Friday, April 19, 2024
More
    Homeท่องปทุมวันตร.ผม ต้องไม่เจ็บ ไม่ตาย และจับคนร้ายได้

    ตร.ผม ต้องไม่เจ็บ ไม่ตาย และจับคนร้ายได้

     ท่องปทุมวัน วันนี้ กากีกลาย จะพาไปรู้จักผู้การมหาชัย นายพลใหม่ป้ายแดงกันครับ

    พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร  จากเด็กหนุ่มบุรีรัมย์ เติบโตจากครอบครัวเกษตรกรรม แต่หลังจบมัธยมปลายที่ ร.ร.บุรีรัมย์พิทยาคม  ความตั้งใจที่จะเป็นทหารบกและเป็นหมอในครั้งแรก ต้องเปลี่ยนสายมาเป็นตำรวจเพราะตามใจพ่อ  กระทั่งจบ นรต.44

     

    วนเวียนรับราชการในเขตภ.2 และภ.7

    “เส้นทางชีวิตสีกากี บรรจุครั้งแรกที่ สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เป็นรอง สว.เป็นพนักงานสอบสวน 2 ปี  จากนั้นย้ายมาอยู่อำนวยการ ภาค 7  เรียนต่อปริญญาโท 2 ปี ที่ศาลายา มหาวิทยาลัยมหิดล คณะสังคมศาสตร์ สิ่งแวดล้อมเมื่อปี  2535   หลังจากนั้นย้ายไปเป็น รอง สว.ตำรวจทางหลวง ที่ชลบุรี อยู่ 3 ปี  ขึ้น สว.อยู่กองสรรพาวุธ ส่งกำลังบำรุง 2 ปี 

    จากนั้นย้ายไปเป็น สวป.พัทยา จ.ชลบุรี 4 ปี  เป็น รอง ผกก.ป.อยู่ที่ศรีราชา จ.ชลบุรี อีก 3 ปี แล้วย้ายมาอยู่ สภ.ด่านช้าง สุพรรณบุรี อีก 3 ปี  ขึ้น ผกก.ที่ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 1 ปี  ไปอยู่ ผกก.สภ.เมืองระยอง อีก 3 ปี ได้โรงพักดีเด่นอันดับ 1 ของภาค 2

     

    ได้ขึ้นเป็นรองผบก.อก. ภาค 2  1 ปี  เป็นรองผู้การจันทบุรี 5 ปี  รวมเป็นรองผู้การ  6 ปี ก่อนจะมาขึ้นผู้การที่นี่ เมื่อเดือน ต.ค.2560…….”ผู้การป้ายแดงเริ่มด้วยการเล่าเส้นทางชีวิต

                    

    4 ตำแหน่งหลักกำหนดทิศองค์กร

      “ผมมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะควบคุมอาชญากรรมให้ไม่เป็นที่เดือดร้อนกับพี่น้องประชาชน สร้างความสงบสุขให้ได้ในทุกมิติ  ผมมองว่าคนที่มีบทบาทในการที่จะทำตรงนี้ได้ ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ตามภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  หลักๆ ก็คือ ผกก.-ผบก.-ผบช. แล้วก็ ผบ.ตร.  4 ตำแหน่ง ในฐานะที่เป็นผู้นำหน่วย ที่จะขับเคลื่อนองค์กร เป็นไปในทิศทางที่เรากำหนดได้”

     

    “ช่วงที่ผมเป็นผกก.อยู่เมืองระยอง 3 ปี ก็ตั้งใจทำให้ผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรมชัดเจน คือโครงการโรงพักเพื่อประชาชน  ใช้เวลา 3 ปี จากโรงพักที่มีคดีอาชญากรรมสูง เกือบ 3,000 คดี ก็พยายามที่จะควบคุมอาชญากรรม  สร้างผลงานการปฏิบัติจนเป็นที่ยอมรับของประชาชน จนได้รับรางวัลชนะเลิศโรงพักดีเด่น อันดับ 1……”

                    

    เดินตามรอยไอดอลบิ๊กตร.ในอดีต

                 แบบอย่างไอดอลในการเป็นตำรวจ คือผมได้สัมผัสกับท่านภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ท่านวินัย ทองสอง  ท่านอัศวิน ขวัญเมือง ผมว่าท่านเหล่านี้เป็นนายตำรวจที่มีทั้งบุคลิกภาพ วิสัยทัศน์ในการทำงาน อะไรต่างๆ เป็นที่ยอมรับ ได้ร่วมงานกับท่านเหล่านี้ เห็นท่านเป็นตัวอย่าง เป็นแม่แบบที่ดี  ท่านอดุลย์ แสงสิงแก้ว ก็เป็น ผบ.ที่เป็นไอดอลผมนะ  มีทั้งบู๊ ทั้งบุ๋น ครบเครื่อง  

     

    จังหวัดเข้มแข็งถ้า ผกก.-ผบก.เข้มแข็ง

                    จนมาวันนี้ได้เป็นผู้การเมืองสำคัญ มีนโยบายอย่างเรื่องแรงงานต่างด้าว ในสเต็ปต์ 2 จาก ผกก.หัวหน้าโรงพัก เป็นระดับผู้บังคับการ ถ้า ผกก.กับผู้การ เข้มแข็ง การทำงานต่างๆในพื้นที่จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จะขับเคลื่อนไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสมุทรสาคร เป็นจังหวัดขนาดเล็ก 3 อำเภอ 5 โรงพัก แต่ปัญหาความเจริญของเมือง ไม่ว่าจะเป็นของกิน สถานที่ท่องเที่ยว หลากหลายมิติ 

     

    มีทั้งในแง่ของโรงงานอุตสาหกรรม แรงงานต่างด้าว ทั้งภาคเกษตร และภาคประมง ก็หนาแน่น ก็มีปัญหาหลายมิติที่เห็นกัน  อย่างปัญหาเรื่องแรงงาน เรื่องของการประมง การค้ามนุษย์ อันนี้เป็นนโยบายระดับประเทศ เป็นนโยบายของรัฐบาล ประเทศเรามีปัญหาที่ละเอียดอ่อน ฉะนั้นต้องแก้ไขปัญหาตรงนี้เพื่อจะตอบโจทย์กับอียู หรือไม่ว่าจะเป็นอะไรต่างๆ

                   

    ร่วม “ศรชล”แก้ปัญหาค้ามนุษย์

    ตรงนี้มีการประสานการทำงานบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในชื่อของ ศรชล แก้ไขปัญหาในมิติของแรงงาน ความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อจะตอบโจทย์ของรัฐบาล  เป็นปัญหาระดับประเทศ เนื่องจากรัฐบาลต้องตอบโจทย์เรื่องค้ามนุษย์ ต่ออียู ที่เราจะขึ้นจากเทียร์ 3  อย่างสมุทรสาคร เป็นตำบลกระสุนตก ก็เป็นปัญหาขึ้นมา ฉะนั้นปัญหาต่างๆ ที่เคยมีมาในอดีตก็ได้รับการแก้ไข ผมก็มาต่อจากตรงนี้

     

    สถานการณ์มันก็เริ่มปรับตัว ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือมากขึ้น การเข้มงวดของข้อกฎหมายของเจ้าหน้าที่ก็ตรงไปตรงมา สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้  ส่วนปัญหาสังคมอื่นๆสภาพอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นจากกลุ่มแรงงานต่างด้าว หรือของคนไทย เราก็พยายามควบคุม วิเคราะห์ แล้ววางมาตรการดำเนินการที่จะรองรับสถานการณ์

                    

    อายุเฉลี่ยตำรวจ 44-46 ปี แก่แต่ต้องแกร่ง

    นอกจากสภาพปัญหาของสังคมโดยรวมแล้ว ปัญหาภายในขององค์กรตำรวจเราเอง  ขณะนี้มีปัญหาอุปสรรคในเรื่องกำลังพล คือทุกที่ทุกจังหวัด สภาพกำลังพลของตำรวจ จากเดิมที่เคยรับตำรวจ เคยผลิตจากโรงเรียนพลตำรวจ โรงเรียนนายสิบประมาณ 1,000 คน ในอดีต

    แต่ช่วง 10-20 ปีหลัง รับเพียง 100-200 ทีนี้พอกำลังพลที่เข้ามาทดแทนมันน้อย อายุเฉลี่ยของตำรวจขณะนี้อยู่ในช่วงประมาณ 44-46 ปี   มันเริ่มแก่แล้วนะ  ก็มีคำถาม จะทำยังไงให้ตำรวจที่อายุขนาดนี้ต่อกรกับอาชญากรรมที่มีอายุเฉลี่ย 20 ปี บวกลบ

    ไม่ว่าเรื่องของยาเสพติดก็ดี มีการใช้อาวุธตลอด ผมก็เห็นปัญหาตรงนี้ เลยมาคุย มากำหนดมาตรการ ตำรวจต้องแข็งแกร่ง อย่าปล่อยตัวโทรม ไม่ฟิตไม่ได้ แล้วจะทำยังไงให้แข็งแกร่ง ให้เก๋า  ก็เน้นให้เขาออกกำลังกาย เทสต์ร่างกาย แล้วให้ทุกโรงพัก จัดแข่งขันกีฬา ออกกำลังกาย แล้วก็ส่งเอกสารว่ามีความฟิตของร่างกายเท่าไหร่ เอวลดลงเท่าไหร่ ให้แต่ละโรงพักเขาทำ ผมก็จะสำรวจ แล้วไปประเมินอีกที ว่าเป็นยังไงในแต่ละไตรมาส 3 เดือน แข็งแรงขึ้นมั้ย  

     

    ตร.ต้องไม่เจ็บ ไม่ตาย จับกุมคนร้ายได้

    คือจะทำยังไงว่าให้จิ๋วแต่แจ๋ว อย่างน้อยร่างกายต้องได้ก่อน ต้องแข็งแรง พร้อมปฏิบัติการตามยุทธวิธีอะไรต่างๆ ก็เอายุทธวิธีต่างๆ มาไรท์ลงซีดีนะ ให้เขาไปฝึก ไปทำ ผมก็ประเมิน ก็ติดตามอยู่ เห็นภาพอยู่ เพราะทำอย่างไร ตำรวจเราเวลาไปปฏิบัติการ 1.ยุทธวิธีต้องเหนือกว่าคนร้ายในการจับกุมยาเสพติด ทำอย่างไร ต้องไม่เจ็บ ไม่ตาย 2.จับกุมได้

     

    ในทุกมิติ ก็พยายามเอาบทเรียนเหล่านี้มาให้เขาไปฝึก ฝึกจนเกิดความชำนาญ แล้วผมก็ให้นโยบายไปเลย ว่า ตำรวจผมต้องไม่เจ็บไม่ตาย  แต่ยุทธวิธีคุณต้องได้เปรียบ ก็ให้แนวทาง ให้นโยบาย ข้อหนึ่งของนโยบายที่ให้ทุกโรงพักไปทำ ก็คือ ต้องไม่เจ็บ ต้องไม่ตาย แล้วต้องจับได้ จึงต้องอยู่ที่การฝึก 

     

    ยกกล้องวงจรปิดเป็นพระเอก 

    นอกจากตรงนี้ก็เรื่องของงบประมาณ พราะเราอยู่ในจังหวัดที่ศักยภาพ โรงงานเยอะ  ก็จะให้ภาคประชาชน เข้ามามีส่วนร่วม   เพราะฉะนั้นก็ในภาคของ ก.ตร.ก็ดี ก็ได้รับการสนับสนุนอย่างดี ในแง่ของงบประมาณ ในแง่ของความคิด ว่าเขาจะช่วยติดตามกำกับดูแลการทำงานการขับเคลื่อนของตำรวจในการดูแลพี่น้อง ประชาชนอย่างไร เวทีของ ก.ตร.จะมีส่วนร่วม แล้วในเรื่องท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผมมอบหมายให้หัวหน้าโรงพักไปประชุมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกเดือน

     

    สิ่งที่ผมอยากเห็นในระดับท้องถิ่น ขอกันง่ายๆ คือเรื่องกล้องวงจรปิดติดรถ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รถทุกคัน ถ้ากำนัน ผู้ใหญ่บ้านติดทุกคัน ก็จะเป็นสายตรวจที่ดีในทุกพื้นที่ ถ้าติดหมดนี่ 3 อำเภอ เราจะมีกล้องอยู่ตั้งเป็น 1,000 ตัว

     

    กล้องวงจรปิดผมถือว่าเป็นพระเอก แล้วภาคโรงงาน เรามี 5,000 กว่าโรงงานๆ มีรถขนส่งจากโรงงานแต่ละโรงงานไปทั่วประเทศ ก็ติดหน่อย ในส่วนของตำรวจก็มีมือถือ ตอนนี้สมาร์ทโฟน มันใช้ได้เยอะ  ก็จะใช้สมาร์ทโฟนควบคู่กับการทำงาน ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยในการป้องกันปราบปราม เพราะฐานข้อมูลมันจะมีหมดอยู่แล้ว 

    นี่คือส่วนหนึ่งวิสัยทัศน์ของผู้การมานะ ผู้การมหาชัยครับ 

    กากีกลาย8/1/61

     

     
    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments