Thursday, April 18, 2024
More
    Homeท่องปทุมวันเจาะใจ”รณศิลป์ ภู่สาระ”ภารกิจดับไฟใต้

    เจาะใจ”รณศิลป์ ภู่สาระ”ภารกิจดับไฟใต้

     

    บิ๊กแหมว-พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ  ผบช.ภ.9 แม่ทัพตำรวจด้ามขวานชายแดนใต้

    เป็นนายตำรวจนักสืบนรต.36 เจ้าตัวเคยเล่าให้ฟังถึงเส้นทางรับราชการให้ฟัง

    “ จบจากรั้วสามพรานปี 26 เริ่มทำงานสืบสวนปี 28 อยู่กับนายหลายคน ท่านอมร ยุกตะนันท์ ธนู หอมหวล ทวี ทิพยรัตน์ แต่ละคนมีสไตล์ต่างกัน

    แต่ต้นแบบอาจารย์ในเรื่องสืบสวน น่าจะเป็นรุ่น 28 อย่างพี่โต้ง-ประมวลศักดิ์ ศรีสมบุญ พี่อ๊อด-ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา พี่คิด-สมคิด บุญถนอม

    พวกนี้อาจารย์จริงๆ ตอนท่ีโตมา เขาเป็นระดับสารวัตร เราเป็นรองสารวัตร เอาข้อดีของแต่ละคนมาใช้ในงานสืบสวน..…”

    ชีวิตสืบสวนเริ่มจากหัวหน้าสายสืบ สน.วัดพระยาไกร หัวหน้าสายสืบ สน.บางรัก เข้างานกองสืบที่ “โบสถ์น้อย”หรือ สืบธนฯ 1 ในกองสืบนครบาลที่วันนี้กลายเป็นตำนานไปแล้ว

    ขึ้นสารวัตรสืบธนฯจนกองแตก ข้ามเจ้าพระยามาเป็น สว.สืบ บก.น. 4  ข้ามกลับไปฝั่งธนฯ ขึ้นเป็น รอง ผกก.สส.บก.น.7

    เปลี่ยนไลน์มา บช.ก. เป็น รอง ผกก.1 ป. รองผกก.5 ป. ขึ้นผู้กำกับท สศก.หรือ ปอศ.อยู่ได้ 3 เดือน ต้องรักษาการในตำแหน่ง ผกก.5 บก.ป.กลางสมรภูมิเหตุวิกฤติกรือเซะ วันที่ 28เม.ย.47

    ซึ่งบิ๊กแหมว ลงพื้นที่มาก่อนหน้าเมื่อครั้งปล้นปืนค่ายปิเหล็ง ปี 47 และอยู่ยาวมาตั้งแต่นั้น

    ไม่ว่าจะในตำแหน่ง รองผบก.ป. ผบก.สส.สตม. ผบก.สส.บช.น. รองผบช.ภ.1 ผบช.ศชต. รรท.ผบช.ทท.ผบช.ภ.9 จนถึงปัจจุบัน

    แต่ถึงจะอยู่ในตำแหน่งไหน เขายังรับคำสั่งลงมาปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้อยู่ตลอด เรียกได้ว่าปิดตาเดินก็เห็นภาพ

    ลงมาขลุกอยู่กับลูกน้องในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนใต้ มากกว่านั่งสั่งการอยู่ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 สงขลา

    “ มานั่งทำงานตรงนี้ เพราะพื้นที่ตอนบนภาค 9 ไม่ค่อยห่วง เป็นคดีอาชญากรรมธรรมดาควบคุมได้ ให้ รอง ผบช.นั่งอยู่ตอนบน 4 คน

    รองผบช.นั่งอยู่ตอนล่าง 3 คน  มี ปราบพาล มีมงคล ก็ผู้การยะลาเก่า พี่โต้ง ก็ผู้การปัตตานีเก่า ดุษฎี ชูสังกิจ ก็ผู้การนราธิวาสเก่า คือรู้พื้นที่อยู่แล้ว….”

    พล.ต.ท.รณศิลป์บอกถึงเหตุที่มานั่งที่ศูนย์ปฎิบัติการตำรวจชายแดนใต้หรือศชต. เมื่อสื่อรุ่นน้องลงไปพูดคุยถึงที่ตั้งจ.ยะลา

    กราฟสถิติไฟใต้ปี47สูงถึงปี50
    ผมลงมาตั้งแต่ปี 2547 ตั้งแต่วันที่มีเหตุปล้นปืนวันแรก อยู่รอบแรก 7 ปี ตั้งแต่ ผกก.จนรองผู้การ เห็นแนวทางแม่ทัพตำรวจกับแม่ทัพของทหารแต่ละคน จะมีกราฟสถิติให้เห็นว่าตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปี 2550 กราฟมันจะขึ้น แต่ตั้งแต่ปี 2550 มาก็จะลดลง

    ช่วงแรกทำไปแก้ไขไปเป็นวันๆ
    ตอนมาใหม่ๆ ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทีแรกมองว่าเป็นเรื่องโจรปกติ ปล้นปืน เอาไปขายอาเจ๊ะห์ แต่พอดูจริงๆแล้ว มันมีขบวนการที่จะแบ่งแยกดินแดนโดยใช้กำลัง

    หลังจากที่เห็นตรงนี้ ได้มาปรับใช้ คือตอนที่อยู่ตั้งแต่ปี 2547 เหมือนทำไปแก้ไขไปเป็นวันๆ มีเหตุอะไรก็เข้าไปสืบสวน พยายามทำให้รู้ว่าเป็นใคร  

    ปล้นปืนปี47 ตามคืนได้เกือบครึ่ง
    ส่วนจุดเริ่มต้น ปี 2547 โดนปล้นปืน 400 กว่ากระบอก ยึดคืนได้มากพอสมควร  เกือบ 200 กระบอก ที่หายไปเลยก็เยอะ ที่ไม่โผล่เลยก็มี

    แต่ปืนที่ใช้ก่อเหตุในพื้นที่ตอนนี้ ที่ก่อเหตุซ้ำๆ  เป็นปืนที่อยู่ในมือกลุ่มพวกนี้ มีประมาณ 1,000 กระบอก เป็นคลังเลย แต่ว่ามันก็มีปืนที่เรายึดได้เรื่อยๆ แตเขาก็หาอยู่เรื่อยๆ

    ทำทุกที่ให้ปลอดภัยโดยเฉพาะถนน
    เส้นทางที่เคยมีการปล้นรถ เผารถ  ยืนยันได้ว่าเส้นทางปลอดภัย สัญจรได้ เหตุที่เขาก่อการมันเป็นการดัก แต่ช่วงนี้เราพยายามทำพื้นที่ทุกพื้นที่ให้ปลอดภัย โดยเฉพาะบนถนน คือมีเหตุต้องจับให้ได้ เพราะถ้ามีเหตุแล้วจับไม่ได้ มันจะก่อเหตุซ้ำๆ ในพื้นที่  

    ปีนี้เหตุเกิดน้อยสุดนับตั้งแต่ปี47
    สถานการณ์ในพื้นที่ปีนี้  ถ้าพูดถึงในมิติของความมั่นคง คดีลดลงกว่าปีที่แล้ว 60%  มีคดีเกิดขึ้น 50 กว่าคดี เป็นปีที่คดีเกิดขึ้นน้อยที่สุดตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา

    เหมือนว่าเราก็ยังรับรู้กันได้ ใน กทม.ก็จะฟังความจากปักษ์ใต้ คือจะมีเหตุระเบิด มีเหตุโน่นนี่ แต่ตอนนี้น้อยลงมาก

    คนเริ่มรู้ ใครคือผู้ก่อความไม่สงบ
    สาเหตุที่น้อยลง เนื่องจากตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองทำงานเป็นเนื้อเดียวกัน ใช้การปฏิบัติการเชิงรุกในพื้นที่ การพิสูจน์ทราบเครือข่ายโครงสร้างกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ

    การจำกัดเสรีของเขาในการก่อเหตุโดยการพิสูจน์ทราบ ออกหมายจับ ติดไวนิลประกาศสืบจับ ปกติจะอยู่ในหมู่บ้าน ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นผู้ก่อความไม่สงบ คือตอนนี้คนเริ่มรู้ ก็ตัดขาดความช่วยเหลือจากคนในหมู่บ้าน ที่ทำมาตลอด

    เป็นผบช. 5ปี ทำทีละเสต็ป
    ผมอยู่ที่นี่เป็นปีที่ 5 ตั้งแต่เป็น ผบช.ศชต.จนมาเป็น ผบช.ภ.9 การทำงานก็เป็นสเต็ปไปในแต่ละปีๆ คือถ้ามาอยู่แค่ปี 2 ปี  ไม่เห็นผล สิ่งที่ทำตอนนี้ ทำไปหลายอย่าง

    เมื่อก่อนนี้ คดีความมั่นคงพนักงานสอบสวนที่โรงพักเป็นคนทำ เป็นระดับ ร.ต.ต.-ร.ต.อ ผลสัมฤทธิ์จะไม่เข้าเป้าตามที่ต้องการ คือต้องการให้ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงถูกจับ ถูกดำเนินคดี

    เมื่อก่อนโรงพักจะทำตามศักยภาพของโรงพัก ไปถึงอัยการสั่งไม่ฟ้อง มันก็หลุดตั้งแต่ตอนต้นแล้ว  
               
    คดีมั่นคงใช้พงส.เฉพาะกลุ่ม
    สิ่งแรกที่เราทำตอน4-5 ปีก่อน เราขอพนักงานสอบสวนจากทั่วประเทศลงมาช่วยทำเฉพาะคดีความมั่นคง โรงพักทำพวกคดีอาชญากรรมทั่วไป คดีไหนเป็นคดีความมั่นคงให้เข้ากลุ่มพวกนี้

    ทำไปนานๆ ก็จะชำนาญ รู้จักตัวละคร รู้จักเขตงานรู้จักอะไรของเขา รู้จักวิธีการใช้กฎหมายพิเศษ มาปฏิบัติ

    ใช้กม.หยิบคนออกจากขบวนการ
    ปรากฏว่า อัยการฟ้องทุกคดีที่เราจับ ศาลเริ่มลงมากขึ้น มีประหารชีวิต มีจำคุกตลอดชีวิต  สิ่งที่เราทำคือหยิบคนออกจากขบวนการโดยใช้วิธีทางกฎหมาย ใครทำผิดต้องได้รับโทษ ไม่ว่าจะเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร ก่อการร้าย เป็นความผิดพื้นฐาน แต่เรื่องวางระเบิด พวกนี้ก็เป็นความผิดพิเศษ  

    แต่พื้นฐานทั่วไป ถ้าใครร่วมขบวนการ ไม่ว่าจะตัดต้นไม้ขวางถนน พาหนี ส่งปืน เก็บปืนให้ ต้องโดนอั้งยี่ ซ่องโจร มันส่งผลให้เขาเห็นว่า ถ้าร่วมในขบวนการ ต้องได้รับโทษ

    กันคนรุ่นใหม่เป็นแนวร่วม
    อีกส่วนหนึ่งคือ การกันคนรุ่นใหม่ไม่ให้เข้าสู่ขบวนการ ทำร่วมกับ ศอ.บต.และทหาร จะเห็นว่าเมื่อก่อนนี้ เด็กๆ ออกมาโปรยตะปูเรือใบบนถนน แต่ที่เราเห็นตอนนี้ เป็นอายุ 40 กว่า ทำให้เราเห็นว่า การที่เรากันคนไม่ให้เข้าสู่ขบวนการได้ผล เด็กรุ่นใหม่เริ่มไม่เข้าสู่ขบวนการ

    วัตถุประสงค์ยังคงเหมือนเดิม คือแบ่งแยกดินแดน แต่วิธีการที่เขาใช้ คือตอนนี้ที่มีการพูดกันมาก ก็คือเรื่องของการกำหนดใจตนเอง เหมือนการจะให้ลงประชามติ  

    สิ่งที่หวังไว้คือการเจรจา
    เมื่อก่อนนี้ ถามว่าทำไมไทยพุทธถูกฆ่ามาก เพราะต้องการให้ออกนอกพื้นที่ ถ้าหากมีการลงประชามติจริง ก็จะไปในแนวทางของเขาทั้งหมด แต่การที่จะถึงขั้นตอนนี้ได้ไม่ใช่ง่ายๆ และต่างชาติก็ไม่ได้ยอมรับเรื่องนี้ในเขตพื้นที่ของเรา

    สิ่งที่เราหวังไว้คือการเจรจา สันติวิธี ตอนนี้ก็เจรจาอยู่  ท่านวัลลภ รักเสนาะ เป็นหัวหน้าเจรจา กำลังดำเนินการทั้งบนโต๊ะ ใต้โต๊ะ สิ่งที่เราทำคือ สร้างบรรยากาศให้เหมาะสมกับการเจรจา ให้เป็นไปได้
    มาถูกทางติดโปสเตอร์หมายจับ
    ถามว่าในพื้นที่สีแดงตอนนี้ควบคุมได้มั้ย อย่างที่บอกคือเราไล่คนพวกนี้ออกจากชุมชนด้วยการพิสูจน์ทราบ  ทำโครงสร้างเครือข่าย ติดโปสเตอร์หมายจับ พอคนรู้พวกนี้จะอยู่ในพื้นที่ไม่ได้ ปีแรกๆที่เราทำหวังว่าเหตุจะลดลง ก็ลดลงจริงๆปี 60-61 ลดลง 40%

    แต่พอพวกนี้หลบออกจากหมู่บ้าน กลายเป็นขึ้นไปอยู่บนเขา ในสวนยาง ในประเทศเพื่อนบ้าน มีแนวร่วมดูแล พอเป่านกหวีดปี๊ด ยังกลับมาก่อเหตุระเบิดได้พร้อมกันหลายๆ จุด

    คดีมั่นคงลดจากปีที่แล้วเกิน60%
    ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เราเริ่มรุกเข้าไปในพื้นที่ป่าเขา โดยการบังคับใช้กฎหมายนำหน้า จับกุมได้เยอะพอสมควร วิสามัญก็มี  พวกนี้พอเวลาขึ้นศาลเห็นว่าคนที่อยู่ในขบวนการเห็นกฎหมายลงโทษ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนรุ่นใหม่ ไม่เข้าสู่ขบวนการ  ถือว่าเบาบางลง 

    ปีงบประมาณที่ผ่านมาก็คือสิ้น ต.ค.ทั้งปี  เกิดคดีความมั่นคง 50 กว่าคดี คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ลดจากปีที่แล้วเกิน 60%  ถือว่าเป็นความสำเร็จ
    ด่านสกัดโควิดส่วนหนึ่งที่มีผล
    แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่มีผลในเรื่องนี้ คือในเรื่องของโควิด  จริงๆ ในเรื่องโควิดทำให้เราพัฒนาการระวังป้องกันมากขึ้น การตรวจสอบหนาแน่นขึ้น เช่น แนวชายแดนต่างๆ ที่ข้ามทางช่องทางธรรมชาติ

    ตอนนี้ทหารซีลหมดเรื่องการเคลื่อนที่ของบุคคล ด่านโควิดเยอะมาก จะผ่านด่านต้องลงจากรถ เอาบัตรประชาชนแสดง  ส่วนหนึ่งโควิดมีผลคือจำกัดเสรีเขาได้  

    รับแนวร่วมยังพร้อมก่อเหตุ
    แต่ถามว่าเขาพร้อมจะก่อเหตุมั้ย เขายังรวมตัวกันอยู่ อยู่ที่เราจะทำลายจังหวะการก่อเหตุของเขาได้มั้ย อย่างช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา มีเหตุระเบิดพอสมควร แต่ยังไม่มาก ไม่รุนแรงเหมือนช่วงปีก่อนๆ

    ถ้าสมมติว่า สถานการณ์โควิดคลี่คลาย ต้องคุยกับทหารและฝ่ายปกครอง ถ้าเราเห็นตัวอย่างอย่างนี้แล้ว อาจต้องคงเรื่องด่านให้เข้มแข็งไว้

    ดูสถานการณ์หลังโควิดอีกที
    ตอนหลังนี่ ระดับผู้นำเขาโดนไปหลายคน โดนจับมั่ง โดนวิสามัญบ้าง เป็นตัวอย่างให้เขาเห็นว่า ถ้าอยู่ในขบวนการ สุดท้ายก็จบลงด้วยวิธีถูกจับกุม ติดคุก ถูกวิสามัญ  สรุปภาพรวมคิดว่าโควิด ก็มีส่วนช่วย ทำให้เรามีมาตรการสูงขึ้น

    แต่เราทำไว้เยอะด้วย เหตุการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ ต้องดูหลังโควิดอีกที ว่าการจำกัดเสรีในการเคลื่อนไหวเขาสำเร็จหรือไม่

    ไม่ชัดมีเงินยาเสพติดหนุน
    ส่วนเรื่องยาเสพติดที่มองว่าเชื่อมโยงเรื่องเงินไปสู่ขบวนการ ที่เห็นจริงๆยังไม่เห็น แต่จะมีว่า ถ้าช่วงไหนเริ่มจับยาเสพติดเยอะๆ ยึดลอตใหญ่ๆ จะมีการตอบโต้ตามมา คือเห็นเป็นแนว แต่ที่เป็นหลักฐานว่าส่งเงินให้ใคร ส่งไปเท่าไหร่ยังไม่เห็น คิดว่าคงมีส่วน

    เมื่อก่อนมองเห็นเงินที่เข้าสู่ขบวนการ คือได้จากการรับบริจาคจากคนที่อยู่ในขบวนการด้วยกัน เก็บวันละบาท เดือนละ 30  ปีละ 365  บาท

    หลังๆปล้นร้านทองระเบิดตู้เอทีเอ็ม
    แต่หลังๆ เริ่มเห็นในเรื่องของการหาเงินจำนวนมาก เช่น ปล้นทองที่นาทวี คนที่มีหมายจับทั้งนั้นที่ไปก่อเหตุ ระเบิดตู้เอทีเอ็ม เมื่อปีก่อน  เอาเงินจากตู้เอทีเอ็มไป แสดงว่ายาเสพติดยังเชื่อมไม่ได้ แต่เขาเริ่มจะหาเงินทางนี้

    ตอนนี้ในอุดมการณ์เขาคือแบ่งแยกดินแดน การสนับสนุนด้านการเงิน  แต่ว่ามาก่อเหตุอาชญากรรมเพื่อจะเอาเงินเข้าสู่ขบวนการ มันดูแล้วอุดมการณ์ เขาเปลี่ยนไปรึเปล่า  
               
    โพลชาวบ้านชี้ กม.พิเศษยังจำเป็น
    ผลตอบรับตอนนี้ชาวบ้านก็มีความรู้สึกว่า เหตุการณ์ความไม่สงบลดลง มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้น  ความคิดเห็นจากการสำรวจของมหาวิทยาลัย ว่ากฎหมายพิเศษ ยังจำเป็นอยู่มั้ย

    ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ชาวบ้านส่วนใหญ่เห็นว่า ยังจำเป็นอยู่  ทั้งที่เราก็ถูกพวกองค์กรสิทธิฯ ทั้งหลาย ถามว่าเมื่อไหร่จะเลิก

    ห่วงพื้นที่รอบเขาบูโดแหล่งกบดาน
    ใน 3 จังหวัด จะเป็นห่วงพื้นที่รอบเขาบูโด ก็มีระแงะ สุคีริน รือเสาะ บาเจาะ โผล่มาถึงสายบุรี ก็มี เจาะไอร้อง ศรีสาคร จะแนะ เพราะเป็นแหล่งหนึ่งที่เขาเข้าไปส้องสุมกำลังอยู่

    แล้วเขาจะลงทางไหนก็จะไปก่อเหตุทางนั้น เช่น  ถ้าลงเขาไปที่ระแงะ ก็ไปก่อเหตุที่ระแงะ ไปลงที่สุคีริน ก็ไปก่อเหตุที่สุคีริน มันเป็นพื้นที่ที่ต้องคุยกับทหาร แล้วเข้าไปพยายามสกัดกั้นร่วมกับทหาร

    แต่ว่าหลักจริงๆ ทหารเขาจะมีชุดจรยุทธ์ขึ้นไปพิสูจน์ทราบบนเขา เคยขึ้นไป 5 เมตร ก็ไม่เห็นกันแล้ว

    มองเด็กเป็นลูกหลานเรื่องคิดเห็นต่าง
    ส่วนเรื่องปัญหาความเห็นต่างแนวความคิด ผมมองว่าเป็นน้องๆ เด็กๆ รุ่นลูก รุ่นหลาน คือถ้าในภาค 9 มีอะไร จะแจ้งเตือนเขาไปก่อน เรื่องนี้นะ อย่าพูด เรื่องนี้คำพูดทุกคำจะมีการบันทึกเทป อัดเสียง ถ่ายวีดีโอ อาจจะถูกดำเนินคดีในภายหลัง  

    วันนี้อาจจะไม่ได้ดำเนินคดี แต่คราวต่อไป หลักฐานมีอาจจะถูกดำเนินคดีได้ น้องๆ ก็เข้าใจ  
               
    มองเห็นคนสนับสนุนเบื้องหลัง
    ไม่พบการเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวใน กทม.เรามองเห็นบางสิ่งบางอย่าง ที่สนับสนุนกลุ่มพวกนี้อยู่ แต่หลักฐานจริงๆ ยังมีไม่มาก แต่ว่าก็มองเห็นภาพ บอกไม่ได้เป็นพรรคการเมืองหรือกลุ่มไหน แต่คิดว่าสถานการณ์น่าจะเอาอยู่ในส่วนของตำรวจ  
               
    เข้มคู่ขัดแย้งเลือกตั้งท้องถิ่น             
    ส่วนสถานการณ์การเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้น  สั่งหัวหน้าโรงพักทุกโรงพักให้ดูคู่ขัดแย้ง คู่กรณี ที่จะแข่งขันกันในเชิงของการเมือง ถ้าใครมีความขัดแย้งกันในระดับไหนก็ตาม ให้ไปเชิญทหาร เชิญฝ่ายปกครอง เชิญตัวคู่กรณี มาคุยกันก่อน มาตกลงกันก่อนว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ใช้อาวุธ ในการหาเสียง หรือทำร้ายฝ่ายตรงข้าม

    ก็ได้ผลดี ก็ค่อนข้างจะไม่ค่อยห่วงในเรื่องของการเลือกตั้ง เพราะว่าเราทำการบ้านมาก่อนแล้ว  

    คดีมั่นคงลดคดีฆ่ายาเสพติดเพิ่ม
    แต่พอคดีความมั่นคงลดลง  คดีทั่วไปกลับเพิ่มขึ้น ก็มีบ้างเรื่องฆ่ากัน ยาเสพติด คือในพื้นที่นี้ เป็นเส้นทางลำเลียง พื้นที่พักยา เป็นพื้นที่แพร่ระบาดส่งออกไปประเทศมาเลเซีย แล้วก็จะส่งออกไปต่างประเทศอีกที

    คือยาเสพติด ทุกสาย ลงมาทางนี้หมด ออกแนวชายแดน โกลก ตากใบ บุโนะ ที่ไปเข้ามาเลย์ แล้วก็ไปขึ้นเรือ ออกไปประเทศที่สาม  

    เฉพาะปีนี้ จับยาบ้าได้ประมาณ 18 ล้านเม็ด ไอซ์ ประมาณ 2 ตัน กัญชาก็ประมาณตันครึ่ง ในพื้นที่

    ยันทางออกคือการเจรจา
    พยายามจะดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้ดีที่สุด ให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างมีเสรีภาพ ไปไหนก็ได้ ไม่ต้องกลัวโน่น กลัวนี่

    ถามว่าพอใจมั้ย ก็ยังไม่พอใจ ก็ต้องทำให้เต็มที่ต่อไป ถามว่าเราจะชนะเขาเด็ดขาดมั้ย ก็ไม่ชนะเขาเด็ดขาด เขาจะชนะเราเด็ดขาดมั้ย แบ่งแยกดินแดนได้มั้ย ไม่ได้เด็ดขาด ไม่มีทาง

    คือมันต้องมีทางออกด้วยการเจรจา  ตอนนี้เราทำบรรยากาศให้เข้าสู่โหมดการเจรจาให้ได้ ให้ดีที่สุด ทำบรรยากาศให้มันดี ให้เจรจาแล้วตกลงกันได้ แต่ที่สำคัญก็คือต้องถูกตัว ถูกคน ถูกฝ่าย ยอมรับกันได้

    ใช้กม.ดึงคนรุ่นใหม่ไม่ให้เข้าร่วม
    ส่วนความเห็นส่วนตัว ทำมาตั้งแต่ปี 2547 จนปีหน้าจะเกษียณแล้ว  คือเหตุการณ์ มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ  คือไม่ใช่ขึ้นแล้วลง คือมันลงมาตลอด มันน่าจะไปได้ อยู่ที่ว่าตอนนี้ มองไปที่การเจรจา การพูดคุย เป็นทางบวก

    แต่ถามว่าเหตุการณ์จะเงียบหายไปเลยมั้ย ก็คงไม่ เขาก็จะดำรงการมีตัวตนของเขาอยู่ของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน  

    ต้องไม่ประมาท ต้องจำกัดเสรีเขาให้ได้ ทำลายจังหวะการก่อเหตุของเขาให้ได้ ดึงคนออกจากขบวนการให้มากที่สุด โดยใช้กระบวนการทางกฎหมาย

    พล.ต.ท.รณศิลป์ปิดท้ายด้วยความมุ่งมั่น

    นี่คือความในใจและความตั้งใจของสันติสุข-1 พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ แม่ทัพสีกากีด้ามขวานที่พยายามทำให้ไฟใต้ไฟแห่งความขัดแย้งมอดลงด้วยกฎหมายและการเจรจาครับ

    กากีกลาย6/12/63
     

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments