“เราเป็นซัพพอร์ตเตอร์ ทำยังไงก็ได้ให้หลังบ้านดี ทำให้บ้านเย็น ทำให้บ้านเป็นบ้าน ทำให้สามีมีแรงทำงาน ไม่ปวดหัวกับเรา ไม่สร้างปัญหา พอเลิกงานอยากกลับบ้านมาชาร์จแบต
อันนี้สำคัญ เพราะจะทำให้เขาประสบความสำเร็จในการทำงาน ทำให้เราภูมิใจ ลูกภูมิใจ”
ดร.นิ้น –สลิลาทิพย์ ทิพยไกรศร ผู้ช่วยคณบดี คณะการจัดการโลจิสติกส์และการคมนาคมขนส่ง สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ เผยในฐานะภรรยานายตำรวจ
เธอเป็นภรรยา ผกก.โฟล์ค–พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4บก.ปคบ. ที่ครบเครื่องในทุกมิติ
นอกจากเป็นผู้ช่วยคณบดี คณะการจัดการโลจิสติกส์ฯ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ แล้ว เธอยังเป็นที่ปรึกษาองค์กรรัฐและเอกชนอีกหลายแห่ง
ที่ปรึกษาด้านการจัดการความเสี่ยง บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด(มหาชน) , ที่ปรึกษาการจัดทำสถาปัตยกรรมองค์กร (EA) กองบัญชาการกองทัพไทย , ที่ปรึกษาการจัดทำยุทธศาสตร์ มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ , ที่ปรึกษาด้านการจัดการโลจิสติกส์และการจัดการความเสี่ยงให้กับองค์กรธุรกิจต่างๆ
รวมทั้งมีดีกรีเรื่องความสวยระดับประเทศ เคยได้รับรางวัลรองอันดับ1 เวทีประกวดรองนางสาวไทย ปี 2549 เรียกว่าสวยมงลงของจริง รวมทั้งเคยเป็นนักแม่นปืน ติดทีมชาติกีฬายิงปืน ปี 2548-2549 ด้วย
ดูจากโปรโฟล์แล้วเชื่อได้เลยว่าเวลางานต้องรัดตัวมากๆ แต่ดร.นิ้น สามารถวางแผนและบริหารเวลา บาลานซ์ระหว่างหน้าที่การงานกับครอบครัวได้อย่างลงตัว เป็นตัวอย่างให้กับหลายๆบ้านได้อย่างดี
“นิ้นเชื่อว่าคนเราถ้ามุ่งมั่นตั้งใจและรู้จักวางแผน อยากทำอะไร ไม่ว่ากี่อย่าง เราทำได้ทุกอย่าง ถ้าเรามีความพยายามกว่าคนอื่น ไม่เลิกทำถ้ายังไม่สำเร็จ หลักในการทำอะไรก็สำเร็จของนิ้น คือ เราอยากทำอะไรต้องไม่เลิกทำ”
ดร.นิ้น บอกเมื่อถูกถามถึงวิธีการทำสิ่งต่างๆให้ประสบความสำเร็จ พร้อมยกตัวอย่างถึงกีฬายิงปืนกว่าเธอจะได้ขึ้นชั้นเป็นนักกีฬาทีมชาติ ว่า
เริ่มต้นยิงปืนตั้งแต่ 9 ขวบ คุณพ่อชอบยิงปืน จึงพาไปฝึก พาไปซ้อมยิง จากเป้าหมายแรกคือ ต้องการฝึกสมาธิ พอเราเริ่มฝึกฝน ก็ชอบ และลงแข่ง เราเคยได้รางวัลชนะเลิศเหมือนผู้ใหญ่ ยืนในแท่นรับรางวัลที่1 ก็รู้สึกภูมิใจและชื่นชอบ
ต่อมาเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เริ่มมีโค้ชยิงปืนจริงจัง ฝึกซ้อมทุกวัน เรียกว่าถ้าคิดจะทำอะไร ก็จะทำไม่เลิก ทำจนกว่าจะทำได้
หลังเลิกเรียนเราขี่รถจักรยานยนต์ระยะทาง 20กิโลเมตรเพื่อไปซ้อมทุกวันจันทร์–พฤหัสบดี และวิ่งออกกำลังกายวันละ 2 ชั่วโมง พอวันศุกร์นั่งรถทัวร์มากรุงเทพฯเพื่อซ้อมและคัดตัว พอวันอาทิตย์นั่งรถทัวร์จากกรุงเทพฯกลับไปเรียนที่เชียงใหม่ ไปถึงก็เช้าวันจันทร์พอดี อาบน้ำแต่งตัวไปเรียน
นอกจากนี้ ดร.นิ้น เล่าถึงวิธีคิดที่ดีมากๆที่ได้จากกีฬายิงปืน ว่า ในการยิงปืนเราเป็นคนลั่นไกเอง ฉะนั้นเวลาเกิดความผิดพลาด เราจะไม่โทษสภาพแวดล้อม ไม่โทษคนอื่น จะโทษตัวเอง
ตรงนี้เราส่งต่อให้น้องฟลิ้น – ด.ช.ณธรรม วงษ์กุหลาบ ลูกชายวัย 6 ขวบด้วย เราทำงาน มีลูก มีสามี มีครอบครัว วิธีคิดนี้มันช่วยได้มาก เวลาเกิดความผิดพลาด เราจะไม่โทษใคร เรากลับมาที่ตัวเองทุกอย่าง ตรงนี้มีผลมากๆเลย
“บางทีเราตัดสินใจผิด ถ้าเราโทษข้างนอกไปหมด เราก็ไม่ได้ปรับปรุงนิสัย ตรงนี้เป็นหัวใจสำคัญของการใช้ชีวิตคู่”
ดร.นิ้นเผย
เรื่องของการแบ่งเวลาระหว่างเรื่องงานกับเรื่องครอบครัว ดร.นิ้น บอกว่า
แม้ว่าตารางงานในแต่ละวันจะแน่นเอี้ยด แต่เราให้ความสำคัญกับการเป็นแม่และครอบครัวมาก่อนเป็นอันดับ 1 เสมอ การทำงานทำให้ชีวิตเรามีคุณค่า ใน 1 วัน เราวางแผนตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน ว่าต้องทำอะไรบ้าง เรียกว่าตารางงานรัดตัวเป็นรายชั่วโมง รายนาทีเลยก็ว่าได้
รวมทั้งแต่ก่อนเราอ่านข่าวด้วย กลับถึงบ้าน 22.00 น. ทำให้เรารู้สึกว่าไม่มีเวลาให้ลูก จึงตัดสินใจเลิกอ่านข่าว ทุกวันนี้ เวลา 20.00 น.เราจะต้องเป็นคนพาลูกเข้านอน
นอกจากนี้ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เราออกกฎของครอบครัว ว่าต้องไม่รับนัดอื่น ต้องอยู่กับลูกกับครอบครัว ถ้าใครมีนัดต้องขอวีซ่า แต่ตรงนี้ไม่รวมงานในหน้าที่ตำรวจของพี่โฟล์ค เรารู้หน้าที่เขาอยู่แล้ว เราโอเคอยู่แล้ว เราออกกฎเอาไว้ก่อนเพื่อให้ทุกคนจัดสรรเวลามาอยู่กับลูกและครอบครัว
ดร.นิ้น เล่าว่า
สมัยคบกับพี่โฟล์คแรกๆ ยอมรับว่าบางทีไม่เข้าใจตำรวจ ทำไมวันเสาร์อาทิตย์ต้องทำงานด้วย คุณพ่อนิ้นเลยเรียกเราไปคุยว่ามันคือธรรมชาติของตำรวจ เขาเป็นตำรวจอยู่ก่อนแล้ว เรามาทีหลัง เราต้องเข้าใจความเป็นตำรวจของเขา
เคยมีนะกินข้าวอยู่พี่โฟล์คต้องลุกไปทำงาน ไปเที่ยวต่างจังหวัดขับรถ3ชั่วโมง พอไปถึงพี่โฟล์คมีงานเราก็ต้องขับรถกลับกันเลย แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเป็นงานที่เขารัก พอเราเข้าใจตรงนี้ เราก็แฮปปี้มากๆ
ถามว่าใครไม่อยากนั่งกินข้าว ใครไม่อยากดูหนัง ใครไม่อยากอยู่กับลูก
แต่เมื่อเขาต้องทำงาน เป็นหน้าที่ ถ้าเราไปงอแง หรือหงุดหงิดเขาก็จะต้องรับความเครียดทั้งหมด เราคิดว่าถ้าเรารักเขา เราจะไม่ไปซ้ำเติมเขา เขามีความสุขที่จะทำมัน เราไม่ควรทำให้เขารู้สึกแย่เมื่อเขาทำงานที่เขารัก”
“ เมื่อเรามีลูกเวลาเราจะไปเที่ยวด้วยกันแล้วพี่โฟล์คเกิดมีงานพอดี ขณะที่ลูกเริ่มคาดหวัง เราก็ต้องจัดการครอบครัวให้ทุกคนมีความสุข เราพาลูกไปก่อน แล้วพอพี่โฟล์คทำงานเสร็จค่อยตามเราไป”
ดร.นิ้นเล่า
ด้านการสนับสนุนสามีในเรื่องการทำงานและครอบครัว ดร.นิ้นบอกว่า
ชีวิตครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวตำรวจ เราเป็นผู้ตาม เป็นฝ่ายซัพพอร์ต แต่คนที่จะชี้ความเป็นไปของครอบครัวคือเมีย ถ้าเราเข้าใจ เราช่วยจัดการทุกอย่าง เขากลับมาบ้านแล้วสบายใจ เราทำบ้านให้น่ากลับ น่าอยู่ใกล้ ทำให้เขาอยากกลับ
“ในเรื่องงานเราจะไม่เข้าไปยุ่งกับเนื้องานของเขา เพราะเขาเก่งในงานของเขาอยู่แล้ว เขามีความสุขมากในเรื่องงาน
แต่ถ้าเขามาถามความเห็นในเนื้องานที่เรามีความรู้ความเชี่ยวชาญ เราก็จะแสดงความคิดเห็น เช่น เราเป็นที่ปรึกษาความเสี่ยง พอเราเห็นความเสี่ยงบางอย่างในเนื้อหา ในทางข้างหน้า เราก็จะบอกเขาว่าจะเสี่ยงแบบนี้นะ
“เราเป็นซัพพอร์ตเตอร์ เป็นฝ่ายสนับสนุน และต้องให้เกียรติเขา ถ้าเขาขอความเห็นเราก็ช่วยเต็มที่ แต่ในงานตำรวจก็จะมีเรื่องสายบังคับบัญชา ข้อกฎหมาย ที่เราไม่รู้ ซึ่งเราเชื่อว่าเขาเก่งในงานของเขาอยู่แล้ว”
ดร.นิ้นเผย
ถามถึงการดูแลลูก ดร.นิ้น บอกว่า
ตรงนี้พี่โฟล์คเชื่อในตัวนิ้นเป็นหลัก เราเป็นครู เราออกแบบการสอนลูกเอง โดยครอบครัวเป็นทีม ไม่มีใครแตกแถวเลย ทุกอย่างเป็นผลกับลูกอย่างรวดเร็ว เพราะทุกคนช่วยกัน
“ในการสอนลูกแต่ละเรื่อง เราจะอธิบายให้เขาฟังว่าเราสอนเพื่ออะไร อย่างเรื่องการสอนให้เขารู้จักการวางแผนสำคัญมาก เราสอนเขาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ เช่น วันเสาร์เราจะถามป๊ามีแพลนทำอะไร ฟลิ้นมีแพลนทำอะไร เรามีแพลนทำอะไร แล้วเอามาวางแผน
พอลูกเริ่มโตขึ้นก็ให้เขาวางแผนเอง ฟลิ้นต้องไปไหนก่อน กลับจากโรงเรียนต้องเปลี่ยนชุด ทำการบ้าน และอาบน้ำกี่โมง รวมทั้งสอนให้เขารู้จักดูแลคนอื่น เราชอบพี่โฟล์คตรงไหนเราก็หยิบตรงนั้นออกมา
เราเคยเอาเงินซื้อของไปให้คนอื่น พี่โฟล์คจะคอยบอกลูกว่า เห็นไหมแม่เขาให้แล้วแม่เขายิ้มใช่ไหม เรารู้ว่าสิ่งที่นำพาชีวิตไปในทางที่ดี เป็นเพราะวิธีคิดที่ถูกต้องที่เราสอนให้ลูก เราสอนคนมา 10 กว่าปี มีลูกศิษย์หมื่นๆคนแล้ว เราก็คิดว่าจะสอนให้เขาประสบความสำเร็จ”ดร.นิ้นเล่า
ด้านหลักคิดในการครองชีวิตคู่ ดร.นิ้น ยึดหลัก
1.การคิดแทนกันสำคัญที่สุด เวลาจะทำอะไรเราจะคิดว่าถ้าตัวเองเป็นเขาจะรู้สึกยังไง ถ้าเราทำสิ่งนี้แล้วรู้ว่าเขาไม่ชอบแน่นอน เราก็จะไม่ทำ ขณะเดียวกันเขาจะรู้ว่านิ้นไม่ชอบอะไร เขาก็จะไม่ทำ
2.สิ่งสำคัญที่สุดในการครองชีวิตคู่ เราต้องเชื่อมั่นในตัวเขา และเชื่อมั่นในตัวเองไปพร้อมๆกัน เชื่อว่าเราเลือกถูกคน เขาเป็นคนดี ซื่อสัตย์ ทำให้เราไม่ต้องไปตามจิก เชื่อว่าเขาเก่งเวลาอยู่ในงานของเขา และมั่นใจว่าเขารักเรา
3.เราต้องทำบ้านให้เย็น ทำให้ทุกคนอยากกลับบ้าน ทำบ้านให้มีความสุข พี่โฟล์คบอกว่า บ้านควรเป็นที่ที่คนหนีความเจ็บปวดกลับมาแล้วมีความสุข มีแต่คนอยากมาหา และ
4.ทำให้ตัวเองมีคุณค่า อันนี้สำคัญมากในการครองชีวิตคู่ เป็นความลับของครอบครัวที่ทำให้มีความสุขทุกครอบครัว พอเรารู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถ เราก็จะรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าโดยที่ไม่ต้องเรียกร้องจากสามี หรือเรียกร้องจากคนอื่น เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีการเรียกร้องก็มักจะเกิดความขัดแย้ง
ถามถึงกิจกรรมในครอบครัว ดร.นิ้น บอกว่า ทำอะไรก็ได้ที่ได้อยู่พร้อมหน้ากันพ่อแม่ลูก
อย่างช่วงนี้ก็จะชวนกันตีกอล์ฟ พี่โฟล์คเล่นกอล์ฟ ให้ลูกเรียนกอล์ฟ พี่โฟล์คบอกว่านิ้นควรมาหัดเรียนตีกอล์ฟด้วย วันหนึ่งมันจะดีมากถ้าเราได้ออกรอบด้วยกันพ่อแม่ลูก
จากโปรไฟล์ ดร.นิ้น ที่เก่งแบบครบเครื่อง ตลอดจนวิธีคิดในการครองชีวิตคู่ การเป็นคู่คิดที่ดี การวางแผนดูแลและสอนลูก
เรียกได้ว่า ผกก.โฟล์ค เป็นผู้ชายที่โชคดีมาก
ปร์วีร์22/1/65