ห่างหายกันไปนานสำหรับ คอลัมส์เปิดใจสัมภาษณ์กระจอกข่าว ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการสื่อสารมวลชน และสำหรับเธอคนนี้ สั่งสมฝีมือและประสบการณ์เกือบ 20 ปี ถือเป็นอนาคต – ความหวังของ สื่อมวลชนไทย “เขี้ยว” ผู้สื่อข่าวภาคสนาม สายตำรวจ-อาชญากรรม ฝีมือดีเป็นอันดับต้นๆของนักข่าวหน้าจอแก้ว ที่ได้รับการยกย่องยอมรับจากเพื่อนๆสื่อมวลชนหลายสำนัก แหล่งข่าวไว้เนื้อเชื่อใจให้ข้อมูลเชิงลึกไม่ธรรมดา นำเสนอสู่สายตาประชาชน
ไม่ว่าจะด้วยลีลาการเขียนสคิปข่าว ที่กระชับเข้าใจง่ายได้ใจความ หรือจะเป็นความสามารถด้านการเปิดหน้าโชว์ผ่านจอแก้ว รายงานสดภาคสนามหลายต่อหลายครั้งผ่านทางช่อง ไทยรัฐทีวี 32 “คุณค่าที่คู่ควรจะอยู่สังกัดทีวียักษ์ใหญ่ช่องคุณภาพช่องนี้ต่อไป โชคดีที่สุดของทางผู้บริหารไทยรัฐ ที่คว้าเอาเพชรน้ำดี เพชรแท้ๆของวงการสื่อไว้ในครอบครอง และเค้านี่แหละค่ะ จะสามารถทำประโยชน์ให้องค์กรอีกมากมาย วัดได้จากผลงานหน้าจอตั้งแต่วันแรก วันนี้ จวบจนตลอดไป
Q :: สวัสดีค่ะเขี้ยว แนะนำตัวกับเพื่อนๆด้วยค่ะ
K :: สวัสดีค่ะ ดิฉัน วิมลวรรณ ธรรมภักดี อายุเป็นเพียงตัวเลข ปัจจุบัน เป็นผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรม – ตำรวจ ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้สื่อข่าวสถานนีวิทยุ สวพ.91 เกิดที่จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นคนอิสานโดยกำเนิดและรักบ้านเกิดมาก… รักทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ดมากเช่นกันค่ะ (5555 เธอพูดเองขำเอง) เรียนจบ ป.ตรี จาก ม.ราชภัฎพระนคร คณะบริหารธุรกิจ , ป.โท ม.ศรีปทุม สื่อสารมวลชน และกำลังจะ ศึกษาต่อ ป.เอก
สำหรับธุรกิจครอบครัวที่บุรีรัมย์ บ้านเขี้ยวก็ทำธุรกิจเล็กๆ ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก แต่ก็พออยู่สบาย พอเพียงในยุคเศษฐกิจแบบนี้ เขี้ยวกำลังคิดจะทำโครงการสวนผสมเล็กๆ เผื่อไว้ตอนเกษียอายุงานจะได้มีอะไรทำไว้เลี้ยงตัวเอง ชอบความพอดี พอเพียงไม่โอเวอร์โดดเด่น แต่เป็นตัวเองที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
Q :: ก่อนหน้าเรียนจบตั้งอนาคตไว้อย่างไร?
K :: ก่อนหน้าเรียนจบ ไม่ได้อยากเป็นนักข่าวเลยค่ะ มีความใฝ่ฝัน อยากเป็นนักจัดรายการวิทยุ และนักสื่อสารจูงใจ หรือนักพูด ตอนนั้นไปสมัคร เขาบอกว่าคุณสมบัติขาด (ต้องเพิ่มรอยตีนกาและใส่แว่น55) คือเรายังมีประสบการณ์ไม่มากพอที่จะทำหน้าที่ตรงนั้นในช่วงเรียนจบใหม่ๆ จนกระทั่งได้มาเป็นนักข่าวที่ สวพ.91 สายการเมือง ประจำทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภา โชคดีที่มีพี่เปิ้ล และพี่จุ๊บแจง หัวหน้าฝ่ายข่าวขณะนี้ ให้โอกาส สอนงาน พาไปบุกทุกที่ที่มีข่าว ก็ทำอาชีพนี้เรื่อยมา แต่ยังไม่ทิ้งฝันนะ
ช่วงที่มาทำข่าว เป็นช่วงที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และทำอยู่สายการเมืองจนถึงยุคนายสมชาย วงศ์สวัส เป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนั้นทำวิทยุ เน้นรายงานสด ทุกอย่างมันสอนเราได้หมด ทั้งไหวพริบ การรายงานสด ที่สำคัญ ปากพูด ตามองสถานการณ์ ในสมองมีข้อมูล การรายงานก็จะเข้าถึงสถานการณ์และน่าฟัง…
Q :: ช่วงแรกที่เป็นนักข่าว วางตัวอย่างไรคะ ลำบากมั้ยกว่าจะมาถึงวันนี้ ?
K :: ตอนแรกๆฝึกหนักมากค่ะ ต้องเรียนรู้มากกว่าคนอื่นหลายเท่าตัว เพราะจบสายบริหารธุรกิจ ไม่ใช่สายสื่อมวลชน “ดู จำ คิด เขียน เปล่งออกมาเป็นเสียง ช่างยาก ต่างจากการเป็นนักพูด ที่รู้อยุ่แล้วว่าวันนี้ จะพูดเรื่องอะไร”…โชคดี พี่ๆและเพื่อน ช่วยสอน ช่วยฝึกเป็นพี่เลี้ยง โดยเฉพาะเวลา นายกฯทักษิณ ให้สัมภาษณ์ยาวมาก ตอบได้ทุกเรื่อง ที่นักข่าวถาม เราก็ต้องพยายามจับประเด็นและตามให้ทันทุกคำพูด เราต้องไม่ตกประเด็นไม่ตกข่าว และก้าวให้ไวกว่าคนอื่นอย่างน้อยๆ 5 ก้าวค่ะ
เมื่อก่อนนี้ การทำงานของนักข่าวสนุกนะ มีเสน่ห์ เพราะเมื่อก่อนมีแค่เทป สมุดจดข่าว และปากกา คอมพิวเตอร์ก็มีไม่กี่ตัว การจดและจำ จึงสำคัญมาก ใช้ทักษะเยอะมาก ช่วงนั้นอ่านหนังสือพิมพ์วันละเป็น 10 ฉบับ เพราะกลัวตกข่าว พลาดข่าวสำคัญ จากนั้นก็จดประเด็นที่ต้องตาม หรือประเด็นที่คิดขึ้นได้ การแข่งขันสนามข่าวสูงมาก อุปกรณ์ซับพอร์ตก็ไม่ค่อยมี หนักไปทางใช้สมองและสองมือ
ไม่เหมือนสมัยนี้ที่แบบ แค่คลิก ก็มีข่าวแล้ว เรารู้สึกโชคดี ที่ได้เป็นนักข่าวในยุคนั้น ยุคที่ใช้ทักษะทุกด้านเพื่อทำข่าวแต่ละวัน…
Q :: มองความเปลี่ยนแปลงของงานข่าวสายตำรวจอย่างไร ?
K :: เริ่มต้นก่อนจะมาทำสายตำรวจ ขอเล่าย้อนไปว่า ตอนนั้น เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เราก็มองเห็นโอกาส ขอเปลี่ยนสายงานบ้าง เพราะอยู่การเมืองมาหลายปี หัวหน้าใจดี ให้มาอยู่สายอาชญากรรม จากที่ต้องฟังนักการเมืองพูด กลายเป็นต้องมาแคะ แงะข้อมูลจากแหล่งข่าว ซึ่งตำรวจก็ไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว ต้องปรับตัวเยอะมาก ต้องพยายาม เราก็ต้องเข้าใจหน้างานเค้าด้วย
งานสายอาชญากรรมมีเสน่ห์ การหาความจริง ช่วยเหลือผู้เสียหาย หรือบางครั้งได้สัมผัสชีวิตตำรวจ ความทุ่มเท และเสียสละของตำรวจน้ำดี ทำให้เรารู้ว่าตำรวจจริงๆอ่ะ น่าเห็นใจ มาก
Q :: มุมมองของเขี้ยวที่มีต่อน้องๆนักข่าวรุ่นใหม่?
K :: นักข่าวรุ่นใหม่ เป็นยุค”group press” ตั้งกันเป็นกลุ่มๆ แชร์ข่าวกัน ก็ทำให้หาทำข่าวเร็ว ทันสถานการณ์ แต่ก็ขาดเสน่ห์ของการทำข่าวนะ เราชอบแบบเก่ามากว่า แต่ก็ต้องปรับตัว ต้องยอมรับว่าหลายคนก็เก่งมาก ซึ่งเขาไม่ต้องกังวลเรื่องข่าวรูทีน มุ่งทำงานเจาะประเด็นได้มากขึ้น
โดยเฉพาะข่าวสถานการณ์ที่ทีวี ไม่ใช่สื่อหลักอีกต่อไป โซเชี่ยลเข้ามาแทน และทำให้ทุกคนที่มีมือถือ เป็นนักข่าว เป็นช่างภาพได้ งานที่หนักของนักข่าวรุ่นนี้ จึงเป็นเรื่องจริยธรรม และการบรรณาธิการงานออกมา เพื่อสื่อสารให้ถูกต้องไปยังประชาชน ไม่ใช่แค่เร็วอย่างเดียว
Q :: เล่าถึงตำรวจในดวงใจซัก 2 ท่าน ให้เราฟังหน่อยค่ะ?
K :: เขี้ยวก็มีตำรวจในดวงใจหลายคนค่ะ ถ้าให้เลือกแค่ 2 คนกลัวคนอื่นๆน้อยใจ เอาเป็นว่าตำรวจมีหลากหลายทั้งดีไม่มีเหมือนกันทุกอาชีพ แต่ถ้าต้องยกตัวอย่างจริงๆขอเป็น พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 กองปราบปรามค่ะ เป็นตำรวจรุ่นใหม่ไฟแรงที่ทำผลงานได้รวดเร็วฉับไว จับเป็นจับ คดีดังๆเรื่องใหญ่ๆไขปมได้หมด อยากให้ตำรวจทุกคนตั้งใจทำงานแบบ ผู้กำกับคนนี้ค่ะ
คนที่ 2 พลตำรวจโท ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ชอบเพราะเป็นผู้นำทัพนครบาลได้ดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ทำงานฉับไว เข้าใจลูกน้อง มีความตรงไปตรงมา ใส่ใจทุกรายละเอียด และมีผลงานที่ดีกว่า ผบช.น. คนอื่นๆที่ผ่านมาในความคิดเขี้ยวนะคะ ความคิดคนอื่นเป็นไงไม่ทราบเหมือนกัน
Q :: นักข่าวสายตำรวจที่เราคิดว่าเค้ามีทั้งศักยภาพ คุณภาพ?
K :: เขียนถึงเพื่อนตัวเองได้มั้ยค่ะ? … คิดว่าเป็น น้ำสีฟ้าช่อง INN ค่ะ ไม่ถึงกับเป็นนักข่าวรุ่นเก่ามาก เป็นรุ่นกลางๆที่มีความสามารถในการประสานงานหลายด้านรู้ข่าวฉับไว ช่วยเหลือเพื่อนทุกครั้งที่ต้องการงานด้านข่าว เปิดหน้าทำงานก็เก่ง เป็นที่ยอมรับของเพื่อนนักข่าวรุ่นพี่และเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน เด็กรุ่นใหม่ หรือพี่ๆรุ่นเก่าๆ ไม่มีใครไม่รู้จักน้ำแน่นอนค่ะ ถ้าไม่รู้จักต้องพิจรณาตัวเอง ย้ายสายได้เลย 555 เพราะตอนนี้กำลังจะยกให้นางเป็นเจ้าแม่สายตำรวจแทนเจ้าป้าตุ๊กตา เนชั่นทีวี ที่อำลาวงการไปแล้วค่ะ น้ำรัก INN มาก ชาตินี้นางคงไม่ย้ายไปทำที่อื่นแล้วค่ะ
ถือเป็นหัวกระทิของINN เพราะน้ำอยู่มาตั้งแต่ต้น ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีใครเก่งกว่าน้ำเพื่อนเราอีกมั้ย แต่ในสายตาเขี้ยว ก็ต้องยกให้น้ำเป็นที่ 1 ค่ะ อวยกันเอง คงไม่น่าเกลียดใช่มั้ยค่ะ (หันมาถามคนเขียน)
ส่วนอีกคนคือ ก๊อฟฟี่ ไทยรัฐออนไลน์ คนนี้เก่งเรื่องแหล่งข่าว มีแหล่งข่าวในมือเยอะมากทุกสายทุกด้าน ทำงานได้หลายหน้า ทั้งทีวี นสพ. วิทยุ ออนไลน์ นางทำมาหมดแล้วจริงๆ.. ถามจะเอาข้อมูลด้านไหนสัมภาษณ์ใคร ต้องถามกอฟฟี่ เพราะนางไวสุดแล้ว ที่สำคัญนางเป็นคนรักตำรวจทุกนาย หวังดี ปราถนาดี และมีทัศนะคติที่ดีกับตำรวจ มองลบให้เป็นบวกตลอด ….
สโลว์แกน “เพื่อนเจ็บก๊อฟเจ็บ เพื่อนหายเจ็บแล้วก๊อฟไม่หาย โกรธต่อแทนเพื่อน 555” ทะเลาะกับใครอย่าไปฟ้องกอฟฟี่ เพราะเพื่อนนางเจ็บนางไม่จบ…นางเก่งและร้าย แต่คงร้ายไม่ได้สักครึ่งนึงของเขี้ยว เพราะเขี้ยวร้ายกว่านางมาก อันนี้พูดเลย อิอิ (แซวเพื่อนขำขำนะค่ะ) ส่วนเรื่องรักที่ทำงานมั้ย อันนี้ คอนเฟริมไม่ได้เลย ดูจากลักษณะการเปลี่ยนผู้ชายของกอฟฟี่ นางเปลี่ยนจนเพื่อนยังไม่ทันรู้จักแฟนเก่านางเลย เปลี่ยนอีกแล้ว “ต้องยกให้นางเป็นนักฆ่าเรื่องความรักด้วยนะค่ะ ฆ่ามาหลายศพ” 555
คนสุดท้าย น้องปุ๋ย มติชนทีวี นักข่าวรุ่นใหม่ไฟแรง ขยัน เนื้องานดี มีความอดทน เป็นที่รักของพี่ๆ คนนี้อนาคตก้าวไกล 100% เขี้ยวฟันธง น้องปุ๋ย รักมติชนทีวี มากๆ ใครชวนไปทำงานที่อื่นเงินเดือนมากกว่าแค่ไหนก็ไม่ไป จะอยู่แต่ที่มติชนอย่างเดียว เขียนเรื่อง เขียนข่าวพริ้วตลอด ถึงตัวจะอ้วนไม่พริ้ว แต่งานพริ้วมาก รวดเร็ว เข้าถึงแหล่งข่าว
น้องปุ๋ย ใจถึงพึ่งได้ พี่ๆน้องๆพึ่งพาขอข่าว ถามอะไรได้หมดเหมือนอับดุล อยากให้จับตามองเลยค่ะ คนนี้เก่งจริงๆ ใครไม่รู้จักปุ๋ยมติชนทีวี ต้องไปหาข้อมูลเลยนะค่ะ คนนี้แหละค่ะ “ที่พึ่งสุดท้ายที่หมายพึ่ง” ไม่ต้องไปถึงกองปราบ มาหาปุ๋ยๆก็จัดให้ได้ค่ะ
Q :: ทุกครั้งที่ ตำรวจเสียชีวิต หรือ บาดเจ็บ – โดนรังแกในรูปแบบไหนก็ตาม เรารู้สึกอย่างไร
K:: เสียใจค่ะ บางครั้งวงการข้าราชการไทย ตำรวจ ทหาร นักการเมืองไทย ไม่มีความเท่าเทียมเสมอภาค …ตำรวจเหมือนจะถูกกดให้ต่ำสุดและรองรับความอดทนต่างๆ ยอมรับความเปลี่ยนแปลงบ้าๆบอๆในบางเรื่องซึ่งไม่น่าจะยอม ยิ่งถ้าตำรวจเจ็บหรือเสียชีวิตยิ่งไม่ต้องพูดถึง เสียใจแทนมหาศาล แต่เราเป็นแค่สื่อมวลชนตัวเล็กๆ ทำได้ดีสุดคือเสนอข้อเท็จจริง และหวังว่าภายภาคหน้าตำรวจจะไม่ต้องมาอยู่ใต้อำนาจความบ้าบอนี่สักทีค่ะ
Q :: คิดว่าว่าตำรวจมีบทบาทอย่างไรกับสังคมไทย ?
K :: ตำรวจ สำคัญนะ เพราะมีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนก็ต้องคิดถึงตำรวจก่อนเสมอ ทั้ง งูเข้าบ้าน รถชน ขโมยขึ้นบ้าน ตบกับเพื่อนบ้าน หรือแม้กระทั่งของหาย แต่เพราะตำรวจใกล้ชิดประชาชนมาก และอาจจะเพราะมีตำรวจนอกแถวอยู่บ้าง ก็ทำให้ภาพลักษณ์ไม่ค่อยดี ซึ่งเราเชื่อว่าไม่มีใครเกลียดตำรวจจริงๆหรอก เค้าอาจจะแค่ตำหนิ ในบางเรื่อง ที่ไม่เห็นด้วย ฝากเป็นกำลังใจให้ตำรวจทุกๆนายนะค่ะ สู้ๆอดทน สู้ไปพร้อมๆกับนักข่าวสายตำรวจนี่แหละค่ะ “เรารักตำรวจเพราะตำรวจดูแลเราค่ะ”