Thursday, March 28, 2024
More

    24.ลุงโบเมียะ

    ตำนานมือปราบพระกาฬ “ชลอ เกิดเทศ”      โดย…กิตติพงศ์ นโรปการณ์
                    
            
    คุ้มพระลอ ในเย็นย่ำวันหนึ่งของกลางปีพุทธศักราช 2521
            
    พันตำรวจเอกชลอ มานั่งเล่นอยู่ศาลาริมแม่น้ำปิง หลังเลิกเตะฟุตบอลอยู่กับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาและเหล่านักกีฬาฟุตบอลจังหวัดตาก
    มีลูกน้องตำรวจ รวมทั้งเด็กหนุ่มนักเตะภูธรหลายสิบคนมานั่งห้อมล้อมพูดจาแลกเปลี่ยนวิธีการเล่นฟุตบอล และแทกติกต่างๆ เลยไปถึงการพูดคุยเรื่องงาน และการบริหารราชการตำรวจจังหวัดตากไปในตัว
            
    นกมีขน คนมีพวก มันดีกับนักสืบอย่างพันตำรวจเอกชลอตรงนี้
            
    เพราะแต่ละคนมาจากที่ต่างๆ ร้อยพ่อพันแม่ คนเหล่านี้ เลยกลายเป็นสายข่าวชั้นดีให้กับเขาไปโดยปริยาย
            
    “นาย….ผมมีเรื่องมาเรียนนายรับทราบครับ….”
            
    สิบตำรวจโท ชด โคกรัมย์ หนุ่มวัย 30 กว่า ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่ชลอเอามาทำงานติดตัวอยู่กับเขาเดินเข้ามากระซิบ เท่านั้นชลอรู้แล้วว่า มันมีเรื่องสำคัญมาเล่าให้ฟังแน่
            
    “ ผมเพิ่งกลับมาจากบ้านปากช่อง โคราช เมื่อวันสองวันที่แล้ว พรรคพวกผมที่นั่นบอกว่ามีคนหนีตายมาอยู่ที่ตลาดเมืองตากครับ

    สาเหตุเพราะไปขัดผลประโยชน์ ไอ้หยอง ปาทานเมืองลพบุรี เรื่องธุรกิจหินอ่อน มันชื่อนายอำนาจ นามสกุลเดี๋ยวผมตรวจสอบให้กับนายอีกครั้งครับ….”
            
    แล้วมันมาพักอยู่กับใครยังไงวะ…”
            
    ชลอซักเสียงเบา
            
    “ยังไม่ทราบครับ แต่พรรคพวกบอกว่า มันพักอยู่บ้านญาติหน้าตลาด
    ส่วนมือปืนที่ไอ้หยองส่งไปยิงที่ปากช่องจนมันอยู่ไม่ได้ ผมรู้ตัวแล้วครับ มันชื่อ บังมุด เป็นแขกปาทานขายเนื้ออยู่กำแพงนี่เอง…”
            
    เอางี้เดี๋ยวเรียกธีรจิตร์ กับวสันต์ มาพบกูหน่อย…”
            
    หัวหน้าตำรวจจังหวัดตาก หมายถึงพันตำรวจโทธีรจิตร์ อุตตมะ สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองตาก และพันตำรวจโทวสันต์ วัสสานนท์ สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองตาก 2 นายตำรวจ นักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน รุ่น 24
            
    ครึ่งชั่วโมงต่อมา พันตำรวจโทธีรจิตร์ และพันตำรวจโทวสันต์ มาอยู่ต่อหน้าชลอ โดยชายหนุ่มบรีฟข่าวที่เพิ่งได้มาจาก สิบตำรวจโทชด ให้กับ 2 นายตำรวจหนุ่มรุ่นน้องสามพรานฟัง
    พร้อมสั่งการให้ทั้งคู่แยกย้ายส่งตำรวจไปคอยประกบดูแลความปลอดภัยนายอำนาจ เป้าหมาย “ไอ้หยอง-สมชาย พงษ์สว่าง” ลูกชายไบคานจอมอิทธิพลแห่งลำนารายณ์
            
    นอกจากนี้ชลอ ยังสั่งให้นายตำรวจทั้งคู่จัดชุดเข้าตรวจสอบประวัติ และความเคลื่อนไหวของ บังมุด ปาทานขายเนื้อที่จังหวัดกำแพงเพชร ที่อยู่ห่างไปทางใต้ของจังหวัดตาก
            
    วันรุ่งขึ้น ชลอ รับทราบรายงานเบื้องต้นจากพันตำรวจโทธีรจิตร์ว่า
            
    “พี่ลอ..นายอำนาจ มันมาเช่าบ้านอยู่หน้าตลาด เข้าใจว่านอกจากหนีตายไอ้หยองแล้ว ยังมาทำธุรกิจหินอ่อนที่บ้านเราด้วย ส่วน ไอ้มุด มือปืนไอ้หยอง กำลังหาตัวอยู่ครับ…”
            
    “ดี… ยังไงก็จัดคนประกบรักษาความปลอดภัยให้นายอำนาจมันด้วย เผื่อไอ้หยองมันรู้ ส่งไอ้มุดขึ้นมา..”
            
    ชลอบอกนายตำรวจรุ่นน้อง พร้อมขอตัวไปพักผ่อน เพราะนายตำรวจหนุ่มมีภารกิจไปเยี่ยมผู้บังคับบัญชาในเขตติดต่อแนวชายแดนไทยพม่าในเช้าวันรุ่งขึ้น
            ———————————————-
            
    เกือบสิบโมงเช้า ร้อยตำรวจเอกอวยชัย โดดดารา นักบินคู่ใจพันตำรวจเอกชลอ เกิดเทศ โยกคันบังคับยกขาสกี ฮิวอี้  UH-1H ของกรมตำรวจ ลงจอดบนลานจอดเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว สถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าสองยาง พร้อมนำเสบียงอาหารยุทธปัจจัยหลายอย่าง ลงมามอบให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา
    มีร้อยตำรวจตรีวิสุทธิ์ ศรสาลี หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดตาก เดินถือปืนเอ็ม 16 ตามประกบ
            
    หลังนายตำรวจหนุ่มทักทายผู้ใต้บังคับบัญชา และครอบครัวแล้ว พันตำรวจเอกชลอ กระซิบบอกร้อยตำรวจตรีวิสุทธิ์ จะข้ามแม่เมยไปพบกับ “ลุง”ฝั่งตรงข้ามหน่อย
            
    หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดตาก ทราบความประสงค์ผู้บังคับบัญชา วิทยุไปที่ฐานตำรวจตระเวนชายแดนที่อยู่ข้างสถานี เตรียมกำลังพร้อมนำเรือข้ามลำน้ำแม่เมยข้ามไปฝั่งตรงข้าม
            
    ยี่สิบนาทีต่อมา ชลอ พร้อมร้อยตำรวจตรีวิสุทธิ์ และตำรวจตระเวนชายแดนรวม 10 นาย เดินถือปืนไปอยู่บนดินแดนฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน  
    มีกลุ่มชายฉกรรจ์ร่างกายผอมเกร็ง สวมเสื้อชุดสนามสีเขียว ประมาณ 10 คน พร้อมอาวุธสงคราม โผล่ออกมาจากแนวป่าในลักษณะระแวดระวังภัย
    มีชายวัย 50 กว่าปี รูปร่างเจ้าเนื้อยืนคาบบุหรี่ หน้าตาอารมณ์ดี ยืนอยู่ข้างหน้า
            
    “ว่าไง…ผู้กำกับ”
            
    เสียงทักจากชายเจ้าเนื้อ เป็นภาษาไทยสำเนียงแปร่งๆ
            
    ขณะที่พันตำรวจเอกชลอ ยกมือตะเบ๊ะทำความเคารพผู้อาวุโสที่อายุมากกว่าประมาณ 10 ปีได้ ก่อนกล่าวตอบ
            
    สวัสดีครับ…ลุง โอ้โหมารับเองเลย ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีมาเยี่ยมลูกน้อง คิดถึงลุงเลยอยากมานั่งกินเหล้ากับลุง อยากกินอาหารป่าอร่อยฝั่งนี้…”
            
    เชิญๆ….ลุงชาวกะเหรี่ยงพูด พร้อมเดินเข้ามาสัมผัสไม้สัมผัสมือกับนายตำรวจหนุ่มฝั่งไทย ก่อนผายมือแสดงการเชื้อเชิญ ออกเดินนำหน้าไปจากบริเวณท่าเรือชั่วคราวแห่งนั้น ไปขึ้นรถแลนด์โรเวอร์ ออฟโรดลุยป่าฝนของ ลุง ที่จอดรออยู่ห่างจากฝั่งแม่น้ำเมยไม่ไกล
    มีกลุ่มชายฉกรรจ์เสื้อเขียวอีกกลุ่มประมาณ 10 คน พร้อมอาวุธสงครามนานาชนิด ยืนรักษาความปลอดภัยให้กับ ลุง คนนี้
            
    ชลอ นั่งอยู่เบาะหลังในรถ คู่กับลุง ผู้นำชนชาวกะเหรี่ยง ฉายา “โบเมียะ” ส่วนลูกน้องของเขานั่งอยู่กับทหารกะเหรี่ยงวิ่งตามหลังอีกคัน
    มีกำลังทหารกะเหรี่ยงอีกส่วนหนึ่งกระจายออกไป 2 ข้างทางป่ารกชัฎที่มีต้นไม้ใหญ่นานาพรรณห้อมล้อมจนแทบมองไม่เห็นท้องฟ้า
            
    อีกเกือบชั่วโมง ป่าเริ่มโปร่งขึ้นป็นลำดับ ชลอ เห็นเด็กเล็กเด็กน้อยวิ่งเล่นอยู่บนลานดินกว้างอย่างสนุกสนาน ไกลออกไปมีภูเขาน้อยใหญ่ล้อมรอบ
    แต่เมื่อรถแลนด์โรแวอร์ทั้ง 2 คันวิ่งเข้ามา บรรดาแม่ๆทั้งหลายต่างวิ่งเข้ามาอุ้มลูกๆของเขาเข้าไปอยู่ในเพิงไม้ที่ทำเป็นที่พักอาศัย
    ขณะที่ทหารกะเหรี่ยงที่ยืนรักษาการณ์อยู่เป็นระยะๆทำความเคารพลุงโบเมียะที่นั่งอยู่ในรถที่แล่นผ่าน
            
    จนกระทั่งมาถึงโรงเรือนใหญ่ รถแลนด์โรเวอร์คันที่ชลอและลุงโบเมียะนั่ง จอดสนิท ทั้งคู่ลงจากรถเดินก้าวเข้าไปนั่งพักในโรงเรือน
    พร้อมกันนั้น ชลอ ให้ลูกน้องยกลังวิสกี้และบุหรี่ต่างประเทศกล่องใหญ่มาให้ ลุงโบเมียะ เป็นของฝาก ก่อนเข้าไปในนั่งในที่รับรอง
    ขณะที่ลุงโบเมียะ หันไปคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นภาษากะเหรี่ยง ก่อนหันมาเสวนากับนายตำรวจไทย
            
    “ยินดีต้อนรับสู่ “กอทูเล”…..”
            
    กอทูเล แปลว่าดินแดนอันบริสุทธิ์ ปราศจากความชั่วร้ายทั้งมวลของหมู่มวล KNU ที่มีลุงโบเมียะ เป็นผู้นำ
            
    ชลอรู้ว่า ลุงโบเมียะ  รบกับพม่ามาตั้งแต่เป็นเด็กวัยรุ่น อายุเพียง 17 ปี จนกระท่ังชาวกะเหรี่ยงรวมตัวกันตั้งองค์กรดูแลประชาชนของตนเองขึ้น ในนามองค์กรสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNU (Karen National Union) โดยโบเมียะเพิ่งขึ้นมาเป็นผู้นำเต็มตัว ในฐานะประธานาธิบดี ไล่เลี่ยกับที่ชลอมารับตำแหน่งผุ้กำกับที่จังหวัดตาก
            
    สำหรับชาวกะเหรี่ยง ลุงโบเมียะเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาวกะเหรี่ยง และชนกลุ่มน้อยทั้งมวล
            
    ในฐานะที่ชลอเป็นนายตำรวจหัวหน้าตำรวจจังหวัดตาก ที่มีพื้นที่รับผิดชอบติดกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า ที่มีการสู้รบระหว่างชนกลุ่มน้อย
    เขาต้องรักษาความสัมพันธ์ทั้งกับกลุ่มชนกลุ่มน้อย ซึ่งไม่ได้มีแค่กะเหรี่ยงของ ลุงโบเมียะ เพียงคนเดียว
    แต่ยังต้องรักษาความสัมพันธ์กับทหารรัฐบาลพม่า ที่มีกองกำลังใหญ่อยู่ในเมืองเมียวดี รวมถึงกองกำลังกู้ชาติของไทยใหญ่ ชนกลุ่มน้อยอีกกลุ่มที่มีกองกำลังตั้งอยู่ริมชายแดน ในทำนองบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่นด้วย
            
    อะไรที่ชลอทำได้ และไม่เสียความสัมพันธ์หรือกระทบกับความมั่นคง ชลอทำให้ลุงโบเมียะอย่างเต็มที่และเต็มใจ
    กระท่ังบางครั้งมีผู้ต้องหาฝั่งไทยที่หลบหนีคดีข้ามเข้ามาอยู่ในปางไม้ในพม่า ชลอก็ประสานให้ลุงโบเมียะคนนี้ เอาตัวกลับมาให้เขาอยู่หลายคดี
            
    ระหว่างมื้อเที่ยงแห่งมิตรภาพ  ลุงโบเมียะ นั่งจิบเหล้า หัวเราะอย่างอารมณ์ดี แต่ไม่ค่อยจะพูดนัก อาจเป็นเพราะพูดภาษาไทยไม่ค่อยชัด แต่วิสกี้ขวดใหญ่ พร้อมอาหารป่าหลายชนิด ก็หมดลงในอีกไม่ถึง 2 ชั่วโมง ชลอจึงขอตัวกลับ
            
    “ผู้กำกับ ไม่นอนค้างที่นี่สักคืนหรือ…”
            
    ลุงโบเมียะถาม ขณะที่ชลอปฏิเสธ เพราะมีภารกิจอีกหลายอย่างที่ต้องทำ ก่อนที่ลุงโบเมียะ จะให้ทหารกะเหรี่ยงชุดเดิมพานายตำรวจไทยทั้ง 10 คน ไปส่งที่ริมน้ำแม่เมยตามเดิม
            
    ชลอนึกใจระหว่างนั่งเรือกลับมาฝั่งประเทศไทย จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หากเขานอนค้าง แล้วเกิดจู่ๆทหารรัฐบาลพม่าเข้าโจมตีฐานกะเหรี่ยงที่เขานอนพักอยู่พอดี
            
    ถึงฝั่งประเทศไทย นายตำรวจหนุ่มพูดคุยกับตำรวจท่าสองยางลูกน้องอีกพักใหญ่ ก่อนขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับเมืองตากในเย็นวันน้ัน พร้อมกับขาเก้ง ขาหมูป่า ที่ลุงโบเมียะ ประธานาธิบดีชาติกะเหรี่ยง ฝากมาเป็นน้ำมิตร
            —————————————–
            
    1อาทิตย์ต่อมา
            
    “แจ้งสกัดจับคนร้าย 2 คน ก่อเหตุ 241 อาวุธปืนหลังตลาดเมืองตาก มีผู้เสียชีวิต 1 คน
    คนร้ายใช้จยย.เป็นพาหนะหบหนี แจ้งตำรวจทุกหน่วยตั้งจุดสกัด…..”
            
    เสียงวิทยุของสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองตากดังลั่นในช่วงเย็น ชลอยังนั่งทำงานอยู่ที่กองกำกับการ เอื้อมมือหยิบวิทยุไอคอมที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานกดคีย์ยกมาสั่งการ
            
    “ตาก 1 ว.25 ที่เกิดเหตุ…”
            
    “ทราบ….ตาก1 ว.25 ที่เกิดเหตุ…”เสียงพลวิทยุแจ้งรับทราบเมื่อเจ้าของรหัส ตาก 1 จะเดินทางไปดูที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง
            
    “แป๊ะ แป๊ะโว้ย…ไปหลังตลาดไปเร็ว…”
            
    พันตำรวจเอกชลอ ตะโกนเรียกคนขับรถคู่ใจที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่หน้าห้อง ไปยังที่เกิดเหตุทันที
            
    15 นาทีต่อมา รถจิ๊ปแดงตราโล่ พานายตำรวจหนุ่มไปถึงที่เกิดเหตุ ที่นั่นมีพันตำรวจโทธีรจิตร์ อุตตมะ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบ พยายามกั้นบรรดาไทยมุงที่พยายามชะเง้อดูว่าผู้โชคร้ายที่ตกเป็นเหยื่อเสียชีิวิตอยู่ในสภาพไหน
            
    พันตำรวจโทธีรจิตร์เดินตรงเข้าไปหาพันตำรวจเอกชลอ ทันทีที่เห็นนายตำรวจรุ่นพี่เดินเข้ามา ก่อนพาไปดูศพเหยื่อที่เพิ่งถูกสังหาร ถูกยิงเข้าไป 2 นัดที่บริเวณหน้าอก
            
    “เฮ้ย..ทำไมหน้าตามึงเป็นอย่างนี้วะ….”
            
    ชลอถามนายตำรวจรุ่นน้อง ที่ก้มหน้าก้มตาเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง
            
    “พี่ลอ..คนตายคือนายอำนาจ โจกท์ไอ้หยองที่พี่เคยให้ผมจัดชุดคอยดูแล”
            
    “เอ้า..แล้วดูแลยังไงวะ ให้มันถูกยิงตาย…”
            
    ชลอ ชักเสียงเข้ม
            
    “เฝ้ากันอยู่ 2 วันครับพี่ อยู่ๆมันย้ายบ้านหนี ไม่รู้มันย้ายไปอยู่ที่ไหน มารู้อีกทีมาถูกยิงตายหลังตลาดแล้ว…”
            
    “ไม่เป็นไร วิทยุสั่งปิดทางเข้าออกเมืองตากทุกทาง โดยเฉพาะทางไปกำแพง แล้วส่งตำหนิรูปพรรณ ไอ้บังมุด ให้กับชุดสืบสวนและจุดสกัดทุกด่านด้วย…”
            
    ชลอสั่งการเสียงเครียด ถึงแม้จะรู้แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลังในการเสียชีวิตของนายอำนาจ

                                        
           
    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments