถัดไปมีพ่อค้านำสินค้าจำเป็นของชาวบ้านมาวางขายอีกสองสามเจ้า ล้วนมีราคาพอจับต้องได้สำหรับมนุษย์เงินเดือนหาเช้ากินค่ำเดือนชนเดือน

    พ่อค้าแม่ค้าบางรายนำอาหารสะดวกรับประทานเป็นข้าวกล่องพร้อมกับหนึ่งถึงสองอย่าง หรือเป็นขนมปังแซนด์วิชใส่ถาดตั้งวางบนเก้าอี้กลม หรือไม่ก็หมูปิ้งกับข้าวเหนียว บ้างใส่กระบะคล้องคอยืนรอลูกค้าผ่านไปมาที่เริ่มหนาตาขึ้นบ้างแล้วเมื่อเข็มนาฬิกาผ่านไปในช่วงเวลาเร่งด่วน

    สินค้าที่ดูท่าจะขายได้บนสะพานลอยคนข้ามในห้วงเวลาอย่างนั้น คงเป็นจำพวกของกินมากกว่าพวกของใช้

    พ่อค้าสองคนที่ปูผ้าพลาสติกวางสินค้า ไม่มีลูกค้าหยุดเลือกซื้อสินค้าของตนเลยแต่สภาพที่เป็นอยู่อย่างนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับเขาทั้งสองรอจนช่วงสายๆ โน่นที่พอจะมีลูกค้ามาก้มหยิบจับเลือกซื้อบ้าง พอทำให้มีรายได้ไปวันหนึ่ง ๆ เพื่อจุนเจือปากท้องของตนเองกับครอบครัวให้อยู่รอดในสภาพที่ต้องดิ้นรนอย่างหนัก

    ช่วงที่คนพลุกพล่านไม่ใช่เวลาทองของพ่อค้าทั้งสอง คนหนึ่งชื่อ สมบัติ ส่วนอีกคนชื่อ ประโยชน์

    ทั้งสองโคจรมาใช้สะพานลอยคนข้ามเป็นร้านค้า จนคุ้นหน้าคุ้นเคยและรู้จักกันพอสมควรในวิถีทำกินของกันและกัน จึงถือโอกาสช่วงที่ไร้ลูกค้ามาพูดคุยสอบถามความเป็นไปของกันบ้าง ให้พอคลายความอึดอัดที่ไม่มีผู้คนเหลียวแลทักถามซื้อสินค้าของพวกเขาเลยสักคน​เดียว

    “เออนี่คุณประโยชน์” พ่อค้าของจิปาถะนามว่าสมบัติเอ่ยทักทายก่อน

    “เช้านี้คุณทานข้าวหรือดื่มกาแฟหรือยังครับ”

    “ยังเลยครับคุณสมบัติ พอดีวันนี้ตื่นสายไปนิดหนึ่ง เลยเกรงจะมาขายของไม่ทันครับ” ประโยชน์ พ่อค้าสินค้าจำพวกผ้าตอบ

    “นี่ถ้าช้าอีกนาทีสองนาที รถติดยาว กว่าจะจรลีจากบ้านมาถึงที่นี่ไม่สายไปครึ่งชั่วโมงหรือชั่วโมงแล้วรึ ใช่มั้ยครับคุณสมบัติ”

    ทั้งสองสนทนากันด้วยอัธยาศัยไมตรีที่ดีต่อกันอย่างแตกต่างจากที่พบเห็นทั่วๆไป สำหรับคนค้าขายที่อยู่ติดกันใกล้กัน มักไม่ค่อยจะลงรอยหรือมีเรื่องกระทบกระทั่งกันบ้างจนต่างเมินไม่สนใจจะพูดคุยกันเลย

    “นี่คุณสมบัติ คุณว่ามั้ยคนเราปัจจุบันใช้ชีวิตยากขึ้นทุกทีๆผมสังเกตดูแล้ว ผู้คนเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยพูดคุยกันซึ่งหน้า มักจะคุยสื่อสารกันผ่านเครื่องมือสื่อสารอย่างโทรศัพท์มือถือ เทคโนโลยีสมัยนี้เปลี่ยนความสามารถในการพูดคุยกันแบบตลกสนุกๆไปเยอะทีเดียวนะครับ

    ต่างจากสิบห้าปียี่สิบปีก่อน ก่อนที่เรามีสมาร์ทโฟน เมื่อก่อนมีการติดต่อกันมากมาย มีหนังสือประเภทฮาวทูแนะนำวิธีการพูดสนทนาอย่างไรอะไรทำนองนั้น เดี๋ยวนี้เกือบจะกลายเป็นทักษะหรือศิลปะที่ขาดหายไปนะครับ”

    คุณประโยชน์เริ่มยกหัวข้อเรื่องมาคุยกับเพื่อนพ่อค้าอย่างคุณสมบัติ

    “ใช่อย่างนั้นเลยครับคุณประโยชน์” คุณสมบัติตอบ

    พอเรียกความสนใจเมื่อเริ่มนำเสนอหัวข้อสนทนา คุณประโยชน์ไม่รอช้า พูดต่ออีกว่า

    “นี่นะคนสมัยนี้เวลาจะพูดคุยกันระหว่างคนสองคนหรือเป็นกลุ่มแบบซูมอะไรแบบนั้น ก็คุยผ่านทางหน้าจอมือถือของเขากัน บนอินสตาแกรม ไลน์  ทวิตเตอร์ ติ๊กต่อกอะไรอย่างนั้น ทำให้การสื่อสารที่ต่างไปจากสมัยก่อนมากที่สื่อสารพูดคุยกันซึ่งหน้าแบบจับอารมณ์ความรู้สึกของคู่สนทนากันได้ทุกประโยคทุกถ้อยคำที่พูดมีการระมัดระวังการใช้คำพูดแต่ละคำ

    แต่สมัยนี้ ไม่รู้ว่าอะไรคือคำที่เหมาะสมจะใช้พูดคุยกัน บางทีก็มีคำสบถงี่เง่าโง่เขลา บ้าง ขยะบ้าง ผมคิดว่าเทคโนโลยีนี่มันเหมือนดาบสองคมจริงๆ นะคุณว่ามั้ย”

    “ใช่อย่างที่คุณประโยชน์ว่านั่นแหละ ผมก็คิดๆอยู่เหมือนกัน”

    คุณสมบัติยังสงวนท่าทีไม่แสดงความคิดเห็นมากไปกว่านี้

    คุณสมบัติเลยรุกไปอย่างว่าวติดลมบนว่า

    “แต่มันก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์มากมายนะสำหรับเทคโนโลยีที่ช่วยให้คนสมัยนี้สื่อสารกันได้รวดเร็วกว้างขวางต่างกับยุคก่อนราวกับคนละโลกเลยทีเดียวนะครับ”

    คุณสมบัติไม่ถึงกับมีแนวคิดต่อต้านเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ที่พัฒนาไปทุกวินาทีคุณประโยชน์เห็นคุณสมบัติหยุดชั่วขณะ จึงไม่ปล่อยให้เกิดช่องว่างของการพูดคุย เขาเอ่ยบ้างว่า

    “ใช่จริงๆ ครับ ผมเห็นพวกเด็กสมัยนี้เป็นแบบนั้นมากกว่าสมัยผมอีก เทคโนโลยีมันมีอิทธิพลต่อการสื่อสารของมนุษย์เรามากจริง ๆ มันมีทั้งทำลายการเชื่อมต่อของสังคมอย่างรวดเร็วในมุมที่ละเอียดอ่อนมากที่เราได้รับ แต่ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทั้งหมด เพราะว่าเราสามารถสื่อสารกับผู้คนได้มากขึ้นในรูปแบบต่าง ๆมากขึ้นผมว่ามันมีประโยชน์นะ “

    คุณประโยชน์ควบคุมการสนทนาบ้าง เริ่มเปลี่ยนประเด็นยกหัวข้อใหม่มาเสนอบ้างๅ

    “อย่างเรื่องเลือกตั้งวุฒสมาชิกอะไรนี่ก็เหมือนกันว่ามั้ยครับคุณสมบัติ เขาออกแบบกฎกติกากันละเอียดรัดกุมกันขนาดไหนหนอถึงได้ดูแปลกพิลึกที่มีเลือกส.ว.หรือสมาชิกวุฒิสภาอะไรนี่ ต้องวางกฎกันยุบยั่บไปหมด

    มีการให้คนมาสมัครกัน ทุกจังหวัดอำเภอตำบลหมู่บ้าน มีกลุ่มอาชีพต่าง ๆ เลือกกันตั้งแต่ระดับหมู่บ้านตำบลอำเภอไปยันจังหวัด

    เท่านั้นยังไม่หนำใจมีการเลือกไขว้ระหว่างกลุ่มอาชีพกันอีกเป็นรอบๆ กว่าจะคัดให้ได้สองร้อยคนไปนั่งในวุฒิสภา สุดท้ายเลยออกมาบางจังหวัดมีจำนวนส.ว.มากกว่าใครทั้งหมดแม้แต่กรุงเทพมหานครที่ประชากรมากสุดยังได้ที่นั่งส.ว.ไม่เท่าเลยนี่ผมล่ะงงไม่หายเลยล่ะครับ”

    “ใช่เหมือนกันครับคุณประโยชน์ ผมก็สับสนงงงวยไม่น้อยเหมือนกัน อย่างคนที่ได้รับเลือกก็ไม่รู้ว่ามีวุฒิมีประสบการณ์อะไรมากมาย นี่เขาจะมาทำหน้าที่ที่ว่าเป็นพี่เลี้ยงของส.ส.กันหรือนี่ คุณคิดยังไงบ้างล่ะ ส.ส.ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะทำหน้าที่ของตัวเองเลยหรือ ถึงต้องมีสภาพี่เลี้ยงที่ไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหน มีความสามารถเหนือกว่าส.ส.อย่างไร”

    คุณสมบัติโยนความคิดเห็นให้คุณประโยชน์ที่อาจจะไขคำตอบได้

    “ก้อน่านน่ะสิ ผมก็สงสัยเหมือนกันแล้วเราจะมีส.ส.ไปทำไม ถ้ายังไม่มีปัญญาแก้ไขปัญหาประเทศ ต้องมีพี่เลี้ยงที่เลือกสรรด้วยวิธีพิลึกพิสดารมหัศจรรย์พันลึกแบบนี้ อย่างนี้บ้านเมืองคงไม่พ้นวิกฤติอีกแน่นอน คุณว่ามั้ยล่ะ”

    คุณประโยชน์ได้แต่สบถประชดประชันไม่สามารถให้คำตอบที่ตรงใจได้

    สักพักหนึ่งเสียงพึ่บพั่บลุกลี้ลุกลนเก็บข้าวของสินค้าจิปาถะของพ่อค้าแม่ค้ากัน ลุกฮือกุลีกุจอรวบข้าวของลงใส่ถุงสัมภาระกันจ้าละหวั่นแตกตื่นกัน ทำให้พ่อค้าสองคนที่กำลังคุยกันออกรสได้ที่อยู่ต้องหันรีหันขวาง

    “ช่าย มันถึงสถานการณ์วิกฤติแล้วจริงๆ ครับ เทศกิจมาไล่พวกเราแล้วล่ะ รีบเก็บของไปกันลงจากสะพานลอยกันดีกว่านะคุณประโยชน์ ไว้คุยกันต่อวันหลังนะครับ”

    ว่าพลางทั้งสองรีบเก็บข้าวของสินค้าของตัวเองอย่างรวดเร็ว ขณะที่เจ้าหน้าที่เทศกิจสองสามคนวิ่งกรูขึ้นบันไดมาจัดการให้ทางเดินเท้าบนสะพานลอยคนข้ามให้ปลอดสิ่งกีดขวางตามภารกิจหน้าที่ของตน

    เป็นสภาพการณ์วิถีความเป็นไปของผู้คนอีกมุมหนึ่งของแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาล

    เดชา ภู่พิชิต

    29/6/2567

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments