พี่ต้อย-พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิศักดิ์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร.
เป็นนายตำรวจนักสืบอีกคนที่ผมได้สัมผัสติดตามทำข่าวมายาวนาน ตั้งแต่พี่เขาเป็นรองผกก.1ป. เรื่อยมาจนเกษียณเมื่อ ต.ค.59
ด้วยความเป็นนายตำรวจที่ไม่ถือเนื้อถือตัว ง่ายๆ จึงไม่แปลกที่จะเป็นที่รักของลูกน้อง รวมทั้งนักข่าวสายกองปราบฯ
วันสุดท้ายของชีวิตตำรวจ พี่ต้อย มาถอดเครื่องแบบในเวลา00.01น.ที่ห้องนักข่าวกองปราบ พร้อมกับเปิดตัวลูกชาย ทายาทสีกากีรุ่นต่อไป อย่างนี้ใครจะไม่รัก
ไม่เท่านี้ พี่ต้อย ยังสร้างพระหลวงปู่ทวด เมื่อครั้งเป็น ผบช.ภ.9 รุ่น ชนะมาร ที่วัดพะโคะ อ.สทิงพระ จ.สงขลา แจกจ่ายตำรวจชายแดนใต้อีกด้วย
วันนี้มาย้อนอ่านบทสัมภาษณ์พระในคอพี่ต้อย เมื่อครั้งเป็น รองผบช.ก.ว่าสวมใส่บูชาพระอะไรกันบ้างครับ
พระเครื่องนักสืบ เครื่องรางนักรบ /ออกญาบุรีรัมย์
โจรกลัวยังไม่พอ ผีต้องกลัวเราด้วย
ป๋าต้อย-พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ พิสุทธิศักดิ์ รอง ผบช.ก. นักสืบอารมณ์ดี ผู้ก่อตั้งเวบไซต์ นรต.32
คร่ำหวอดในวงการสืบสวนมานาน ผลงานสร้างชื่อมีมากมาย โดยเฉพาะช่วงอยู่กองปราบปราม ตำแหน่ง ผกก.5 ป. และ รองผบก.ป.
ล่าสุดเป็นนายพลตำแหน่ง รองผบช.ก. อยู่ในชุดจับกุมนายสิมู จะหย่อ มือปืนมูเซอดำทีเหนี่ยวไกสังหาร พ.ต.อ.เกริกฤทธิ์ นิยมเสริม ผกก.สภ.ไทรงาม เสียชีวิตเมื่อ 19 เม.ย.54
ถามถึงพระเครื่องคู่ใจ ป๋าต้อย หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ก่อนหยิบพระพวงใหญ่ที่คล้องคอออกมาให้ชม
เจ้าตัวบอก ชุดใหญ่ที่ใส่ประจำมี 5 องค์ พระประธานคือ หลวงปู่ทวดปี 97 พิมพ์กรรมการ แม่ให้มาใส่คล้องคอตั้งแต่เด็กอายุประมาณ 8-9 ขวบ
ตอนเด็กๆเลี้ยงหมาอยู่ตัวหนึ่งชื่อ บ๊อบบี้ เป็นหมาพันธ์คอกเกอร์ มันถูกรถทับกระดูกแตกทั้ง 2 ขา เรียกสัตว์แพทย์มารักษา หมอบอกว่า มี 2 ทางคือตัดขากับฉีดยาให้ตาย
ไอ้เราก็รักมาก บอกไม่เอาทั้ง 2 อย่าง แม่เลยทำน้ำมนต์เอาพระหลวงปู่ทวดที่ผมแขวนมาทำพิธีวนๆเหนือน้ำแล้วเอาน้ำมนต์มาผสมข้าวให้มันกิน
มหัศจรรย์มาก….ขนาดหมอยังงง เพราะเจ้าบ๊อบบี้ หายวันหายคืน มีเนื้อขึ้นหุ้มกระดูก กลับมาเดินกระเผลกๆได้อีกครั้ง
เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวดตอนนั้นก็เลยศรัทธา ห้อยเดี่ยวมาตลอด ประสบการณ์เพียบ ไปไหนมาไหนไม่มีขาดคอ
เวลา ไปทำงาน ไปจับคนร้าย มีพระห้อยแล้ว ไม่กลัวใคร ผีสางนางไม้ก็ไม่กลัว โจรกลัวไม่พอ ผีต้องกลัวเราด้วย
ต่อมามีพระมากขึ้น เลยเลือกเอามาแขวนเป็นพระประจำตัว 5 องค์ นอกจากหลวงปู่ทวดแล้วก็มี หลวงปู่ภู ศิษย์เอกสมเด็จโต เขาบอกว่าถ้าไม่มีพระสมเด็จใส่ ก็ใช้หลวงปู่ภูแทน องค์ต่อมาเป็นพระลีลาเปิดโลก เนื้อดิน ทำอะไรก็โล่งตลอด ทางสะดวกเปิดตลอด
อีก 2 องค์ เป็นพระยอดธง เนื้อทองคำ พ่อตาให้มา เป็นพระกรุใน จ.ปทุมธานี ส่วนองค์สุดท้ายเป็นเหรียญจักรพรรดิ ปี 15 ด้านหน้าเป็นพระพุทธชินราช ด้านหลังเป็นพระนเรศวรมหาราช หลั่งน้ำสิโนทกประกาศอิสรภาพ
หลังๆเปลี่ยนมาแขวน 3 องค์ แต่องค์หลักคือ หลวงปู่ทวด เหมือนเดิม เป็นพิมพ์เตารีด ปี 05ปั๊มซ้ำ องค์ที่ 2 เป็นเหรียญพระนเรศวร เนื้อทองคำ รุ่นเราสู้ หลังสก. องค์นี้บูชาเพราะพิมพ์ดี พิธีใหญ่ เพราะสร้างโดยกรมราชองครักษ์
องค์สุดท้าย เป็นเหรียญพระอาจารย์ธรรมโชติ รุ่น 1 วัดโพธิ์ 9 ต้น จ.สิงห์บุรี ค่ายบางระจัน เช่ามาตอนปี 47 ตอนนั้นอยู่กองปราบปราม ไปทำงานผ่านมาเจอวัดนี้เลยเช่าซะ
นอกจากนับถือศรัทธาหลวงปู่ทวดแล้ว พระหลักอีกองค์ที่นับถือคือ พระพุทธชินราช เพราะช่วงที่ไปรับราชการที่ภาค 6 เป็นจังหวะที่วัดใหญ่ หรือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร มีพิธีปิดรักพระพุทธชินราชเป็นพิธีใหญ่
ตามประวัติแล้ว มีปิดรักแค่ 3 รัชกาลเท่านั้นคือ สมัยพระเอกาทศรถ ร.5 และ ร.9
ต่อมาทางวัดเอาเนื้อรักทีปิดองค์พระมาทำเป็นพระเปิดให้เช่าบูชา เป็นเนื้อพระท่านจริงๆ เลยไปเช่ามา 1 องค์ นำมาไว้เป็นพระบูชาประจำบ้าน