Saturday, April 20, 2024
More
    Homeท่องปทุมวันตัวชี้วัดตอบโจทย์ของ”บิ๊กโอ๊ด”ผบช.ปส.

    ตัวชี้วัดตอบโจทย์ของ”บิ๊กโอ๊ด”ผบช.ปส.

     

    บิ๊กโอ๊ด-พล.ต.ท.ดร.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.)

    ลูกชายคนโตของ ด.ต.สุนิตย์ กับนางทองจันทร์ สงวนโภคัย เกิดที่จ.กาญจนบุรี  มาโตที่นครปฐมและกรุงเทพฯ  

    เด็กๆตั้งใจจะเป็นวิศวกร พอจบสวนกุหลาบ(รุ่น 101) ชีวิตเปลี่ยนเพราะพ่อขอร้องให้ไปสอบตำรวจ เด็กหนุ่มไม่ขัดใจ สุดท้ายสอบตำรวจติด ชีวิตเลยผกผัน เพราะรักษาคำสัญญาที่ให้กับพ่อไว้  

    เส้นทางรับราชการหลังจบเตรียมทหาร รุ่น 25 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 41 บรรจุครั้งแรก ปี 2531 เป็นรอง  สว.ส.สน.ดอนเมือง สวป.เมืองสมุทรปราการ  รอง ผกก.(ป.)สภ.อ.พนมสารคาม ภ.จ.ฉะเชิงเทรา

    ผกก.ปพ.ศูนย์สืบสวนสอบสวน ภ.2  ผกก.สภ.บางละมุง ภ.จว.ชลบุรี  ผกก.สภ.เมืองพัทยา ภ.จว.ชลบุรี รอง ผบก.ภ.จว.ระยอง ภ.2 รอง ผบก.สืบสวน ภ.2 รอง ผบก.ป. ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ภ.5 รอง ผบช.สตม.รอง ผบช.ภ.7 ก่อนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผบช.ปส.

    นอกจากคุณวุฒิปริญญาตรี  รัฐประศาสนศาสตร์ จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (รุ่นที่ 41) ช่วงเป็นรองสารวัตรยังบินไปเรียนปริญญาโทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จบบริหารธุรกิจ จาก KENTUCKY STATE UNIVERSITY  ก่อนวางแผนเรียนต่อจบปริญญาเอก  รัฐประศาสนศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต จาก UNIVERSITY OF NORTHERN PHILIPPINES

    ผลงานสำคัญของบิ๊กโอ๊ด

    1. ได้รับรางวัลชุดปฏิบัติการตำรวจชุมชนและมวลชนสัมพันธ์ดีเด่น ของตำรวจภูธรภาค 1 ปี 2541

    2. ได้รับรางวัลสถานีตำรวจภูธรที่มีผลการฝึกดีเด่น ของตำรวจภูธรภาค 3ปี2541

    3. ได้รับรางวัลตำรวจที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีเด่น ของตำรวจภูธรภาค 1 ปี 2541

    ช่วงเป็นผู้การเชียงใหม่ ปี2559-2560 จัดทำยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยแหล่งท่องเที่ยว ด้วยระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดอัจฉริยะ(Smart CCTV) ตามโครงการ Smart City เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน

    ขับเคลื่อนตำรวจเชียงใหม่ จับกุมคดีอาชญากรรมและยาเสพติดรายใหญ่ จนได้รับรางวัลของตำรวจภูธรภาค 5

    ได้รับรางวัลโครงการศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ดีเด่น ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2559และ ได้รับคัดเลือกเป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2560

    เจ้าตัวบอกชีวิตราชการไม่ค่อยหวือหวา เพราะส่วนใหญ่อยู่ในหน้างานบริหาร เป็นนักประสานงาน ไม่ได้ไปทำคดีแบบบู๊แบบนักสืบ คล้ายๆจะเป็นเสธ.อยู่ในฝ่ายอำนวยการ ในเรื่องของการบริหารมากกว่า  

    บิ๊กโอ๊ดลำดับชีวิตราชการและผลงานที่ผ่านมา ก่อนจะมานั่งเก้าอี้ปราบปรามยาเสพติด

    หน้างาน ปส.เน้นปราบปราม งานยาเสพติดนี่ต้องสนองนโยบายรัฐบาล กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เราเป็นหน่วยหนึ่งที่ต้องขับเคลื่อนในมิติการปราบปรามมากกว่าการป้องกันโดยเฉพาะบช.ปส.เป็นหน่วยงานสนับสนุนพื้นที่ ถ้าพูดง่ายๆเน้น   เรื่องจับ จับเม็ดเป็นเรื่องของการสกัดกั้นเพื่อไม่ให้ปริมาณยาแพร่กระจายไปในพื้นที่ชั้นในหรือว่าต่างประเทศ และการขยายผลยึดทรัพย์ถึงตัวผู้ค้า

    หนักยึดทรัพย์ตัดวงจรค้ายา แต่เราเน้นจับกุมขยายผลยึดทรัพย์ตัดวงจรคนค้ายาจริงๆ ถึงแม้จะไม่ได้ถึงกับตัวการใหญ่ แต่สามารถที่จะหยุดยั้ง อย่างน้อยยังดีกว่าจับนักขน นักบิน ตอนนี้กำลังขับเคลื่อนตามมาตรการตามนโยบายรัฐบาลเรื่องการยึดทรัพย์

    เพราะฉะนั้นปีนี้จะไม่ค่อยเห็นในเรื่องของการจับเม็ด  เราขยายผลยึดทรัพย์ได้เป็นล้านสองล้านยังดีกว่าจับ 5 ล้านเม็ด หรือ10 ล้านเม็ด  มันได้แค่ตัวคน

    ยุทธวิธีถูกปรับเปลี่ยน เพราะฉะนั้นวิธีการ และยุทธวิธีปีนี้จะแตกต่างออกไป จะปรับเปลี่ยน มีความซับซ้อนเพียงแต่ต้องยอมรับและเข้าใจบริบทตรงนี้ ท่าน ผบ.เอง ท่านเน้นเรื่องโครงการชุมชนยั่งยืน เพื่อลดความต้องการ คือการลดผู้เสพ แต่เราก็ต้องทำการยึดทรัพย์ควบคู่ไปด้วยกัน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดตัวหนึ่งของรัฐบาล

    ไม่รู้ยอดผลิตยานรก เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราจับกุมได้แล้ว ผลลัพธ์มันเป็นอย่างไร จับได้มากหรือน้อยลง เพราะเราไม่รู้ปริมาณการผลิต เราอาจจะจับได้แค่ 1% หรืออาจจะจับได้ 50% หรือ 60% ของการผลิตก็ได้ แต่พวกนี้ ถ้าเราจับได้ปุ๊บ มันจะผลิตทดแทนออกมา ไม่รู้ว่ามันทดแทนเท่าไหร่ อาจจะเพิ่มมากขึ้นไปอีก                

    ทำข้อมูลเครือข่ายทั้งประเทศ เลยปรับวิธีคิด วิธีทำงานของตำรวจ ปส.ใหม่ ว่าเราคงไม่ไปมุ่งจับเม็ด เพราะเราเอาข้อมูลที่หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ทั้งหมดมาจัดเก็บ รวบรวมมาเข้าระบบ ทำเรื่องเครือข่ายเพื่อยึดทรัพย์ ผมเน้นทำงานแบบนี้ ไม่ได้ให้ลูกน้องไปไล่จับเม็ด แต่ถ้ามีปฏิบัติการอันไหนที่มันต้องดำเนินการ แล้วเราทำได้ ก็ต้องดำเนินการไป  

    ยึดทรัพย์เกือบ 400 ล. ในส่วนของยอดการจับกุมยึดทรัพย์ตอนนี้ เราได้เกือบ 400 ล้านแล้ว ยธ.โดย ป.ป.ส.เขาตั้งเป้าไว้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท แต่ บช.ปส.เอง เราเป็นหน่วยที่ต้องไปดำเนินการ แล้ว ..ส.ก็ไปยึดให้เรา  ก็มียอดรวมกับ ป..ส. ก็อยู่ที่ 400 ล้าน ซึ่ง บช.ปส.เอง ได้รับเป้าหมายในการยึดทรัพย์ปีนี้อยู่ที่ 1,100 ล้านบาท

    นายทุนนักค้ายาต้องไม่มีที่ยืน จากที่เราได้รับโจทย์มาแบบนี้ เลยมาปรับวิธีทำงานใหม่ ไปจับเม็ดมา ตัวชี้วัดผมไม่เกิดประโยชน์ ปส.ควรจะเล่นตรงยึดทรัพย์ นายทุนต้องไม่ให้มันมีที่ยืน ยึดทรัพย์ไปเรื่อย ค้าได้ค้าไปเรายึดเงินเข้าหลวงหมด คือตัดวงจร จะเป็นแบบนี้  

    ส่วนการไม่ดำเนินคดีกับผู้เสพ หากผู้เสพสมัครใจ ผู้เสพเป็นผู้ป่วย ตรงนี้ ไม่กระทบกับ ปส.  ของผมส่วนมากเป็นการจับกุมรายใหญ่ แล้วเน้นเรื่องการขยายผลยึดทรัพย์ ส่วนการจับผู้เสพมันเป็นเรื่องของงานพื้นที่มากกว่า  

    ซับซ้อนตัดตอนเป็นช่วงๆ เราจับเยอะจริง แต่ปริมาณผลิตก็น่าจะเยอะ คือไม่มีใครรู้จริง  แหล่งผลิตเรารู้ชัดเจน  เรารู้ขบวนการ เรารู้แผนประทุษกรรม  แต่ด้วยรูปแบบตรงนี้ซับซ้อนขึ้น มันตัดตอนเป็นช่วงๆ ช่วงที่ 1 ไปช่วงที่ 2 โดยที่ช่วงที่ 2 ไม่รู้เลยว่า ยามายังไง ไปช่วงที่ 3  จนถึงปลายทาง ไม่ว่าจะออกทางโลจิสติกส์ หรือจะขนไปเองลงทางภาคใต้ หรือว่าไปประเทศที่ 3 มันตัดเป็นช่วงๆ ทำให้ทำงานยากขึ้น                

    ตรวจสอบยากการซื้อขาย อีกอย่างเราไม่เคยมองว่าพวกนักค้ามันจ่ายเงินค้ายากันยังไง เราไปมองเรื่องการจับเม็ดมากกว่า เราไม่ได้โทษใคร แต่เรามองว่า มันจับต้องได้ แล้วมีการปราบปรามอย่างชัดเจน แต่จริงๆแล้ว พวกค้ายาเองมีวิธีจ่ายเงินที่ยากต่อการตรวจสอบอยู่แล้ว ยิ่งต่อไป ยิ่งยากขึ้นกว่านี้  

    จ่ายเงินหลากหลายรูปแบบ ตอนนี้เราได้จากผู้ขน นักบิน เป็นกลุ่มๆ กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ เราต้องได้จากข้อมูลจากเล็กไปหาใหญ่ เพื่อให้ได้ข้อมูลเป็นเครือข่าย ต้องมารวบรวมข้อมูล สร้างเป็นเครือข่ายแล้วไปตามยึดๆ เช่น วิธีการจ่ายเงิน อาจจะมีหลายรูปแบบ อาจจะเป็นในเรื่องของความต้องการของฝั่งโน้น เช่น บางช่วงอาจจะต้องการเครื่องมือเกษตร บางช่วง ทอง บางช่วง รถ  

    คือมันแปรสภาพจากฝั่งนี้ไปเลย มันไม่ใช่ว่าโอนเงินไปฝั่งโน้น แล้วเอาเงินมาซื้อโน่นนี่นั่น ไม่ใช่ เพราะฉะนั้น วิธีการในการแปลงอย่างเช่นว่า เอารถเก๋งมาให้ 10 คัน แล้วจะจ่ายเป็นค่ายาไป วิธีการเป็นอย่างนี้  เป็นเงินแบบฟอกเสร็จแล้วส่งไป

    ประสานเพื่อนบ้านช่วยจับตา คือไม่มีคนวิเคราะห์ในหลักแบบนี้นะ  ไปพูดในหลักแบบว่า สกัดจับเม็ดมัน คือมันคนละมิติกัน เอาปูนแลกยา เอาทองบ้าง หรือเครื่องมือเกษตร หรือรถ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เขาต้องการ จะแปรรูปไปเลย นี่ แผนประทุษกรรมมันจะเป็นแบบนี้ ไม่ต้องเสียเวลาเอาเงินสด แล้วต้องไปซื้ออีกที ไม่ต้องเสียเวลาฟอกเงิน ตรงนี้ประสานกับทางเพื่อนบ้านอยู่  

    จับน้อยไม่ว่าแต่ต้องหนักยึด ช่วงนี้เลยต้องปรับวิธีคิดกับลูกน้อง เมื่อก่อนนี้มันจะไปทำงานแข่งกับพื้นที่คล้ายๆกับว่า ถ้าจับเม็ดไม่ได้ นายก็แดก ผมถึงบอกว่าไม่เป็นไร คุณจับเม็ดไม่ได้คุณจับได้น้อย แต่ผลยึดทรัพย์คุณต้องทำ

    เอาข้อมูลมาจาก 1.จากข้อมูลที่เราทำเอง 2.ข้อมูลของหน่วยปฏิบัติ ภาค 1-9และนครบาลที่จับกุมพวกนี้ ผมจะเอาข้อมูลมาแล้วเชื่อมโยงข้อมูล  เอาเข้ามาในบิ๊กดาต้าของผม  เอาไปดูว่ามันเป็นเครือข่ายไหม เราก็สืบทรัพย์ไปส่วนหนึ่ง กับละเลงหมายจับยาเสพติดไปส่วนหนึ่ง

    พวกที่ออกหมายจับมา แล้วยังจับไม่ได้ ก็จะไปสืบทรัพย์ที่ตามบ้าน ตามตรงนี้ตามยึดหมด คือการที่จะยึดมันได้ มันต้องออกหมายจับก่อน   

    ยอดยึดทรัพย์คือตัวชี้วัด เขาไม่ได้บอกให้ผมจับได้ 10 ล้าน เขาบอกให้ผมยึดทรัพย์ให้ได้ 1,100 ล้าน ถูกไหม ตัวชี้วัดผมเป็นแบบนั้น ส่วนจะได้หรือไม่ได้ก็อีกส่วนหนึ่ง แต่ผมบอกให้ลูกน้องทำให้เต็มที่ ต้องการสร้างระบบ แต่ถ้าเราเปลี่ยนตำแหน่ง ถามว่าแนวคิดนี้จะยังอยู่หรือไม่ ถ้าระบบเราดี ผมก็เชื่อว่าที่มาต่อเรา เขาก็จะใช้ ผมเชื่อว่าอย่างนั้น  

    บิ๊กดาต้าคือเขี้ยวเล็บปส. คือผมสร้างระบบ วิธีคิด วิธีทำงานให้ลูกน้องแล้วมันจะอยู่กับหน่วย เช่น ศูนย์ข้อมูลบิ๊กดาต้า ใครมาก็ต้องใช้ มันเป็นเครื่องมือของเรา  มันเป็นเครื่องมือทางปัญญา กับอาวุธ เทคโนโลยี ปัญญาเราคือเครื่องมืออันนี้

    ถ้ามีวิธีคิด วิธีทำงานให้เขา เรารู้ว่าอย่างนี้ กับสิ่งที่เรามีอยู่ ไม่ใช่ว่าเราก็อยู่ในโลกแคบๆ ของเราทำไมไม่ไปเอาข้อมูลจากในพื้นที่ ที่เขาก็ทำอยู่ จับอยู่ แล้วเราก็เอามาต่อจิ๊กซอว์หาเครือข่าย  

    ทำงานอิสระแต่มีระบบ ผมก็บอกว่า นโยบายผมอิสระ แต่มีระบบเพราะเราไปคอนโทรล  ไม่ใช่สืบคดีเหมือนพื้นที่สืบคดี มันต้องย้อนก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ มันต้องอิสระ แต่ต้องสร้างระบบให้เขา เด็กมันค่อนข้างกระตือรือร้น อิสระ แต่ต้องมีระบบ คือถ้าอิสระ แล้วคอนโทรลไม่ได้ เหนื่อยๆ  

    ต้องตัดวงจรรับจ้างให้ได้ ส่วนเรื่องยาเสพติดที่ผ่านเราไปแล้วออกประเทศที่ 3  มันมี 2 ส่วน คือลงมาในพื้นที่ชั้นในแล้วบริโภคเองภายในประเทศ  กับอีกส่วนหนึ่งคือผ่านไปประเทศที่ 3 มีอยู่ 2-3 แนวทาง คือโลจิสติกส์ ทางท่าเรือ ทางอากาศ

    ทำสงครามสีเทา อีกส่วนหนึ่งคือลงใต้ ไปประเทศที่ 3 อีกส่วนหนึ่ง  โซนอากาศ กับทางเรือ มันก็ไปอีกโซนหนึ่ง ทุกหน่วยต้องช่วยกัน กำลังผมเอง 1,300 กว่าคน ต้องดูแลทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นต้องสร้างระบบขึ้นมาให้ได้

    แต่ต้องยอมรับว่าเขาก็มีวิธีที่เดินนำหน้าเราไปเหมือนกัน เพราะมันคือความคุ้มค่า ค่าจ้างผลประโยชน์ ก็ยังจูงใจให้ทำ ฉะนั้นต้องตัดวงจรตรงนี้ให้ได้ เพราะมันคือสงครามสีเทา  

    จับคนไม่ได้-ยึดทรัพย์แทน ช่วงที่อยู่ พอจะให้ความมั่นใจกับประชาชนได้  ถ้าตราบใดที่ผมยังอยู่ จะไม่ให้มันมีที่ยืน จะทำตามที่ผมตั้งใจไว้ด้วยวิธีอย่างนี้ ผมจับคุณไม่ได้ ผมก็จะตามยึดทรัพย์ยึดเงินเข้าหลวง คนจะได้หรือไม่ได้ ไม่เป็นไร ผมเอาตังค์เข้าหลวง ถ้าคุณพิสูจน์ที่มาไม่ได้

    เช่นยึด 100 คุณอาจค้ายาเสพติดสัก 20-30 แต่คุณโดนยึดทั้ง 100 เลย  ผมจะไม่พิสูจน์ว่าอันไหนคือจากยาเสพติด เป็นหน้าที่คุณ เพราะคุณกระทำผิด แล้วให้มาชี้แจง ว่าเงินมาจากไหนๆ ถ้าชี้แจงไม่ได้ ก็คาไว้อย่างนี้   คือมันก็ใช้เงินไม่ได้ก็เป็นอย่างนี้ไป

    มั่นใจตัวชี้วัดตอบโจทย์ได้ ชั่วโมงนี้ยากกว่าเดิมเยอะ เมื่อก่อนวิวัฒนาการยังไม่ขนาดนี้ ชั่วโมงนี้ก็คงไม่ถึงกับเป็นรายใหญ่ จะเป็นในกลุ่มที่มันเฉพาะ ถึงบอกว่า คดีรายเล็ก รายใหญ่ของพื้นที่ ถ้ามีข้อมูลมา  ก็ต้องได้จากการซักถาม เวลาจับ เราจะเอาเข้าถังข้อมูล (Big Data) ไว้

    แล้วผมดึงข้อมูลทุกที่มาทำ อย่างเช่น ถ้าซ้ำกันหรือมีความเชื่อมโยงกันอย่างนี้มาต่อกัน เห็นภาพ ลิงค์ชาร์จ อย่างนี้โอเค ผมจะเน้นทำเรื่องขยายผลยึดทรัพย์ ทำตามตัวชี้วัด ผมว่าผมตอบโจทย์ได้

    อนาคตการทำงานจะลำบาก ตอนนี้ราชายาเสพติด ราชินียาเสพติด เป็นใคร มีรายชื่อหมด วิธีการยังเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนคน  รูปแบบ อะไรต่างๆเหมือนกัน ไม่ต่างกัน แต่อีกหน่อย เรื่องของนักค้า เรื่องการจ่ายเงินค้ายา ตรงนี้จะทำให้การทำงานของเราลำบาก เรื่องของการยึดทรัพย์ หนักใจตรงนี้ 

    สถานการณ์ต่อไปรุนแรงขึ้น สถานการณ์ยาเสพติดต่อไป ผมมองว่าเหนื่อย แม้ว่าเราทำงานเต็มที่คือต้องมองคำว่ารุนแรง ว่าดีมานด์กับซัพพลาย ในพื้นที่มันเป็นอย่างไร  มันไม่ใช่แค่กลุ่มยาบ้า เฮโรอีน กัญชา พวกนี้มันมีสารตั้งต้นอีก มันยังเป็นรายได้อันดับ 1 ของประเทศ

    ของเราแค่ยาฆ่าหญ้า ยังมีปัญหา โซเดียมไซยาไนด์ ยังผ่านไป แล้วบางทีก็รับมาจากที่อื่น แล้วก็ผ่านเราไปหน้าตาเฉย คือของเราทางการแพทย์ถูกต้อง แต่แล้วผ่านไป บางทีมันก็ทรานซิส สั่งทางโน้น แล้ววิ่งมาทางผ่าน   คือเราได้แต่มอง

    รอพ.ร.บ.ปลดล็อกกัญชา
    ในเรื่องปลดล็อกกัญชา ถ้ามองว่าไม่ใช่ยาเสพติด คือมันก็มีโทษ แต่ก็ใช้ประโยชน์ได้ทางการแพทย์ ก็ต้องชี้ไปทางนั้น ต้องสกัดทางการแพทย์อย่างเดียวตอนนี้แค่ยื้อเพื่อ พ.ร.บ.กัญชา ออกภายใน 120 วัน ถ้าออกแล้วก็ประกาศ มีผลบังคับใช้  ปลูกได้แต่ต้องใช้ในเรื่องของการสกัดทางการแพทย์

    ตำรวจต้องบังคับใช้กม.
    แต่การปลูกยังผิดอยู่ ตอนนี้ยังไม่ได้ จนกว่า พ.ร.บ.กัญชา จะออกมา คือตอนนี้ร่างประกาศของกระทรวงสาธารณสุข มันยังคาอยู่ จะมีผลใน 120 วัน คือมีผลจะเอากัญชาออกจากยาเสพติด ประเภท 5

     วันนี้ วันที่ 21 ก.พ.ยังไม่มีกฎหมายรองรับ การปลูกยังผิด ตำรวจมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ถ้าปลดล็อกแล้ว พ.ร.บ.ออกมาแล้ว เราทำตามกฎหมาย ถ้ากัญชามันไม่ผิด ก็ไม่ผิด

    แต่ตราบใดกฎหมายยังไม่ออกก็ยังถือว่าผิด ก็รอ 120 วัน ว่า พ.ร.บ.ผ่านหรือไม่ผ่าน ถ้าผ่าน ก็มีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ เราก็ถือปฏิบัติ เพราะว่าเราปฏิบัติตามข้อกฎหมาย

    ครับ….เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป จับเท่าไหรก็ไม่หมด มันก็ต้องใช้เกลือจิ้มเกลือ ค้าได้ค้าไป สืบรู้เมื่อไหร่ ยึดให้หมด ยึดไม่ให้มีที่ยืน ยึดให้มันจนยิ่งกว่าขอทาน เพื่อลูกหลานของเราจะได้ปลอดภัยจากพิษภัยยาเสพติดครับ

    กากีกลาย5/3/65

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments