Friday, November 22, 2024
More
    Homeอาชญา (ลง)กลอนบกพร่องโดยสุจริตซ้ำซาก รากเหง้าแห่งความขี้โกง

    บกพร่องโดยสุจริตซ้ำซาก รากเหง้าแห่งความขี้โกง

     

    คอลัมน์ อาชญา (ลง) กลอน
    โดย…ธนก บังผล

    นับตั้งแต่ประเทศไทยมีนักการเมืองขึ้นมา ไม่น่าเชื่อนะครับว่าเรายังคงตกอยู่ในรากเหง้าแห่งความขี้โกงมาโดยตลอด ซึ่งมีรัฐธรรมนูญเป็นตราบาปให้ต้องฉีกทิ้ง ทั้งๆที่คนฉ้อราษฎร์บังหลวงก็คือนักการเมือง

    อดีตที่ผ่านมานับย้อนกลับไปสักประมาณเกือบๆ 20 ปี ไม่นานมานี้ คดีซุกหุ้น เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2543 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ที่มีนายโอภาส อรุณินท์ เป็นประธาน ตัดสินด้วยคะแนน 8 ต่อ 1 ระบุว่า ‘ทักษิณ ชินวัตร ’ จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ และยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดตามมาตรา 295 ของรัฐธรรมนูญปี 2540 ต่อมาวันที่ 18 ม.ค. 2544 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้องของ ป.ป.ช. ไว้พิจารณา

    บทสรุปเป็นอย่างไรคงไม่ต้องเท้าความกันลงในรายละเอียดขนาดนั้น แต่เอาเป็นว่าทักษิณ ได้เผยวลีเด็ดมาจนทุกวันนี้ คือ “บกพร่องโดยสุจริต”

    แต่ทักษิณ ในเวลานั้น หาได้ละอายแก่ใจไม่ เมื่อกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยก็ยังคงซุกหุ้นอีกรอบ จนนำมาสู่การประท้วงที่เป็นประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่ง

    ต่อมานักการเมืองก็ยังคงแสดงทรัพย์สินเป็นเท็จอยู่บ่อยครั้ง แต่ด้วยเอกสารจำนวนมาก ที่กลายเป็น “จุดอ่อน” ของ ป.ป.ช. ทำให้น้อยครั้งจะเป็นประเด็นขึ้นมาให้สังคมตื่นตัว

    อดีต ส.ส.พรรคพลังประชาชน หลายคนชอบลองของด้วยการแสดงบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ เช่น ซื้อรถเบนซ์สุดหรูมาด้วยราคา 50,000 บาท ,ที่ดินนับ10 ไร่ ราคาไม่แสนกว่าบาท ,พระเครื่องพิมพ์นิยม ราคาหลักพันบาท ฯลฯ เป็นต้น

    ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อตบตาว่าเป็นคน “ไม่รวย” บางรายถึงกับหย่าภรรยา เพื่อจะนำเอาทรัพย์สินไปฝากไว้ ซึ่งสามารถทำได้เพราะเมื่อไม่ได้จดทะเบียนสมรส ป.ป.ช.ก็ไม่สามารถเรียกตรวจสอบทรัพย์สินผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องได้ รวมถึงถ้าเป็นผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะก็เช่นกัน ซึ่งมักจะพบว่าบรรดาลูกนักการเมืองที่ยังเด็กมีที่ดินมหาศาล

    นี่เป็นวิธีหลบเลี่ยงการตรวจสอบทรัพย์สินที่นักการเมืองใช้มาโดยตลอด และ ป.ป.ช.ไม่มีประสิทธิภาพในการไล่เค้นแต่ละคน เพราะเอกสารที่ยื่นมีมากมาย

    นอกจากนั้น บัญชีทรัพย์สินของนักการเมืองที่ ป.ป.ช. เปิดเผยต่อสาธารณะ ก็เป็นเพียงคร่าวๆ เท่านั้น หากจะลงรายละเอียดต้องไปยังสำนักงาน ป.ป.ช.ขอตรวจสอบเอกสาร ในกรณีที่สงสัยว่า ที่ดินนั้น อยู่ที่ไหน โฉนดอะไร มีกี่แปลง หรือแม้กระทั่งเครื่องเพชรของเหล่าภริยา ที่จะสามารถดูรูปถ่ายได้ว่าราคาแพงจริงหรือไม่

    ด้วยสาเหตุดังกล่าวนี้ ก็ทำให้นักการเมืองบางคนไม่แจ้งทรัพย์สินบางอย่างต่อ ป.ป.ช. เพื่อจะแกล้งจน

    ตัวอย่างล่าสุดคือกรณี นาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ทั้งๆที่เจ้าตัวเองก็ออกมาบอกว่าใส่มาตั้งนานแล้ว

    เรื่องมาแดงก็ตอนถ่ายรูปนั่นละครับ จนทำให้ล่าสุด ป.ป.ช. ส่งหนังสือขอความร่วมมือจาก พล.อ.ประวิตร ให้ชี้แจงกรณีครอบครองนาฬิกาหรูและแหวนเพชร ภายใน 30 วัน ซึ่งถือเป็นสิทธิพิเศษสุดๆ เนื่องจากปกติแล้ว ป.ป.ช.สามารถพิจารณาพฤติกรรมได้เลยทันที

    เพราะสำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมือง ก็ได้รายงานข้อมูลข้อเท็จจริงต่อที่ประชุม ป.ป.ช. ไปแล้วว่า ทรัพย์สินดังกล่าวไม่ได้ปรากฏอยู่ในรายงานการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ตอนเข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2557

    ประเด็นหลักๆ ที่ต้องคาดคั้นให้ตายคือ รายได้ต่อปีของ พล.อ.ประวิตร มีเท่าไร ถึงสามารถซื้อนาฬิกาหรูราคาแพงขนาดนั้นได้ มันสมน้ำสมเนื้อกับรายได้แล้วหรือไม่ เงินที่นำไปซื้อนั้นมาจากไหน

    อีกประเด็นที่สำคัญคือ การปกปิดบัญชีทรัพย์สิน หรือ แสดงบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ ต่อ ป.ป.ช. นั้น มีโทษสถานเดียวครับ ไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน

    ก็ต้องเป็นกำลังใจให้ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. อดีตนายตำรวจใหญ่แห่งรั้วปทุมวัน ให้ดำเนินการตรงไปตรงมา ซึ่งท่านเองก็ออกมาให้ข่าวแล้วว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่าจะส่งหนังสือให้ พล.อ.ประวิตรทำการชี้แจงกรณีนี้ และเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดความล่าช้า เนื่องจาก พล.อ.ประวิตรยืนยันมาตลอดว่าพร้อมจะชี้แจง ในการชี้แจง

    “ป.ป.ช.ต้องการทราบว่า พล.อ.ประวิตรได้ทรัพย์สินดังกล่าวมาอย่างไรและมีหลักฐานหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการได้มาโดยการซื้อหรือทางมรดก จากนั้นเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบและนำไปเปรียบเทียบกับรายการทรัพย์สินที่มีอยู่เดิมต่อไป
    ” นี่คือคำกล่าวของ พล.ต.อ.วัชรพล

    ประเทศไทยและระบอบประชาธิปไตยในปัจจุบันดูสิ้นหวังกับรัฐบาลทหารที่ปฏิวัติมาเป็นอย่างมาก เราไม่คิดว่าเมื่อสังคมต่อต้านคนโกง สุดท้ายมีคนเอาปืนออกมารัฐประหารแล้วยังมาปกปิดบัญชีทรัพย์สินอีก ช่างน่าเหนื่อยใจเหลือเกิน

    คงไม่บกพร่องโดยสุจริตอีกนะครับ

    (ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต และ มติชน)

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments