“ เพราะคำสบประมาท จึงเป็นแรงผลักดันในการเป็นตำรวจ “
“ผู้กองแชมป์” ร.ต.อ.พีรณัฐ กำเหนิดเพชร ตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน) สน.พระโขนง ปฏิบัติราชการ รอง สว.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น.
นายตำรวจติดตาม พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
แชมป์ เป็นนักเรียนนายร้อยรุ่น 68 พื้นเพเป็นคนเพชรบุรี ดีกรี “นายแบบ” โครงการ pick a pet 4 home ของ Supper และยังเป็นอดีตนักเรียนบังคับบัญชา (COMMANDER) อีกด้วย
สาเหตุที่อยากเป็นตำรวจ เพราะสานฝันต่อของคุณแม่ ซึ่งทางครอบครัวของคุณแม่ก็เป็นตำรวจ
เมื่อเราเป็นลูกผู้ชาย คุณแม่จึงใฝ่ฝันอยากให้เราได้เข้าโรงเรียนนายร้อย มีดาวติดตรงบ่าดูเด่นเป็นสง่า
ไม่เพียงแค่ความฝันของแม่ ที่ทำให้ตัวเองได้มีแรงผลักดัน เพราะในสมัยที่ยังเด็กทุกๆ วันศุกร์ แชมป์ มักจะเห็นรถของนักเรียนเตรียมทหารมาลงอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านเสมอ
เมื่อเห็นอย่างนั้นรู้สึกว่า มันเท่ ความฝันจึงเกิดขึ้น !!
เมื่อไปสอบปรากฎว่า สอบติดได้เลือกทั้ง 4 เหล่า ตอนแรกพ่ออยากให้เป็นทหารอากาศ แต่ส่วนตัวเองไม่อยากเป็น อยากเป็นตำรวจมากกว่า
เพราะตำรวจได้ทำงานใกล้ชิดกับประชาชน ได้ช่วยเหลือผู้อื่น นี่จึงเป็นที่มาในการเข้ารับราชการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ชีวิตในรั้วโรงเรียนนายร้อยไม่ได้สบายสวยหรูอย่างที่คิด ทั้งฝึก ทั้งเรียน อยู่หลายเดือน หลังจากฝึกอยู่นาน ก็จะเปิดให้ผู้ปกครองเข้ามาเยี่ยม
เห็นแม่เดินเข้ามา แต่แม่กลับเดินผ่านหน้าเราไปเลย เราร้องไห้เพราะแม่จำเราไม่ได้ วิ่งเข้าไปกอดแม่ ยืนร้องไห้กันสองแม่ลูก
แม่เห็นสภาพที่เราผอม โทรม แม่บอกเลยว่าอยากให้ “ลาออก”
“แต่เราเองไม่ยอม เพราะก่อนหน้านี้คนรอบข้างมักจะพูดอยู่เสมอว่า แชมป์ เรียนไม่ได้หรอก เพราะชีวิตไม่เคยลำบาก อยู่สบายมาตลอด ยังไงก็เรียนไม่จบ
ด้วยคำพูดเหล่านั้น มันกลับมาเป็นแรงผลักดันให้ผมเรียนจนจบ”
ครั้นเรียนจบได้ลงที่ สถานีตำรวจพระโขนง ตำแหน่งพนักงานสอบสวนประมาณ 3 ปี
หลังจากนั้น เป็นนายตำรวจติดตาม พล.ต.ต.อิทธิพลฯ สมัยดำรงตำแหน่งผู้บังคับการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน บช.น. จนถึงตอนนี้
เมื่อได้ลงมาปฎิบัติหน้าที่จริง ๆ บอกได้เลยว่าการเป็นตำรวจไม่ได้มีแต่ความเท่ แต่มันคืองานที่สัมผัสประชาชน ต้องทำด้วยใจ
อย่างน้อยเราเป็นกลไกหนึ่งที่เมื่อประชาชนเข้ามาในโรงพักแล้วออกไปด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ก็รู้สึกภูมิใจมาก ๆ แล้ว
“สำหรับสเปคสาว ๆ ที่สนใจนั้น ส่วนตัวชอบคนที่เป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้มีสเปคตายตัว ขอเพียงอย่างเดียวให้เข้าใจเรา เข้าใจในอาชีพของเรา
เพราะตำรวจไม่ได้มีเวลาว่าง หรือ เวลาที่แน่นอนในการทำงาน ขอแค่ให้เข้าใจเท่านั้นพอ”
ผู้กองแชมป์ยังบอกอีกว่า ด้วยบุคลิกของตัวเองคนอื่นที่ไม่รู้จัก จะมองว่าเราหยิ่ง แต่ถ้าได้รู้จัก จะรู้ว่าเราเป็นคนเฮฮามาก และชอบพูด ให้ลองมารู้จักกันดู”
“ ผู้กองแชมป์ ขอทิ้งท้ายว่า
“สำหรับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์นั้น ต้องยึดถือประโยชน์ส่วนตนเป็นรอง และให้ยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นที่หนึ่ง “
พนิตนาฏ พรหมบังเกิด บันทึก
2/11/62