การปรากฏตัวของ Nobody – “คนธรรมดานรกเรียกพี่” ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น-ทริลเลอร์ ผลงานกำกับของ “อิลยา ไนชูลเลอร์” ผู้กำกับหนังชาวรัสเซียในปี 2564
ถูกนำไปเปรียบเทียบกับภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญที่มีมาก่อนหน้าอย่าง John Wick ที่กลายเป็นภาพยนตร์แฟรนไชส์โด่งดังไปทั่วโลก
ทั้ง 2 เรื่องถือกำเนิดมาจาก “ดีเร็ค โคลสตัด” นักเขียนบทและผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชาวอเมริกัน เขาสร้างสรรค์และเขียนบทหนัง John Wick
ส่วนใน Nobody เขาเป็นผู้ร่วมอำนวยการสร้างและเขียนบท ความเหมือนของ John Wick และ Nobody ก็คือตัวละครเอกของเรื่องเป็นนักฆ่าชาย ที่มีอดีตอันลึกลับ มีฝีมือการต่อสู้ฉกาจฉกรรจ์ ทำงานให้กับองค์กรลับบางแห่ง
หลังจากรับใช้องค์กรมาอย่างโชกโชน พวกเขาก็เกษียณตัวเองเพื่อไปใช้ชีวิตธรรมดา ๆ กับครอบครัว ทว่าวันหนึ่งก็ถูกสถานการณ์บางอย่างกระตุ้นให้ต้องหวนกลับเข้าสู่เส้นทางงานแบบเดิม
ใน John Wick พระเอกขวัญใจคอหนังทั่วโลก รับบท “จอห์น วิค” (คีอานู รีฟส์) นักฆ่าที่วางมือแล้วและออกไปใช้ชีวิตสงบกับภรรยา แต่แล้วก็ต้องคืนสังเวียนเก่า เพราะต้องการแก้แค้นคนที่สังหารสุนัขของเขา ซึ่งเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายจากภรรยาผู้ล่วงลับ
ส่วน Nobody เป็นเรื่องของ “ฮัทช์ แมนเซลล์” (บ็อบ โอเดนเคิร์ก) พ่อบ้านหนุ่มวัยกลางคน ต้องออกมาแก้แค้นคนที่เข้ามาคุกคามครอบครัวของตนเอง
ทั้ง 2 เรื่องกลายเป็นหนังทำเงินอย่างงาม โดยเฉพาะ Nobody ภาคแรกที่ออกฉายในปี 2564 ใช้ทุนเพียง 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่กวาดรายได้ทั่วโลกไปราว 57.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งยังทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงการระบาดของโควิด 19
เมื่อได้ความสำเร็จท่วมท้น ย่อมถูกคาดหวังในการทำภาค 2 และในที่สุด Nobody 2 ก็ออกมาให้สนุกสะใจแฟน ๆ หลังจากทิ้งช่วงห่างภาคแรกถึง 4 ปี
ถ้าหากเทียบเหตุผลของการสร้างภาคต่อระหว่าง John Wick และ Nobody ก็อาจสรุปได้อย่างย่นย่อว่า John Wick พัฒนาจากการแก้แค้นส่วนตัวของตัวละคร “จอห์น วิค” ไปสู่การต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด จากนั้นเขาก็ท้าทายระบบอำนาจของโลกมาเฟีย เพื่อให้มาซึ่งอิสรภาพอย่างถาวร
แต่ Nobody ไม่ได้มีสเกลใหญ่อย่าง John Wick
หนึ่งในความต่างของตัวละครอย่าง “ฮัทช์ แมนเซลล์” และ “จอห์น วิค” ก็คือ “ฮัทช์ แมนเซลล์” มีครอบครัวประกอบด้วย ภรรยา และลูก ๆ มีบิดา มีพี่ชายบุญธรรม ที่เขาต้องปกป้องและต้องชั่งน้ำหนัก ไตร่ตรอง เมื่อจะลงมือทำอะไรลงไป
ขณะที่ “จอห์น วิค” อยู่ในสถานะของผู้ที่ไม่มีอะไรจะเสีย
ว่ากันตามตรง Nobody 2 เขียนบทได้ชวนขบขันอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสิ่งที่ทำให้ “ฮัทช์ แมนเซลล์” ต้องรับงานนักฆ่าอีกครั้ง
https://www.youtube.com/watch?v=cPwfWM2WtfY&t=3s
ชนวนเหตุก็มาจากภาคแรกที่เขาถล่มอาณาจักรมาเฟียรัสเซียอย่างราบคาบ และการเผาเงินจำนวนมหาศาลของแก๊งมาเฟียในภาคแรก ได้กลายมาเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ “ฮัทช์” ไม่สามารถเกษียณตัวเอง แถมยังไม่อาจหืออือต่อองค์กรไปอีกพักใหญ่ ๆ
เพราะผลจากการเผาเงินครั้งนั้น เจ้าตัวได้กลายเป็นหนี้องค์กรถึง 30 ล้านดอลลาร์ จำเป็นต้องรับงานที่องค์กรจ่ายให้ทำอย่างรัว ๆ
Nobody 2 ยังให้ความเป็นเหตุเป็นผลต่อไปว่า เมื่อพ่อบ้านที่ดูซื่อ ๆ เนิร์ด ๆ ต้องทำงานรับใช้องค์กรแบบหามรุ่งหามค่ำ จวนเจียนกลายเป็นปัญหาครอบครัวอยู่รอมร่อ เพื่อรักษาครอบครัวอันเป็นที่รักไว้ ชายหนุ่มก็ต้องทำอะไรสักอย่าง และก็พบว่าการได้ออกไปพักผ่อนต่างเมืองน่าจะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ แม่ ลูกได้ดีขึ้น
และเมืองพลัมเมอร์วิลล์ เมืองท่องเที่ยวเล็ก ๆ ที่เป็นความทรงจำอันงดงามในวัยเยาว์ของเขา ก็เป็นจุดหมายของครอบครัว “แมนเซลล์”
แต่แล้วช่วงเวลาพักร้อน พักร่างที่กรำศึกต่อสู้มานาน ก็ถูกรบกวนเมื่อลูกชายของ “ฮัทช์” มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับลูกชายมาเฟียผู้คุมสวนสนุก ไวแอทท์ มาร์ติน (จอห์น ออร์ทิส) แถมลูกสาวของเขาถูกผลักศีรษะ
คนเป็นพ่อเลยไม่ทน ขอวาดลวดลายสยบเหล่าคนที่เข้ามารังแกลูก ๆ
การกระทำของเขาเหมือนเหยียบจมูกใครหลายคน ทั้งนายอำเภอ ทั้งเจ้าของสวนสนุก คนเหล่านี้ล้วนแต่ยอมตกเป็นลูกสมุนของ เลนดิน่า (ชารอน สโตน) สาวใหญ่หัวหน้าแก๊งอาชญากรตัวเอ้
พร้อม ๆ กันนั้นผู้ชมก็ได้เห็นว่าพลัมเมอร์วิลล์ ที่มีฉากหน้าอันแสนสดใสเป็นปลายทางสวรรค์ที่ใคร ๆ ก็ปักหมุดมาท่องเที่ยว
แท้จริงแล้วนั้น เมืองแห่งนี้เป็นเส้นทางการค้าขายสิ่งผิดกฎหมาย เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมของกลุ่มมาเฟียที่ไม่สนกฎหมายใด ๆ
Nobody 2 คงเอกลักษณ์การต่อสู้ของ “ฮัทช์ แมนเซลล์” อย่างเหนียวแน่น แต่ในภาคนี้ก็ไม่ได้ให้เขาโชว์การห้ำหั่นผู้ร้ายแบบ “ข้ามาคนเดียว” อย่างที่คุ้นเคยในภาคแรก
เพราะในภาค 2 มีตัวละครที่มาแบ่งเบาภาระของ “ฮัทช์” อยู่หลายคน ซึ่งจับโทนได้ทันทีว่าหนังไม่ได้ประเคนแอ็คชั่นให้ผู้ชมสนุกแต่เพียงอย่างเดียว ทว่ายังขยายมุมมองในเรื่องของครอบครัวเข้ามาด้วย โดยเฉพาะวิธีจัดการความสัมพันธ์ที่นำไปสู่ความเข้าใจซึ่งกันและกันในครอบครัวอย่างลงตัว
อีกอย่างก็คือ Nobody น่าจะเดินเข้าสู่การเป็นภาพยนตร์แฟรนไชส์ได้อย่างผ่าเผยอีกเรื่อง เนื่องจากยังมีเรื่องราวให้ต่อยอดออกไปได้หลากหลาย
แถมภาคนี้เจ้าตัว “ฮัทช์” เองก็สร้างเรื่องสร้างราวเพิ่มขึ้น
ดูทรงแล้วเขาอาจจะต้องใช้เวลา “ชดใช้หนี้สิน” แบบชั่วกัปชั่วกัลป์ก็ว่าได้!
Blue Bird23/8/68