พล.ต.ต.อุทัย เป็นอีก 1 นายตำรวจที่ผมได้เจอได้สัมผัสการทำงานกันตั้งแต่สมัยเป็นนักข่าววัยละอ่อนอยู่ที่กองปราบฯ
ส่วนผู้การอุทัย เป็นตำรวจวัยละอ่อนเช่นกัน ทำงานอยู่ในชุดพี่เทพ-พ.ต.อ.สุเทพ ชนะสิทธิ์ ท่ีเพิ่งเกษียณฯไปหมาดๆ และพี่อู๊ด-พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง สมัยเป็นสารวัตรรถวิทยุ
ออกจากบช.ก.ไปเป็นผู้กำกับสืบ 4 ยุคพล.ต.อ.วินัย ทองสอง เป็น ผบช.น. เลยไม่ค่อยได้เห็นกัน
แต่ประโยชน์ของโลกโซเชี่ยล โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก เลยดูไม่เหมือนจะเหินห่างกันไปนัก ได้เห็นผู้การอุทัยทำงานในตำแหน่งต่างๆมาโดยตลอด
ก่อนที่จะกลับถิ่นเก่าเข้า บช.ก.ในตำแหน่ง รองผบก.มหาดเล็กราชวัลลภ รักษาพระองค์ 904 และขึ้นนายพลในนครบาลอีกครั้ง
เมื่อผมเอ่ยปากขอคุยเรื่องพระเรื่องเครื่องรางที่ผู้การอุทัยนับถือ นายพลคนหนุ่ม(รุ่นเดียวกับผม)จึงไม่ปฏิเสธ ต้องขอขอบคุณในไมตรี ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ยึดหลักพุทธศาสนา เดินสายกลาง ไม่ยึดติด
พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร ผู้บังคับการ กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (ผบก.อคฝ.บช.น.)
ว่าที่ผู้การใหม่ป้ายแดง ได้รับโปรดเกล้าในคำสั่งที่ผ่านมา
อดีตเด็กหนุ่ม จ.อุดรธานี จบม.6 เมื่อปี 2529 เกือบได้เป็นนักบินทัพฟ้า เพราะสอบติดโรงเรียนนายเรืออากาศ แต่ไม่ผ่านตรวจร่างกายที่สถาบันวิทยาศาสตร์การบิน สาเหตุตาข้างหนึ่งมองเห็นไม่ชัด
ฝันนักบินไม่ได้ เบนเข็มเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่น 30 ก่อนสอบเข้าตำรวจ
บรรจุครั้งแรกเป็น รอง สว.ที่ บช.น. ช่วยราชการ สน.บางรัก ก่อนเข้ากองปราบฯเป็น รอง สว.งาน 8 ฝอ.ป. มีพ.ต.อ.สุเทพ ชนะสิทธิ์ เป็น สว.
ชีวิตวนเวียนอยู่ในกองปราบฯอีกหลายปี ย้ายเป็นรองสว.ผ.3 กก.2 ป. อยู่กับ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง สมัยเป็นสารวัตรรถวิทยุ ก่อนย้ายเป็นรอง สว.ผ.5 กก.4 ป.อยู่กับพ.ต.อ.สุเทพอีกครั้ง
ปี 2542 ขึ้นสว.ท่องเที่ยวเกาะสมุย สว.งาน 5 กก.2 บก.สศก. โยกกลับกองปราบฯเป็น สว.ผ.2กก.5 ป.
เริ่มลุยไฟใต้ตั้งแต่เหตุปล้นปืน ปี 47 ขึ้นรองผกก.5 ป. รองผกก.6 ป. ติดยศพ.ต.อ.ในตำแหน่ง ผกก.ศูนย์เทคโนโลยี ฝอ.10 ศชต. เป็น ผกก.สส.บก.น.4 ยุคพล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีต รองผบ.ตร.เป็นน.1
ถูกโยกเป็น ผกก.ฝอ.ศูนย์สืบบช.น. ขึ้นรองผบก.ในตำแหน่ง นว.(สบ5)หน.นรป. รองผบก.อคฝ. และรองผบก.มหด.904
ถามถึงเรื่องพระที่นับถือ พ.ต.อ.อุทัย ถอดพระที่ห้อยคอออกมาให้ชมทั้งพวงก่อนเล่าให้ฟังที่มาที่ไป
มี 2 พวง เดิมๆห้อยหลวงปู่ทวด แต่ตอนนี้เก็บในเซฟ มีเหรียญทรงผนวช ร.9 ผมเก็บไว้หลายเหรียญ
อีกองค์เป็นหลวงปู่สุภา ภูเก็ต รุ่นพระเสด็จกลับ ที่เขาปล่อยลงทะเลแล้วท่านลอยน้ำกลับมา
ตอนนี้ห้อยพวงนี้เป็นหลัก มีหลวงพ่อปาน พิมพ์ขี่ครุฑ พระรอด พระสมเด็จวัดระฆัง พระซุ้มกอ พระลีลาเม็ดขนุน
หลวงพ่อปาน แม่บุญธรรมให้ตอนผมขึ้น ผกก. แกได้มาตั้งแต่แต่งงาน บอกว่าเหมาะกับเรานะ
ส่วนสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่องค์นี้ เหมือนเป็นเรื่องแปลก เจ้าของเก่าเป็นคนญี่ปุ่น เป็นผจก.ในนิคมอุตสาหกรรมสหนคร
เป็นคนบ้าพระ เก็บพระโบราณเยอะ มีใบประกวดได้รางวัลเพียบ แล้วแกเสียชีวิต บริษัทพยายามหาเซียนพระมาดู เพื่อประเมินมูลค่าเอาเงินส่งกลับให้ภรรยาแกที่ญี่ปุ่น
ที่สำคัญตรงไหนรู้มั้ย แกตายไป 3 ปีกว่า พระชุดนี้เขาส่งกลับญี่ปุ่นแล้ว เมียญี่ปุ่นเปิดดูไม่รู้จัก ส่งกลับมาที่นี่
ผมก็เอาเงินไปให้เพื่อน 2 แสน บอกถ้าเขาให้นะเอามาเลย ปรากฏว่า เป็นจังหวะผู้จัดการคนเก่าเปลี่ยนตำแหน่งกลับญี่ปุ่น เป็นวันแรกของผู้จัดการคนใหม่ เขาออกใบเสร็จเรียบร้อย ผมได้มาแบบงงๆ
มีความฝันอยากได้พระเบญจภาคี มาเลยพระสมเด็จองค์แรกเลย จากนั้นได้มาอีก 4-5 องค์
ให้ลูกน้องไปบ้าง ให้ผู้บังคับบัญชาไปบ้าง ยกเว้นหลวงพ่อปาน 4 องค์นี้อยู่ในเซ็ตนั้นหมด ถามถึงประสบการณ์ ก็ได้ขึ้นผู้การโดยไม่ต้องทำอะไรเลย ลูกพี่บอกว่าให้ทำงานไป ประสบการณ์ตอนอยู่ใต้ก็ห้อยหลวงปู่ทวด คงเป็นเรื่องแคล้วคลาด รถคว่ำ 2 หนไม่เป็นอะไร
แล้วทำบาปไม่ค่อยขึ้น จะไปดักวิสามัญอะไรนี่ ไม่ค่อยได้ เคยไป 2 ที กับพี่อู๊ด สมพงษ์ เอาชุดใหญ่ไปรอ 2 วัน ไม่มา
สุดท้ายอีกชุดไปตามเอง ซัดกันที่ถนนรามอินทรา ตายเกลี้ยงทั้งคันเลย 3-4 คน
ผมไม่ได้สะสมพระ ไม่ได้ประเภทไปหานะ แต่พระมาหาผมเอง เดี๋ยวคนนั้นคนนี้เอามาให้ เดี๋ยวลูกน้อง เดี๋ยวคนรู้จัก เดี๋ยวผู้ใหญ่เลยกลายเป็นเหมือนสะสม ทั้งๆที่ไม่ได้แสวงหา
หลักพุทธศาสนากับตำรวจ ผมมองว่าคล้ายๆกัน เหมือนหลักปล่อยวาง บางคนเป็นทุกข์ เพราะยึดติดมาก ไปยึดว่าต้องได้
ตำรวจนี่ดีอย่าง ตรงที่ว่าฝึกให้เราเวลาถูกย้าย จากเคยอยู่ตำแหน่งที่สำคัญๆแล้วถูกย้าย คิดว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป
คืออย่าไปยึดติด ยึดติดเพราะผลประโยชน์หรือเปล่า เงินเยอะสิใช่มั้ย ผมว่าคล้ายๆกันเลยนะ
คือ1. ให้เดินทางสายกลาง 2. ไม่ยึดติด อย่าไปยึดติดมันเยอะ เพราะทุกคนต้องเกษียณ ตำแหน่งมันเป็นแค่หัวโขนเท่านั้น
ออกญาบุรีรัมย์5/10/62