Hero ตำรวจหนุ่มดังชั่วข้ามคืน ช่วยชีวิตเด็กจมน้ำ
ร้อยตำรวจโทอนุวรรตน์ รักษายศ
ชื่อตั้ม อายุ24 นตท 52 นรต68 จังหวัดสุราษฎร์
(ติดตามผู้บังคับการจังหวัดพังงา)
ช่วงบ่ายวันที่ 27 พ.ย.2559 เวลาประมาณ 14.45 น. วันหยุดของตำรวจหนุ่ม ซึ่งกำลังพักผ่อนจากการปฏิบัติหน้าที่ น้องตั้มจึงได้ชวนครอบครัวมาเที่ยวบริเวณอ่างเก็บน้ำร้อนไทรโสภา ต.ไทรโสภา อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี
โดยไม่รู้มาก่อนว่าวันหยุดจะตนเองจะกลายเป็น อีกหน้าบันทึกความทรงจำตนเอง…
ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเมื่อมีเด็กชายอายุประมาณ 7-9 ปี จมน้ำโดยลอยขึ้นมาจากสระน้ำ และมีพลเมืองดีนำเด็กขึ้นมาจากน้ำและขอความช่วยเหลือ แต่ชาวบ้านบริเวณนั้น ไม่ได้ทราบวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ชาวบ้านได้จับขาเด็กและห้อยหัวเด็กลงมาเขย่าหวังให้น้ำออกมาจากปอด น้องตั้มและพี่ผู้หญิงคนนึงจึงพยายามให้นำเด็กลงมานอนก็พื้นเพื่อจะทำการช่วยเหลือ ตามขั้นตอนการปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพ(cpr) ” ผมเรียนและรับการฝึกจาก รร เตรียมทหาร และโรงเรียนนายร้อยตำรวจมา แต่ยังไม่เคยได้ใช้กัยสถานการณ์จริง” แต่ณ ตอนนั้นผมตัดสินใจ โดยขั้นต้นได้ให้ชาวบ้านที่อยู่ในที่เกิดเหตุทำการแจ้งประสานกับทาง กู้ภัยในพื้นที่ ,191 ,1669 ,และทาง รพ พระแสง
“หลังจากนั้นได้ตรวจเช็คชีพจรและลมหายใจของเด็กปรากฏว่าหยุดการทำงานไปแล้ว ” อีกทั้งมูลนิธิกู้ภัยในพื้นที่ได้แจ้งกลับมาว่ารถของกู้ภัยเสียไม่สามารถนำส่งเจ้าหน้าที่มาได้อีกทั้ง รพ พระแสง ก็อยู่ห่างไกลจากที่เกิดเหตุ
“ขอให้เด็กมีชีวิตรอด แล้วปาฏิหารย์ก็ช่วยผม”
ผมจึงตัดสินใจทำตามขั้นตอน cpr โดยผมเป็นผู้เช็คระบบทางเดินหายใจและการเติมลมในปอด (ผายปอด) และให้พี่ผู้หญิงที่มาด้วยกันคนดังกล่าวทำในขั้นตอน นวดหัวใจ โดยกระทำประมาณ 5 รอบ “เด็กจึงมีชีพจรและสามารถหายใจได้และลำลักน้ำออกมา”
แต่ตอนนั้นเด็กยังไม่ได้สติ ผมรอรถของ รพ. เดินทางมายังไม่ถึงที่เกิดเหตุ จึงนำตัวเด็กขึ้นท้ายรถกระบะชาวบ้านแล้วโทรประสานนัดกับรถพยาบาลเพื่อรับเด็กระหว่างทางเพื่ออส่ง รพ พระแสงต่อไป โดยจากการตรวจเช็คเบื้องต้นเด็กมีความดันปกติและใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่ยังไม่ได้สติ ทางรพ พระแสง จึงนำส่ง รพ สุราษฎร์ธานีต่อไป
วันนี้ผมได้โทรประสานไปทาง รพ สุราษฎร์ฯ เด็กคนดังกล่าวฟื้นสติแล้วมีการตอบสนองปกติดี แต่มีอาการปอดติดเชื้อแทรกซ้อน จึงทำการรักษาพักฟื้นต่อไป. หญิงคนดังกล่าวทราบชื่อภายหลังคือนางสาวศิริพร แก้วเจริญที่ช่วยกันกับผม ต้องขอขอบพระคุณเช่นกันครับ
“ความเป็นตำรวจแม้ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่หรือใส่เครื่องแบบ ก็อยู่ในจิตวิญญานและสำนึกในหน้าที่ผมอยู่ตลอดเวลา นั้นคือสิ่งที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสอนมา”