Thursday, April 25, 2024
More
    Homeย่อโลกลูกหนังกับจู้กหู้กกู้วิจารณ์ได้แต่เชื่อไหม ?

    วิจารณ์ได้แต่เชื่อไหม ?

    กราบสวัสดี สวีดัส จู้กหู้กกู้ มาแล้ว มาแล้ว

    ช่วงปิดฤดูกาลที่ไม่มีฟุตบอลโลกคั่นกลาง อารมณ์ก็จะเหงาๆหน่อย ก็คงมีแต่เสียงวิจารณ์ในการย้ายทีมต่างๆ

    จู้กหู้กกู้ขอนำเสนอเรื่องวิจารณ์ในแค้มป์หงส์แดง เนื่องจาก 3 ประสานที่ดีที่สุดของยุคสมัยนี้ได้ถึงเวลาแยกย้ายกันเรียบร้อย…

    เริ่มจาก เจมี่ โอฮาร่า ระบุ ไม่ว่ายังไงก็ตาม ลิเวอร์พูล ต้องไม่ยอมเสีย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ออกจากแบบฟรีๆ โดยบอกว่าที่ผ่านมา “หงส์แดง” ดำเนินธุรกิจได้อย่างยอดเยี่ยม แต่กลับมาปล่อยให้เกิดสถานการณ์แบบนี้ซะได้

    ซาลาห์ เหลือสัญญากับทีมจนถึงช่วงซัมเมอร์ ปีหน้าเท่านั้น ทำให้อนาคตของเขาเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงหนักพอตัวในช่วงที่ผ่านมา

    ถึงแม้แข้งชาวอียิปต์จะบอกเองว่าพร้อมที่จะอยู่ช่วยทีมต่อไปในฤดูกาล 2022-23 แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ได้รับปากว่าจะต่อสัญญา

    นั่นหมายความว่าหากพอถึงช่วงเดือนมกราคมนี้แล้วยังไม่มีการขยายสัญญากัน ซาลาห์ ก็จะสามารถคุยเรื่องย้ายทีมแบบไร้ค่าตัวล่วงหน้ากับทีมจากต่างแดนได้ทันที ตามที่ระบุเอาไว้ในกฎบอสแมน

    โอฮาร่า ซึ่งเคยเล่นให้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ วูล์ฟแฮมป์ตัน กล่าวระหว่างร่วมรายการของ ทอล์คสปอร์ต สื่อกีฬาของอังกฤษว่า

    “เขากำลังจะเข้าสู่ปีสุดท้ายในสัญญาของตัวเอง และยังไม่ได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่เลย คุณก็เห็นกันแล้วว่า มาเน่ ย้ายออกไปแล้ว

    กรณีของ มาเน่ พวกเขาทำเงินจากเขาได้บ้างซึ่งถือเป็นการทำธุรกิจที่ดีนิดหน่อย เขาอยู่กับทีมมาอย่างยาวนานก่อนที่จะอยากย้ายออกจากทีมด้วยสาเหตุอะไรก็ไม่รู้ แต่ผมมั่นใจว่ามันเป็นเพราะเงินแน่ๆ”

    “อย่างไรก็ตาม กรณีของ ซาลาห์ น่ะมันกลายเป็นว่าเขาอาจจะย้ายออกจากทีมแบบฟรีๆ ก็ได้ และนั่นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล สร้างมาตรฐานในด้านการทำธุรกิจในฐานะสโมสรฟุตบอลได้ พวกเขาทำงานในด้านนั้นได้อย่างยอดเยี่ยม

    แต่พวกเขาต้องแก้ไขปัญหานี้ (การไม่เสีย ซาลาห์ ไปแบบฟรีๆ) ให้ได้ เพราะ โม ซาลาห์ ไม่ควรจะย้ายออกจากสโมสรฟุตบอลแห่งนั้นแบบฟรีๆ”

    มีย้ายออกก็มีย้ายเข้า จึงอยากให้ฟัง…

    “ร็อบบี ฟาวเลอร์” ตำนานของหงส์แดง เผย การทุ่มเงินซื้อ “นูเญซ” คือการเสี่ยงโชคครั้งใหญ่ของ “ลิเวอร์พูล”

    หลังจาก “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ บรรลุข้อตกลงในการคว้าตัว ดาร์วิน นูเญซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยของ เบนฟิกา สโมสรในลีกสูงสุดของโปรตุเกส มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 75 ล้านยูโร (ประมาณ 2,738 ล้านบาท)

    บวกกับแอดออนอีก 25 ล้านยูโร (ประมาณ 912 ล้านบาท) รวมเป็น 100 ล้านยูโร (ประมาณ 3,651 ล้านบาท) โดยเซ็นสัญญาร่วมงานกัน 6 ปี หรือจนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2028

    ราคาดังกล่าวทำให้ นูเญซ กลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรลิเวอร์พูล แทนที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่ย้ายมาจากเซาแธมป์ตัน ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,738 ล้านบาท)

    ล่าสุด ร็อบบี ฟาวเลอร์ อดีตกองหน้าระดับตำนานของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า

    “การสูญเสีย ซาดิโอ มาเน ออกจากทีม มันเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของลิเวอร์พูล เพราะเขาเป็นนักเตะที่มีฟอร์มการเล่นคงเส้นคงวามากที่สุดคนหนึ่ง

    ที่ผ่านมา มาเน ทำประตูได้ไม่ต่ำกว่า 20 ประตู ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลิเวอร์พูลจะก้าวขึ้นมาเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดทีมหนึ่งของยุโรป”

    “สำหรับมุมมองของผม ดาร์วิน นูเญซ นั้นแตกต่างออกไป ลิเวอร์พูลกำลังเสี่ยงโชคกับกองหน้ารายนี้ เพราะที่ผ่านมาเขาเพิ่งจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองได้เพียงแค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น

    แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะเล่นเข้ากับสไตล์การเล่นของลิเวอร์พูล และปรับตัวเข้ากับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกได้หรือไม่

    เพราะถ้าหากเขาทำไม่ได้แล้วละก็ลิเวอร์พูลจะต้องประสบกับการขาดทุนอย่างหนักอย่างแน่นอนเพราะลงทุนกับนักเตะรายนี้ไปถึง 100 ล้านยูโร”

    ถ้าพูดกันตามตรง การย้ายทีมของ นูเญซ ก็เหมือนกับการย้ายทีมของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ที่ย้ายไปร่วมทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตอนนั้นก็ไม่มีใครเชื่อฝีเท้าของแข้งรายนี้แม้แต่น้อย

    แม้ว่าเจ้าตัวจะยิงประตูมากมายที่ เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก แต่ก็อย่างว่าลีกออสเตรียไม่ใช่ลีกใหญ่ของยุโรป ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเสี่ยงในดีลนี้ เพราะขนาดลิเวอร์พูลที่มีโอกาสคว้าดาวยิงรายนี้เข้าสู่ทีม ก็ยังไปเลือกทาคุมิ มินามิโนะ”

    “ดังนั้นกรณีของ นูเญซ ก็เช่นเดียวกัน ถ้าหากเขาปรับตัวได้และระเบิดฟอร์มเก่งได้เหมือนกับ ฮาแลนด์ ทำที่ดอร์ทมุนด์ ลิเวอร์พูลจะกลายเป็นทีมที่โชคดีและได้ประโยชน์จากดีลการย้ายทีมในครั้งนี้แบบเต็มๆ และหลายทีมในโลกนี้จะต้องอิจฉากับการเซ็นสัญญาในครั้งนี้

    แต่ในทางกลับกัน มันก็เป็นตามที่ผมบอกลิเวอร์พูลจะต้องขาดทุนอย่างหนัก ดังนั้น นูเญซ จะเจ๋งจริงหรือไม่ เราก็ต้องรอดูผลงานของเขาฤดูกาลใหม่ที่จะมาถึง ผมเองก็ตื่นเต้นที่ได้เห็นเขาเล่นเช่นกัน แต่จากที่ดูผลงานเขาในฤดูกาลที่แล้ว เขาน่าจะพอต่อกรกับกองหลังในพรีเมียร์ลีกได้”

    สำหรับ นูเญซ วัย 22 ปี โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง ซัดไป 34 ประตู กับอีก 4 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 41 นัดรวมทุกรายการให้กับ เบนฟิกา ในฤดูกาลที่ผ่านมา โดยเขาสามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งปีกซ้าย, หน้าต่ำ และกองหน้าตัวเป้า

    สุดท้ายใครถูกใครผิด…แฟนบอลเป็นคนตัดสิน

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments