Thursday, May 2, 2024
More
    Homeข่าวเด่นรอบวันตำรวจปอศ.สกัดภัยออนไลน์ข้ามชาติลวงเล่นหุ้นนอกเหยื่อครึ่งร้อยเสียหาย800ล.

    ตำรวจปอศ.สกัดภัยออนไลน์ข้ามชาติลวงเล่นหุ้นนอกเหยื่อครึ่งร้อยเสียหาย800ล.

     

    ผบช.ก.แถลงตำรวจ ปอศ.เปิดปฏิบัติการ CIB breaks up online scam syndicate สกัดภัยออนไลน์ข้ามชาติ เสียหายกว่า 800 ล้านบาท

    เมื่อวันที่ 12 มี.ค.67 ที่ ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ. พ.ต.ท.ภาสกร นภาโชติ รอง ผกก.3 บก.ปอศ.

    ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ “CIB breaks up online scam syndicate สกัดภัยอาชญา กรรมออนไลน์ข้ามชาติ” ตรวจค้นห้องพักในคอนโดมีเนียมหรู 5 แห่ง ในกรุงเทพฯ จับกุมนายหลี่ กวน อายุ 26 ปี ชาวมาเลเซียและ น.ส.ณัฐนิช หรือเม อายุ 30 ปี ทั้งคู่เป็นแฟนกัน ทำหน้าที่คนจัดหาบุคคลเพื่อจดจัดตั้งนิติบุคคลและเปิดบัญชีม้า และคนรับจัดหาบัญชีม้าอีก 4 ราย นอกจากนี้ยังจับกุมนายชอง กอก อายุ 42 ปี นายทุนชาวมาเลเซีย ขณะมารับบัญชีม้า ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

    ตรวจยึดของกลาง เป็น คอมพิวเตอร์ 33 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ 65 เครื่อง, สมุดบัญชีธนาคาร 84 เล่ม, บัตรกดเงินสด 13 ใบ, ชิมการ์ด 25 อัน,กระเป๋าแบรนด์เนม 15 ใบ, นาฬิกาแบรนด์เนม 7 เรือน และวัตถุคล้ายทอง 15 ชิ้นและหลักฐานอื่นๆอีกหลาย รายการที่ได้หรือใช้ในการกระทำความผิด มูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท

    พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กับบก.ปอศ.ว่าได้ถูกกลุ่มคนร้ายชักชวนผ่านเพจเฟซบุ๊กหลอกให้ลงทุนหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ โดยแอบอ้างบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการหุ้น เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนซักชวนเข้าร่วมกลุ่มไลน์ VIP แนะนำการลงทุนในหุ้นต่างประเทศซึ่งมีความแม่นยำและน่าเชื่อถือสูง มีข้อมูลลับที่ใช้ในการลงทุน โดยให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน Nicshare (เป็นแอปปลอม)

    ช่วงแรกสามารถทำกำไรได้จริงและถอนเงินได้บางส่วน เพื่อตั้งใจให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าลงทุนแล้วถอนเงินได้จริง เพื่อตะได้ตายใจโอนเงินลงทุนเพิ่มอีก แต่เมื่อลงทุนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับไม่สามารถถอนเงินออกมาได้  กลุ่มคนร้ายอ้างว่าถ้าต้องการจะถอนเงินจะต้องมีการวางเงินประกันการลงทุนเพิ่มและจะต้องเสียภาษี 20% ของกำไร จึงจะสามารถถอนเงินได้ เมื่อผู้เสียหายทำตามที่คนร้ายบอก แต่ยังไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ และยังอ้างว่าผู้เสียหายจะต้องเสียค่าธรรมเนียม ค่าประกัน และค่าภาษีเพิ่มซ้ำไปเรื่อยๆ

    ด้าน พ.ต.อ.ธีรภาส กล่าวว่า เมื่อตรวจสอบยังพบว่าแอปพลิเคชันดังกล่าว ไม่ได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เบื้องต้นมีผู้เสียหายกว่า 50 ราย รวมมูลค่าความเสียหายเป็นเงินกว่า 800 ล้านบาท

    หลังรับเรื่องร้องทุกข์ ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ.ได้ร่วมกันสืบสวน กระทั่งทราบข้อมูลและกระ บวนการหลอกลงทุนดังกล่าว ว่ามีผู้ร่วมขบวนการทั้งคนไทยและชาวต่างชาติจำนวนหลายรายและมีพื้นที่ที่ ใช้ในการกระทำความผิดหลายพื้นที่ ทั้งในและต่างประเทศ พบมีนายทุนเป็นชาวต่างชาติ สัญชาติมาเลเซีย เชื้อสายจีนจำนวนหลายรายด้วย

    “เจ้าหน้าที่ตรวจจึงเปิดปฏิบัติการ “CIB breaks up online scam syndicate สกัดภัยอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ”  นำหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นห้องพักในคอนโดมีเนียมหรู 5 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯและสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้พร้อมของกลาง เป็น คอมพิวเตอร์ 33 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ 65 เครื่อง, สมุดบัญชีธนาคาร 84 เล่ม, บัตรกดเงินสด 13 ใบ, ชิมการ์ด 25 อัน,กระเป๋าแบรนด์เนม 15 ใบ, นาฬิกาแบรนด์เนม 7 เรือน และวัตถุคล้ายทอง 15 ชิ้นและหลักฐานอื่นๆอีกหลาย รายการที่ได้หรือใช้ในการกระทำความผิด มูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท” พ.ต.อ.ธีรภาส กล่าว

    พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่ออีกว่า เบื้องต้นพบยอดเงินหมุนเวียนในกลุ่มคนร้ายกว่า 5,000 ล้านบาท พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมขอศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหากว่า 50 ราย ในข้อหา”ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และเปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากของตน โดยมีได้มีเจตนาใช้เพื่อตนเอง หรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้ หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด”

    สอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายรับสารภาพบางข้อกล่าวหา อ้างว่าได้ รับว่าจ้างจากนายทุนชาวต่างชาติ ให้หาบุคคลเพื่อจดจัดตั้งนิติบุคคลและเปิดบัญชีธนาคารในนามนิติบุคคลเพื่อให้สอดคล้องกับแอปพลิเคชันที่ใช้ในการหลอกลงทุน เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ และหลบเลี่ยงการตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงินของภาครัฐ

    เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วนายทุนชาวต่างชาติจะส่งคนมารับบัญชีที่ประเทศไทย โดยได้รับค่าจ้างในการดำเนินการดังกล่าวเริ่มต้นครั้งละ 100,000 บาท ทำมาแล้ว 2 ปีกว่า นำตัวผู้ต้อวหาพร้อมของกลางส่ง กก.3.บก.ปอศ.ดำเนินคดีพร้อมขยายผลหาผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องเพื่อนอนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments