สังคมโหดร้าย “พ่อเลี้ยง”ฆ่าลูกเลี้ยง
ภัยจากครอบครัว ที่สังคมต้องช่วยดูแล
/////////////////////////////////////////////////////////////////
จากเหตุการณ์ข่าวสะเทือนขวัญ ที่ นายวจะรัน ทัดสวรรค์ อายุ 35 ปี และนางสุภาพร นนทรา อายุ 31 ปี พ่อเลี้ยงและมารดาแท้ๆ ก่อเหตุฆ่าลูกสาววัย 10 ขวบ ก่อนนำผ้าห่มห่อมัดร่างกับกระสอบปุ๋ยบรรจุก้อนคอนกรีตถ่วงน้ำ จนศพลอยอืดมาติดกองผักตบชวา ในคลองสำโรง จ.สมุทรปราการ ซึ่งสุดท้าย พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 คุมตัว 2 ผู้ต้องหามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพได้ ขณะหลบหนีไปที่ จ.สระบุรี ซึ่งคำอ้างระบุว่า ทุบตีเด็กและกักขังมานานกว่า 1 เดือน เมื่อพบเด็กเสียชีวิต จึงวางแผนซ่อนเร้นอำพรางและนำศพถ่วงน้ำ
หลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้ สังคมต่างตั้งคำถามว่า ทำไมและเหตุใดเหตุการณ์พ่อเลี้ยงทำร้ายลุกเลี้ยงจึงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เรียกว่ามักเกิดเหตุแบบนี้ ซ้ำแล้วซ้ำอีกในสังคม เปลี่ยนแค่เวลา สถานที่ และเหยื่อเท่านั้น..!!
ย้อนไปก่อนหน้านี้ไม่นาน เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตำรวจภูธรภาค 3 จับกุม นายจิรันดร์ หรือเหน่ง ปันส่วน อายุ 20ปี พ่อเลี้ยงโหดทุบทำร้ายลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบ 2 เดือนเสียชีวิต ภายในห้องพักที่ จ.อุบลราชธานี โดยอ้างว่า เด็กร้องไห้ไม่หยุด จึงใช้มือทุบไปที่บริเวณท้องของเด็กอย่างรุนแรง 3-4 ครั้ง เพื่อให้เด็กหยุดร้อง และพบว่าเด็กเงียบไปและมีอาการตาลอย หมดสติ และเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์
อีกคดี วันที่ 11 พฤษภาคม 2560 นายพิพัฒน์ ธนาธีรเมธ อายุ 38 ปี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองบัวลำภู ให้ดำเนินคดีกับ นาย พิธธน เจริญกุล อายุ 22ปี พ่อเลี้ยง หลังก่อเหตุ ทำร้ายร่างกาย น้องกัปตัน ลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบเสียชีวิต โดยพบว่า นายพิธธน พ่อเลี้ยง และนางพิม ทองคำ มารดาแท้ๆกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับเหตุที่ก่อขึ้น ยังโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุ ข้อความเยาะเย้ยพ่อจริงๆของเด็กที่เสียชีวิต
ซึ่งต่อมาพ่อเลี้ยงรับสารภาพว่า เป็นคนตีน้องกัปตันจนเสียชีวิตจริง เนื่องจาก โมโห ที่น้องกัปตัน ตื่นมาอุจจาระเลอะใส่ที่นอนในช่วงเช้ามืด จึงโมโห จับน้องกัปตันเหวี่ยงกระแทกในห้องน้ำ และทุบตี จากนั้นนำร่างน้องกัปตันไปหา แม่และยายที่ตลาด ก่อนจะนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ตัวมารดาแท้ๆเองก็ไม่ติดใจเอาความกับการก่อเหตุของพ่อเลี้ยง
ขณะที่อีกราย วันที่ 11 พฤษภาคม 2560 ตำรวจ สภ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จับกุม นายจิระศักดิ์ กองทอง อายุ 26 ปี ซึ่งทำร้ายลูกเลี้ยงวัยเพียง 1 ขวบจนเสียชีวิตแล้วหลบหนี
โดยก่อนหน้านี้ เด็กถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นได้นำตัวส่งโรงพยาบาลลำลูกกา เหตุเกิดเมื่อกลางดึกเวลาประมาณ 23.00 น วันที่ 10 พฤษภาคม แต่เด็กได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบพบว่า เด็กถูกทำร้ายร่างกาย ตามลำตัวมีรอยเขียวช้ำ ตับและอวัยวะภายในฉีกขาด เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว
หรือย้อนไปหน่อย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2560 มีเหตุเด็กชายวัย 3 ขวบ ถูกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส คณะแพทย์ระบุว่า กะโหลกร้าว สมองซ้ายบวม ก้านสมองซ้าย-ขวาเคลื่อน ตกเลือด ม่านตาไม่ตอบสนองแสง สมองตาย ซี่โครง 8-9-10 ด้านซ้ายหัก ตับซ้ายฉีก ไตขวาฉีก มีเลือดในช่องท้อง และแขนขวาหัก ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ครั้งนั้น ตำรวจ สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ออกหมายและจับกุม นายโชคทวี สังแคพรหม อายุ 32 ปี พ่อเลี้ยงที่ก่อเหตุไว้ได้ โดยยายทวดของน้องผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า “ หลานเป็นเด็กร่าเริงและน่ารักว่านอนสอนง่าย ตั้งแต่เขาป่วยเข้าโรงพยาบาล ตนกินไม่ได้นอนไม่หลับหลายวัน เพราะสงสารเขารวมทั้งญาติและคนในหมู่บ้าน และคนที่ลงมือกระทำต่อน้อง ไม่ใช่ใครอื่นคือพ่อเลี้ยงในโหด ที่มาอยู่กินกับแม่เขาได้เพียง 7 เดือน”
เห็นได้ว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำซาก บางเหตุการณ์ พ่อเลี้ยงก่อเหตุกับลูกเลี้ยงอย่างทารุณ แม้ไม่สาหัสถึงเสียชีวิต แต่ก็บาดเจ็บและบอบช้ำทางจิตใจ ขณะที่บางรายมีการล่วงละเมิดทางเพศกับลูกเลี้ยงที่เป็นเด็กหญิง ซึ่งหลายครั้งที่เป็นข่าวออกตามสื่อต่างๆ
ข่าวแบบนี้ มันเกิดขึ้นซ้ำซาก เกิดแล้วก็เกิดอีกกับเหยื่อรายใหม่ ที่เป็นเด็กที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ เพราะความรุนแรงเกิดขึ้นภายในบ้านที่น่าจะเป็นสถานที่อบอุ่นและปลอดภัยที่สุด และหลายคดีมารดาของเด็กก็มีส่วนรู้เห็นแต่ทำเป็นเพิกเฉยกับเรื่องที่เกิดขึ้น
คำถามคือ เราควรจะแก้ไขอย่างไร เพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง ผู้พบเห็นสมควรแจ้งตำรวจ แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อให้ความช่วยเหลือเข้าถึงเหยื่อเด็กๆให้เร็วที่สุด
ข่าวทำนองนี้ควรจะหมดไปจากสังคมไทย หากทุกคนช่วยกัน โดยเริ่มต้นจากครอบครัว..!!
////////////////////////