หกล้มในผู้สูงอายุ… ป้องกันอย่างไร…จะได้ไม่พิการ
พญ. พรศจี ทองชมภูนุช นายแพทย์ชำนาญการ กลุ่มงานเวชศาสตร์ฟื้นฟู
พญ. สุภาวดี เจียรกุล นายแพทย์เชี่ยวชาญ อายุรศาสตร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านสูงอายุ คลินิกสูงอายุคุณภาพ สถาบันประสาทวิทยา
ตามที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันที่ 3 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันคนพิการสากล และปัจจุบันประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ (Aged society) ในปี พ.ศ. 2564 และกำลังก้าวสู่สังคมสูงอายุเต็มรูปแบบ (Super aged society) ในอนาคต ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือเตรียมความพร้อมในการดูแล รวมถึงป้องกันความเสี่ยงภาวะทุพพลภาพ (ความพิการ) ในผู้สูงอายุ
เมื่อคนเราอายุมากขึ้นย่อมมีความเสื่อมของระบบต่าง ๆ ในร่างกายตามมา ส่งผลให้การควบคุมการทำงานต่าง ๆ ในร่างกายเปลี่ยนแปลงไป สิ่งหนึ่งที่มักพบในผู้สูงอายุคือการเดินที่ไม่มั่นคง เกิดจากการทรงตัวที่บกพร่อง จนนำไปสู่การหกล้มได้
ส่งผลกระทบหากรุนแรงอาจเกิดกระดูกหักในผู้ที่มีกระดูกพรุน บางรายเกิดการบาดเจ็บที่ศีรษะทำให้มีเลือดออกในสมองได้
การหกล้มส่งผลให้ผู้สูงอายุจำนวนหนึ่งไม่ยอมเดินซึ่งอาจเกิดจากอาการปวดหรือกลัวการหกล้ม ทำให้จำกัดการทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ นำสู่ภาวะถดถอยของสมรรถภาพร่างกาย เกิดภาวะทุพพลภาพ และติดเตียงตามมาในที่สุด
ปัจจัยเสี่ยงต่อการหกล้ม แบ่งได้เป็น 2 ประการคือ ปัจจัยภายในได้แก่ เพศหญิง อายุที่เพิ่มขึ้น การมองเห็นบกพร่อง เช่น ต้อกระจก ต้อหิน การทรงตัวและการเดินบกพร่อง การใช้ยาหลายชนิด(Polypharmacy) และผลข้างเคียงของยาบางชนิดซึ่งอาจทำให้มีอาการง่วง มึนงง เวียนศีรษะ เสี่ยงต่อการหกล้มได้ (ทั้งนี้การใช้ยาและปรับเปลี่ยนยาควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์) โรคประจำตัว เช่น โรคสมองและระบบประสาท โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคกระดูกและกล้ามเนื้อเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงต่อการหกล้ม
ปัจจัยภายนอก ได้แก่ สภาพแวดล้อมภายในบ้าน เช่น แสงสว่างไม่เพียงพอ พื้นเปียกหรือลื่น พื้นต่างระดับ การวางของระเกะระกะบนพื้น เป็นต้น
แนวทางการป้องกันการหกล้ม บุคลากรทางการแพทย์ควรค้นหาผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการหกล้ม โดยประเมินความเสี่ยงต่อภาวะหกล้ม ได้แก่ ซักประวัติการหกล้ม ทบทวนการใช้ยาของผู้สูงอายุ ตรวจร่างกายประเมินระบบประสาทสมอง กระดูกและกล้ามเนื้อ ท่าทางการเดิน การทรงตัว สายตาและการมองเห็น ประเมินสภาพแวดล้อมที่บ้านให้คำแนะนำการป้องกันการหกล้ม การปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยแก่ผู้สูงอายุ
แนะนำการใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน (Gait aids) ที่เหมาะสมในรายที่มีความจำเป็นต้องใช้ การออกกำลังกายที่แนะนำ ได้แก่ การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เช่น ยืนด้านหลังเก้าอี้ มือเกาะพนักเก้าอี้ไว้ เหยียดขาข้างหนึ่งไปข้างหลัง เกร็งกล้ามเนื้อค้างไว้ ออกเสียงนับ 1 ถึง 10 เป็น 1ครั้ง แล้วพักและทำแบบเดียวกันนี้กับขาอีกข้าง 10 ครั้ง/เซต วันละ 2-3 เซต เป็นต้น
การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการทรงตัว เช่น ยืนด้านหลังเก้าอี้ มือจับพนักเก้าอี้ไว้ ย่ำเท้าอยู่กับที่ไปมาโดยยกขา งอเข่าและงอสะโพกสลับไปมา 2 ข้าง ทำ 20 ครั้ง/เซต วันละ 2 เซต เป็นต้น การรำมวยจีน ไทเก็ก
การปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้สูงอายุหกล้มได้บ่อยคือพื้นลื่น ห้องน้ำควรมีราวจับที่ผนัง และใช้แผ่นยางกันลื่นหรือพื้นกระเบื้องชนิดไม่ลื่น มีแสงสว่างเพียงพอตามทางเดินบริเวณบ้าน ไม่วางสิ่งของเกะกะบนพื้นเพราะอาจสะดุดล้มได้ จัดวางของใช้ในที่ที่สะดวกต่อการใช้งานและในระดับความสูงที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้ต้องเอื้อมหรือปีนซึ่งเสี่ยงต่อการหกล้มได้ เป็นต้น
ทั้งนี้ การป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุทั้งที่ปกติและมีโรคจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยหลีกเลี่ยงลดปัจจัยเสี่ยงทั้งหลายดังกล่าว จะป้องกันภาวะทุพพลภาพในผู้สูงอายุได้
สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ มีให้บริการ “คลินิกสูงอายุคุณภาพ” ในวันพุธ สัปดาห์ ที่ 2 และ 4 ของเดือน โดย แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู กายภาพบำบัด กับทีมสหวิชาชีพเชี่ยวชาญ ได้แก่ อายุรแพทย์ จิตประสาทแพทย์ จักษุแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร นักจิตวิทยา พยาบาลส่งเสริม นักสังคมสงเคราะห์ ห้องปฏิบัติการ ดูแลร่วมกัน พร้อมให้ความรู้กับผู้ดูแล เพื่อให้ ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี ชีวีมีสุข
เอกสารอ้างอิง