Saturday, October 5, 2024
More
    Homeอาชญา (ลง)กลอนพระอรหันต์ไม่เดินห้าง

    พระอรหันต์ไม่เดินห้าง

    อาชญา​ (ลง)​ กลอน

    ธนก​ บังผล
    ยุคสมัยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว​ จากเคยยืนต่อแถวตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญ​ ทุกวันนี้มีสมาร์ทโฟนที่ทำได้สารพัดในเครื่องเดียว

    คนสมัยนี้เลยทำอะไรฉาบฉวยเป็นนิสัยและกลายเป็นวัฒนธรรมผิดๆโดยไม่รู้ตัว

    ในวงการสื่อมวลชน​ ข่าวในแต่ละวันแทบจะล้นโซเชียลมีให้เลือกอ่านเลือกดูกันหลายช่องทาง​
    เรียกได้ว่าเยอะจนหาคุณภาพและความถูกต้องไม่ค่อยมี
    โดยเฉพาะข่าวปลอมตัดต่อภาพมาสร้างความแตกแยกให้คนในสังคมทะเลาะกันเยอะมาก
             
    เมื่อสื่อแท้กับสื่อเทียมมาอยู่ปะปนกันบนโลกออนไลน์​ ก็เกิดการแข่งขันหารายได้จากยอดไลก์  ยอดแชร์​ เรตติ้ง​ ยอดขาย​ ซึ่งกระตุ้นให้นิสัยฉาบฉวยของคนทำงานมากขึ้น
             
    คดีปล้นร้านทองฆ่า​ 3​ ศพ​ ที่​จ.ลพบุรี​ เป็นกรณีล่าสุดที่สื่อโดนสับแหลกเรื่องจรรยาบรรณ
    เพจที่มีคนติดตามมากๆ​ ก็ใช้นิสัยเดิมๆครับ​ คือนั่งเทียน​ คิดเอาเอง​ เพื่อให้ข่าวมีความเคลื่อนไหวทุกวัน​
    บางเพจวิเคราะห์เอาเองเลยว่าเหตุเกิด​ จ.ลพบุรี​ ฆาตกรต้องเป็นทหารแน่นอน​ เอาลักษณะการแต่งกาย​ เสื้อผ้าที่ใช้​มานั่งจินตนาการ​ในออฟฟิศแอร์เย็นๆ
    มั่วเสร็จก็อัพข่าวขึ้นเพจเรียกยอดไลก์​ จรรยาบรรณวิชาชีพเป็นอย่างไร​ไม่รู้จัก
         
    ในขณะที่สื่อหลักลงพื้นที่ไปเฝ้าติดตามเกาะกระแส​ พูดคุยกับตำรวจรายงานความคืบหน้า​
    พอส่งข่าวขึ้นออนไลน์ก็ยังโดนพวกเพจข่าวเถื่อนหยิบไปลอก​ หรือไม่ก็ขโมยเอาไปจินตนาการต่อยอดกันซึ่งๆหน้าเลยก็มี ความน่าเชื่อถือของสื่อมันก็เลยถดถอยครับ​
    ผมเรียกมันว่ายุคเสื่อม​ เสื่อมจากตัวสื่อเองล้วนๆที่ไม่ยึดมั่นในจริยธรรมจนประชาชนไม่รู้สึกว่าเป็นที่พึ่งได้​
    เห็นแก่เรตติ้งเพื่อเอาไปขายโฆษณา​ หาเงิน​ เข้ากระเป๋า​ โดยไม่ดูสภาพเศรษฐกิจว่าหากช่องทางนั้นไม่ใช่แม่เหล็กของจริง​ ผู้ประกอบการก็ไม่อยากจะเสียเงินซื้อโฆษณาหรอกครับ
           
    สื่อส่วนหนึ่งมันเลยกลายสร้างวงจรอุบาทว์ขึ้นมา​ คือ​ เขียนข่าวมั่ว​ ไม่มีจรรยาบรรณ​ พอได้ยอดไลก์ยอดแชร์คนติดตามเยอะก็เอาไปขายโฆษณา​
    แต่ห้างร้านรัดเข็มขัดประหยัดค่าใช้จ่าย​ ก็เลยกลายเป็นจรรยาบรรณไม่มี​ เงินก็ไม่ได้​
           
    สื่อประเภทนี้เยอะมากนะครับ​ มีสารพัดรูปแบบกันเลย
           
    ในขณะที่คนข่าวยึดจรรยาบรรณกำลังจะอดตายกันไปทีละแห่ง​
           
    สื่อของจริงก็เหมือนตำรวจตัวจริงนั่นละครับ​ คือหากมีใครอ้างว่าเป็นตำรวจ​ ชาวบ้านจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นตำรวจจริง​ ส่วนมากก็เชื่อกันไว้ก่อนเลยว่าจริง
           
    การยึดจรรยาบรรณเป็นที่ตั้ง​ ไม่บิดเบือนข้อมูล​ นำเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา​ ทำงานด้วยความสุจริต​ ยึดระเบียบข้อบังคับรักษาจริยธรรมเพื่อไม่สร้างความเดือดร้อนหรือซ้ำเติมสังคมให้เลวร้ายลงไปอีก​
    สื่อที่ยึดจรรยาบรรณนั้นมีหลายแห่ง  หลายคน​ แต่มักไม่ค่อยมีคนพบหรือรู้ว่าเป็นของจริง​ เพราะเขาไม่อวดอ้าง​ แสดงตัว​ ใช้สิทธิพิเศษครับ
             
    ก็เหมือนกับตำรวจอาชีพของจริงที่ทำงานยึดมั่นในความสุจริต​นั่นละครับ​ ไม่มีใครแต่งเครื่องแบบเต็มยศไปนั่งร้านอาหารสั่งเครื่องดื่มจนเมาเละคาชุด​ ก่อนจะเบ่งกินฟรีไม่จ่ายตังค์​
           
    พฤติกรรมอย่างนี้ตำรวจของจริงไม่ทำกัน​ เขาไม่โชว์ให้ชาวบ้านเห็น
           
    เปรียบง่ายๆก็เหมือนพระอรหันต์นั่นละครับ​ พระท้ายแถวอาจจะออกมาเดินห้างสรรพสินค้า​เพื่อช็อปปิ้งหรือดูหนังเป็นประจำทุกวัน​ 
           
    แต่พระอรหันต์ไม่เดินห้างสรรพสินค้า​ เพราะรู้ว่าธรรมะไม่ได้อยู่ที่นั่น​ 
           
    พระอรหันต์ไม่เสียเวลาในการภาวนา​จิต​เพื่อไปหารายได้​ สะสมทรัพย์สินความสะดวกสบาย​ 
           
    นักข่าวตัวจริง​ ตำรวจของจริง​ ก็เช่นกันครับ​ ไม่พูดมาก​ ไม่อยากดัง​ ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน​ วัดกันที่ผลงาน
             
    สื่อของจริงไม่สนใจยอดไลก์หรือเรตติ้ง​ ตำรวจของจริงก็ไม่สนใจอยากดังอยากออกหน้ากล้องเพื่อจะเอาผลงานไปวิ่งหาตำแหน่งขอย้ายหน่วย
             
    บอกเล่ากันด้วยความอึดอัดครับ​ ตั้งแต่เห็นบางสื่อปล่อยคลิปวันเกิดเหตุยิงเด็กเสียชีวิต​ เรื่อยมาจนกระทั่งจับตัวคนร้ายได้​ ไม่มีวันไหนเลยที่ทำงานด้วยการยึดจรรยาบรรณ​
         
     ที่สำคัญคือ​ ไม่มีสักข่าวเลยในเพจเถื่อนพวกนี้ที่แสดงให้ประชาชนเห็นถึงจริยธรรมสื่อ
           
    ก็ได้แต่หวังว่าของปลอมที่รกวงการอยู่ทุกวันนี้คงจะเฉาตายหายไปเองในไม่ช้า​ 
    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments