อาชญา (ลง) กลอน
โดย…ธนก บังผล
ถนนทุกสายมุ่งสู่ถ้ำหลวง ทั้งธารน้ำใจและความห่วงใย
จนถึง ณ ขณะนี้ที่ผมกำลังเขียนต้นฉบับอยู่ เข้าสู่ คืนที่ 7 วันที่ 8 ไปแล้วที่ 13 ชีวิต “หมูป่าอะคาเดมี่” ติดอยู่ในวนอุทยานขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย
ตลอดหลายวันที่ผ่านมาที่คนทั้งประเทศต่างเฝ้ารอ “ข่าวดี” ก็มีปรากฏการณ์หลายอย่าง ที่สะท้อนความเป็นไปของคนในสังคมไทยได้เป็นอย่างดี
ซึ่งเป็นความย้อนแย้งโดยสิ้นเชิงกับคำว่า “น้ำใจ” ที่กำลังหลั่งไหลของคนไทย
เนื่องจากมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่พร้อมจะเปิดศึกบนคีย์บอร์ดกระหน่ำความรุนแรงสร้างความขัดแย้งตลอดเวลา
เช่นเดียวกับบรรดาพวกทำเว็บข่าวปลอมที่แต่งเรื่องสร้างความเท็จขึ้นมาซ้ำเติมสถานการณ์ไม่ได้สนใจความรู้สึกของคนในครอบครัวผู้ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง เพียงเพื่อต้องการยอดไลค์ ยอดแชร์ เท่านั้น
ในขณะที่นักข่าวก็ตกเป็นเป้าของการทำสงครามคีย์บอร์ด เนื่องจากในช่วงแรกบรรดานักข่าวหลายคนที่อยู่หน้างานเองก็ได้ตกเป็นเครื่องมือของ “ข่าวลวง” เพราะกลัวตกข่าว หลังจากคำว่า “รอฟังข่าวดี” ถูกแพร่สะพัดออกมา
ความจริงอย่างหนึ่งที่ถูกสะท้อนออกมาอย่างตรงไปตรงมาคือ ณ ปัจจุบันนี้ ความน่าเชื่อถือของสื่อมวลชนลดน้อยลงมากไปตามยุคสมัยที่เทคโนโลยีมีโซเชียลมีเดียขึ้นมาเป็นทางเลือกให้กับผู้รับสาร
แต่ไหนแต่ไร ผู้รับสาร หรือประชาชนคนไทยส่วนหนึ่งก็ไม่นิยมในการอ่านหนังสือพิมพ์อยู่แล้ว ไม่ได้สนใจข่าวสารบ้านเมืองเป็นประจำ เสพเฉพาะเรื่องที่ “อินเทรนด์” และหมกมุ่นอยู่กับละครน้ำเน่า ความรักของดารา บนโทรทัศน์ซึ่งเป็นความบันเทิงที่เสพได้ง่ายๆไม่ต้องใช้กระบวนการทางความคิดมาย่อยให้เป็นสาระความรู้
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ารสนิยมเช่นนี้เป็นความผิด เนื่องจากเป็นความชอบส่วนบุคคล อีกทั้งที่ผ่านมา 10 กว่าปีสังคมไทยตกอยู่ในความขัดแย้งทางการเมือง จนคนส่วนใหญ่เอือมระอา การหันมาเสพความบันเทิงเพื่อไม่ให้เครียดนั้นก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดเท่าที่จะมี
บทเรียนที่เคยถูกก่นด่ากรณี “ปอ ทฤษฎี” อดีตดาราที่เสียชีวิต สื่อผิดพลาดอย่างไร ก็ไม่เคยหันกลับมาดูตัวเองว่าต้องปรับปรุงอะไร
เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นมาจึงผลิตความผิดพลาดซ้ำๆ จนกลายเป็นความเอือมระอา ประชาชนไม่ศรัทธาการทำงานของสื่อ
ในระหว่างที่ปฏิบัติการค้นหา 13 ชีวิต ติดถ้ำหลวงเริ่มต้นขึ้นนั้น ความเชื่อมั่นที่หดหายไปก็กลับถูกทำลายอีกครั้งด้วยน้ำมือของสื่อเอง
จนถึงปัจจุบัน ได้กลับกลายเป็นว่า “นักข่าวที่อยู่หน้างาน” ได้จับจองการโพสต์ลงบนโซเชียลมีเดีย ประหนึ่งเจ้าของข่าวถ้ำหลวงไปแล้ว ด้วยคำว่า “เราอยู่หน้างาน”
แต่ก็เพราะนักข่าวเองไม่ใช่หรือที่ถูกทาง ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ตำหนิผ่านสื่อว่าเข้ามาก้าวก่าย อีกทั้งเกะกะการทำงานของเจ้าหน้าที่
วันนี้แม้จะเคลมว่าตัวเองเป็น “คนอยู่หน้างาน” แต่ก็กลับไม่ได้เรียกความเชื่อมั่นในการทำงานให้คืนมาได้เลยแม้แต่น้อย เพราะภาพที่ออกมาก็ยังคงรอการแถลงข่าวจากผู้ว่าราชการจังหวัด
ผู้เสพข่าวบางคนถึงกับเผลออุทานมาว่า นักข่าวคงกลัวผู้ว่าฯด่ามากกว่า เพราะตัวเองเคยทำพลาดมาแล้ว กลัวผู้ว่าฯจะประจาน กลัวผู้ว่าฯไม่แถลงข่าว
เพราะถ้าไม่มีผู้ว่าฯสักคนแล้ว ทุกวันนี้สื่อเองก็ได้พาตัวเองไปอยู่ในฐานะที่ไม่สามารถรายงานความเคลื่อนไหวอะไรได้เลย
