เขียนแต่ปืนผาหน้าไม้เขี้ยวเล็บนักสืบมือปราบรุ่นใหญ่แล้ว วันนี้ขอนำเสนอรุ่นเล็กบ้าง
เหตุเพราะได้เห็นสารวัตรเบิร์ด กองปราบฯ-พ.ต.ต.ณัฐพล รัตนมงคลศักดิ์ สว.กก.1 บก.ป. ตำรวจรุ่นน้องรุ่นหลาน ปรากฏภาพในข่าวถือปืนเตรียมเข้าค้นห้องเป้าหมายยาเสพติดในภารกิจร่วมกับทีมงาน ปส.เมื่อช่วงก่อนปีใหม่ มีจังหวะเจอกันก็เลยไปถามไถ่ใช้ปืนอะไรในวันนั้น
สารวัตรเบิร์ด นรต.61 ตำรวจหนุ่มใต้ไฟแรงบอกว่า ภารกิจ ที่เห็นถือปืนในภาพข่าววันนั้น ใช้ปืน Smith and Wesson M&P 9 ขนาด 9 มม. แมกกาซีน 16+1
เหตุผลที่ใช้ตัวนี้ จริงๆแล้วสมัยก่อน เขาบอกว่าคนเล่นปืน ถ้าซื้อปืนColt. แล้วซื้อลูกโม่ คือคนเล่นปืนไม่เป็น ถ้าลูกโม่ต้อง Smith and Wesson กลับกัน คือใครซื้อปืนออโต้ เป็น S&W คือคนเล่นปืนไม่เป็น
แต่สมัยอยู่ศูนย์สืบภาค1 ผมมีอาจารย์คนหนึ่ง ใช้แต่ปืน S&W ออโตเมติก แล้วดีมาก แต่ข้อเสียมันคือเซฟแมกกาซีน
หมายความว่าถ้าแมกกาซีนหลุด จะลั่นไกไม่ได้ มันตัดระบบไก แต่ผมไม่เคยสนใจ เพราะยึดคติว่า ถ้าซื้อปืน S&W ออโตเมติก ถือว่าเล่นปืนไม่เป็น เขามองแบบกิ๊กก๊อกเลย
จนวันดีคืนดี ผมไปยิงปืนที่โรงเรียนนายร้อย มี น.ท.ทหารเรือคนหนึ่ง มายิงปืนเงียบๆ แกมาลองปืน Smith and Wesson M&P 9 บอกว่าเพิ่งซื้อมาเดิมๆ
ผมก็ขอลองยิงดู ยิงเดิมๆ โดยไม่แต่ง ปืนกระบอกนี้ยิงแม่นมาก 15 เมตร ยิงเข้าแบบร้อยรูได้เลย ถ้าเทียบกับGlock อาจจะยิงช้ากว่า แต่ความแม่นยำสูงกว่า และด้วยความที่ผมเป็นนักยิงปืนสมัยอยู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เลยชอบความแม่นยำ แบบเดิมๆ แบบที่ไม่ต้องปรุงเลย ก็คือกระบอกนี้
สารวัตรเบิร์ด กองปราบฯเล่าให้ฟังต่อว่า “ส่วนปืนกระบอกแรกหลังจบจากรั้วสามพราน ใช้ Para-Ordnance 11 มม.เป็นปืนแคนาดา ลูกดก เขาเรียกยักษ์แคระเหตุที่ใช้ 11 มม.เพราะมันมีอำนาจหยุดยั้งสูง
คือตอนแรกผมตั้งใจจะลงพลร่ม เลยหาปืนที่เหมาะ แรงปะทะต้องเยอะ แล้วกะว่าเงินที่จะซื้อ ปืนกระบอกแรก จะเป็นปืนที่ใช้ตลอด ไม่คิดจะขาย
เพราะสมัยนั้น ใบ ป.4 จะระบุเลยว่าห้ามขาย เว้นแต่จะโอนทางมรดก เลยใช้ตัว Para-Ordnance แล้วยังเป็นปืนสวัสดิการ ตอนนั้นน่าจะอยู่ประมาณ 120,000-140,000 บาท แต่ซื้อสวัสดิการประมาณ 60,000 บาท…”
ยุคนั้น ปืน 11 มม.ที่ดังๆ ส่วนใหญ่คนใช้ Colt.กัน กระสุน 7 นัด แต่สมัยเรียน เขาจะเอาตัวอย่างตำรวจที่ตายในการปะทะอะไรอย่างนี้มาสอน หลายครั้งเราเห็นว่ากระสุนมันน้อย พอน้อยแล้วมันเสียเปรียบ
ต่อมาก็มีวิวัฒนาการของปืน ก็คือ Para-Ordnance ที่ทำมาเพื่อฆ่าปืนColt. ทำให้ตายสนิทเลย เพราะเป็นปืนแมกกาซีน 2 แถว คือลูกดก ใช้ถนัดมือดี แต่ข้อเสียคือหนัก
จบมาจริงๆ ไม่ได้ลงพลร่ม ๆไปลงเป็นพนักงานสอบสวนโรงพักบางพลัด แต่ถูกเรียกไปช่วยงานสืบ เวลาไป ล่อซื้อยา ก็จะพกกระบอกนี้ตลอด
มาเริ่มทำงานสืบจริงๆ เต็มตัว คือย้าย ไปอยู่ชัยนาท แล้วผู้ใหญ่ดึงมาอยู่ศูนย์สืบ ภาค 1 ไปอยู่กับพี่นุ้ย พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน ตอนนั้น ผกก.จะเป็นพี่หน่อง –ชยานนท์ มีสติ พี่บัว-ทินกร เกษรบัว
เพิ่งมาเปลี่ยนปืนตอนอยู่กองปราบ มาอยู่กับพี่โอ๋ ทินกร รังมาตย์ ทำงานสืบกับ พี่จ๋อ-ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ก็เปลี่ยนปืน ปืนSTI ขนาด 11 มม. เป็นปืนในมิติเดียวกับ Para-Ordnance คือลูกดก 12+1
แล้ว ปืนSTI เป็นปืนที่นักแข่งนักยิงปืนเขาใช้กัน ผมว่าสมรรถภาพมันสามารถใช้แข่งก็ได้ ใช้ทำงานก็ได้ ความแม่นยำสูง เลยเอามาใช้สลับกัน
สำหรับหลักใช้ปืนส่วนตัวผม จะเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก จะไม่มีไดร์ฟไฟร์ หรือยิงสไลด์ปืนหรืออะไรต่ออะไร ในที่ไม่ใช่บริเวณที่ปลอดภัย หรือในบริเวณสนาม
คือกฎของความปลอดภัยมาอันดับ 1 แล้วถ้าในช่วงเวลาการทำงาน ก่อนทำงาน จะเช็กความพร้อมของทีมงานเสมอ อาวุธปืนอยู่ในสภาพที่พร้อมหรือไม่
แล้วจะกำชับลูกน้องทุกคน เพราะบางทีในชุด ตำรวจบางคนที่เขาไม่ได้ผ่านการฝึกมามีเยอะ เขาก็จะยกปืนมาเล็ง มาอะไรต่ออะไรกัน มันเป็นเรื่องที่มีคนพลาดมาเยอะ
ผมถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เป็นนักยิงปืนที่โรงเรียนนายร้อย ผมจะซีเรียสเรื่องนี้มาก
ปัจจุบัน ตำแหน่ง สว.กก.สส.บก.น.5
6/1/61