เจาะลึกละเอียดยิบ “หมวดตั้ม” ฮีโร่ช่วยเด็กจมน้ำ
“ความฝัน ความหวัง อนาคตตำรวจไทยรุ่นใหม่หัวใจเสียสละ” ร.ต.ท อนุวรรษณ. รักษานศ นรต รุ่น 68
ตามกันต่อสำหรับใครที่อ่านข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตำรวจหนุ่มช่วยชีวิตเด็กจมน้ำ โด่งดังในโซเชียลเพราะ”หัวใจหล่อ”แม้ตอนเกิดเหตุ ไม่ใช่เวลางานแต่เลือดตำรวจที่อยู่ในหัวใจ ทำให้หมวดตั้มกลายเป็นขวัญใจใครหลายคน
วันนี้อาจารย์อิ๊กพาสัมภาษณ์ลึก เพื่อเข้าถึงความคิด อุดมคติ และไลฟสไตล์น้องหมวดตั้ม กันแบบถึงเนื้อถึงตัวเอาใจ FC กันเต็มเหนี่ยวไปเลย
ชีวิตวัยเด็ก ก่อนเข้า รร.นายร้อย
ผมเกิดและใช้ชีวิตวัยเด็กในชนบท สมัยนั้นพ่อแม่ผมมีอาชีพทำสวนยางพารา เป็นลูกจ้างกรีดยางให้คนอื่นและฐานะค่อนข้างลำบากครับ (ปัจจุบันทำงานตั้งตัวจนกลายเป็นเจ้าของกิจการ)
ในวัยเด็กผมมีนิสัยที่ค่อนข้างชอบการเรียนรู้และทดลองสิ่งต่างๆรอบตัวอยู่เสมอครับ เมื่อสมัยประถมมีวิชา สปช. สลน . กพอ . หลังจากเรียนรู้ในชั้นเรียนมาก็นำมาทำเองทดลองเองตลอดครับ เช่น ผมฝึกเพาะเลี้ยงผสมพันธ์ปลากัด ปลาหางนกยูง ทำแปลงผักปลูกพืชสวนครัวนำมาขาย ทำของเล่นต่างๆ ชอบทดลองทำอะไรอีกเยอะเลยครับตั้งแต่ชั้นประถม
และด้วยเหตุคุณยายชอบพาผมไปร่วมถวายภัตตาหารและร่วมกิจกรรมงานบุญในวันสำคัญต่างๆที่วัดบ่อยๆ ผมจึงเริ่มสนใจในเรื่องปรัชญา ศาสนา และเริ่มศึกษาพระไตรปิฎก คัมภีไบเบิ้ล และหนังสือปรัชญาตั้งแต่เด็ก เลยทำให้ในวัยเด็กของผมนั้นอยากทำอาชีพต่างๆมากมายเลยเพราะมีความถนัดและอยากทำหลายๆอย่างครับ
แชมปบาสเกตบอล วัยเด็ก
หลังจากที่ผมจบชั้น ป.5 พ่อกับแม่เห็นว่าหัวสมองผมพอไปได้เลยส่งผมเข้าไปเรียนชั้น ป.6 ที่ รร.ธิดาแม่พระ เป็นเวลา 1 ปี ที่ผมต้องกัดฟันเรียนหนังสืออย่างเดียวเพราะต้องปรับพื้นฐานความรู้จากเด็กใน รร ชนบท เพื่อให้ทันกับ เด็กในเมือง เมื่อ จบ ป.6 ผมก็เรียนได้ที่ 1 ของชั้นเรียน และสอบเข้า รร.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็น รร ประจำจังหวัดได้ โดยเมื่อเข้าสู่ รร นี้ ผมได้เดินทางเข้าสู่ชีวิตนักกีฬาครับ มีโอกาสได้ฝึกซ้อมและเป็นหนึ่งในนักกีฬาบาสเกตบอลของ รร. (เคยแข่งขันได้เป็นทีมแชมป์ภาคใต้ในวัยนั้นครับ)
เติมความฝันให้พ่อ ด้วยการเป็นตำรวจ
สอบติดสี่เหล่า นำความภูมิใจมาสู่ครอบครัว
ตอนใกล้จะเรียน จบ ม.ต้น พ่อของผมได้เล่าให้ฟังว่าพ่อเคยสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในวัยเด็กแต่สอบไม่ติดเลยอยากให้ผมสานฝันต่อ
อีกทั้งขณะนั้นแอบชอบ ผู้หญิงคนนึงครับ แต่คิดในใจเราเด็กบ้านนอกคนนึงเค้าคงไม่สนใจจึงพยายามทำทุกสิ่งครับให้ตัวเองนั้นอัพเกรดขึ้น ด้วยสภาพที่ ร่างกายเป็นนักกีฬา ความรู้ก็พอมีอยู่ จึงเลือกสอบเข้า รร .เตรียมทหาร
ผลการสอบผมสอบติดสี่เหล่า แต่ผมตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นตำรวจอย่างแน่นอน เพราะขณะนั้นตำรวจมีภาพลักษณ์ที่แย่มากถึงมากที่สุด ผมจึงเกิดข้อสงสัยว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น “ผมชอบความท้าทาย ชอบการเปลี่ยนแปลง อยากปรับปรุง อยากหาคำตอบจากการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ครับ”
ชีวิตในรั้วโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ก้าวแรกของการเปลี่ยนสถานภาพจากพลเรือนสู่ระบบทหารตำรวจ โดยที่ไม่เคยรู้เรื่องหรือศึกษามาก่อนว่าต้องทำอะไรบ้างนั้น เป็นสิ่งที่ตื่นเต้นมากครับ “ผมรู้สึกโชคดีที่เลือกมาในเส้นทางนี้อย่างมากที่สุด เพราะเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ปลูกฝัง สั่งสอน ระบบต่างๆ ด้วยอุดมการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม” และตรงกับใจที่ผมต้องการ ระหว่างเรียนนั้นผมได้เก็บเกี่ยวความรู้ ประสบการณ์ และตกผลึกความคิดมากมายในการที่จะนำไปใช้ในชีวิตการทำงานและมีหลายๆ
“ผมเชื่อว่าสิ่งหลายๆอย่างที่จะต้องเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้ หากผมมีโอกาสสามารถทำได้ในอนาคต”
เส้นทางนี้ผมเลือกถูกต้องแล้วครับ….
ทำดีให้คนเกรง ดีกว่าเป็นนักเลงให้คนกลัว
“ความดีจะต้องถูกเล่าสานต่อไม่มีวันหยุด”
ผมเชื่อมาเสมอว่าตำรวจดีมีเยอะมาก แม้วันนี้คนรอบข้างหรือคนอื่นจะกล่าวถึงองค์กรตำรวจอย่างไร ผมเข้าใจในสิ่งที่คนเหล่านั้นคิด มีคำคมนึงที่ผมได้รับการสอนมาในระหว่างที่ศึกษาใน รร เตรียมทหารและ รร นายร้อยตำรวจ นั่นคือ “ไม่เคยเป็นเยี่ยงทาส อย่าริอาจเป็นอัศวิน”สิ่งที่ผมตีความได้จากคำสอนนี้คือ หากเราไม่โง่มากก่อน เราก็จะไม่อาจเป็นผู้มีความปราดเปรื่อง หากเราไม่เคยอ่อนแอมากก่อน เราก็จะไม่เป็นผู้เข้มแข็ง
หากเราไม่เคยเรียนรู้สิ่งแย่ๆและต้นตอของปัญหา เราก็จะไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงมีนได้อย่างแท้จริง “
ชีวิตคนเราจะต้องเจอสิ่งที่แย่ๆ มาก่อน จึงจะสามารถเติบโตและเจอสิ่งดีๆได้ในอนาคต เพราะสิ่งเหล่านั้นคืออุปสรรคบททดสอบของชีวิต เมื่อเราผ่านมาได้ ดังพระราชนิพนธ์ใน ร.6 ที่ว่า”ทางไปสู่เกียรติศัก จักประดับด้วยดอกไม้ หอมหวลยวลจิตไซร้ ไป่มีฯ “
ตำรวจในอุดมคติ ต้องเป็นแบบไหน
ผมอยากให้ใช้คำว่า “ตำรวจในอนาคตของสังคมไทย” แทนที่จะใช้คำว่าอุดมคติแล้วกันนะครับ เพราะอุดมคตินั้นเกรงว่ามันจะเป็นแค่สิ่งที่เรามั่งหวังวาดฝันกัน ผมเชื่อว่า “ตำรวจต้องเป็นตำรวจด้วยจิตวิญญาณ เป็นตำรวจต้องมีความสามารถเป็นที่พึ่งให้กับผู้อื่นได้และไม่เป็นโจรเสียเอง ควบคุมตนเองไม่ให้หลงไปกับสิ่งยั่วยวลทางสังคม”
คิดว่างานเรา ช่วยเหลือ สังคม ได้อย่างไร
ตำรวจได้รับอำนาจจากกฎหมายที่ตราขึ้นไว้เพื่อควบคุมประชาชนให้เกิดความสงบเรียบร้อยในสังคม เกือบทั้งหมดที่เป็นอาญาแผ่นดินตำรวจมีอำนาจจับกุมได้ ผมว่าเป็นอำนาจที่ครอบคลุมและยิ่งใหญ่มากครับ “หากเราทำตามอำนาจที่ได้มาแล้วอย่างถูกต้องเป็นธรรมย่อมก่อให้เกิดความสงบสุขในสังคมได้อย่างแท้จริง ” “อีกทั้งตำรวจยังเป็นอาชีพที่มีหน้าที่บริการประชาชน คำว่าบริการนี้กว้างขวางมาก บริการทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน ผมว่าไม่มีอาชีพไหนแล้วหล่ะครับที่หากทำหน้าที่เต็มที่และทำถูกต้องแล้วจะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้มากกว่าตำรวจ ” เพราะด้วยที่ตำรวจกระจายอยู่ทั่วทุกซอกมุมของพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศทำให้มีโอกาสช่วยเหลือสังคมได้สูงมากครับ
เหตุการณ์ ประทับใจ ระหว่างตอนปฏิบัติหน้าที่
ที่จริงมีอยู่หลายเคสเลยครับแต่ผมขอยกเอาเคสประทับใจและรู้สึกภูมิใจอีกเคสนะครับ
ขณะที่ผมเข้าเวรเป็นร้อยเวรสอบสวนอยู่ที่ สภ.อ่าวนาง จ.กระบี่ มีเหตุรถชนกันเกิดขึ้น มีผู้เสียชีวิตเป็นเด็กชายวัย 15 ปีที่ รพ ต่อมาอีก 3 วันหลังจากที่เกิดเหตุ โดยทั้งฝ่ายครอบครัวผู้ตายและคู่กรณีนั้นมีฐานะยากจนมากๆ ในส่วนทางคดีผมก็ดำเนินคดีตามกฎหมาย พ่อแม่ของเด็กที่ตายนั้นไม่มีเงินที่จะทำศพลูกชายและรถที่นำไปใช้ชนนั้นยังต้องมีการผ่อนจ่าย อีกทั้งต้องเสียค่ารักษาพยาบาลระหว่างรักษาตัวเด็กก่อนที่จะเสียชีวิต ครอบครัวจึงรับภาระอย่างมากโดยที่ไม่ได้รับการเยียวยาใดๆจากคู่กรณี ผมและ ร.ต.ท.ทรงพล บุญชัย ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมร่วนและทำงานที่ สภ เดียวกันจึงตกลงควักเงินส่วนตัวให้ทางพ่อแม่เด็กที่เสียชีวิตยืม คนละ 15,000 บาท รวมเป็นเงิน 30,000 เพื่อเยียวยาแก่ครอบครัวนี้ครับ ระหว่างมอบเงินให้พ่อแม่และทางฝ่ายคู่กรณีร้องไห้ขอบคุณผมทั้งสองคน เป็นความรู้สึกดีมากครับไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เข้าใจดี (ทั้งๆที่ใช้คำว่าให้ยืมแต่แท้จริงแล้วก็คือให้เขาไปเลยนั่นหล่ะครับ ถ้าใช้คำว่าให้เขาอาจจะไม่กล้ารับ จนบัดนนี้ก็ยังไม่ได้เงินคืนครับ5555)
อัพเดทเหตุการณ์ หมวดตั้ม หลังจากช่วยชีวิตเด็กจมน้ำแล้ว ในวันนี้หมวดได้ไปเยี่ยมน้องที่โรงพยาบาล
ติดตาม: Facebook : Anuwat Raksayot
….หลังจากที่เอาลมหายใจตนเอง ไปใส่ไว้ในตัวน้องในวันนั้น…ผ่านไปสี่วันน้องจึงได้ออกจากห้อง ไอซียูแล้วเนื่องจากที่ผ่านมามีอาการติดเชื้อและปอดอักเสบเนื่องจากสำลักน้ำเข้าไปเยอะมาก วันนี้ผมจึงมีโอกาสได้เข้าเยี่ยมน้องพบน้องและแม่
โดยแม่เล่าว่า พยาบาลและหมอบอกว่าน้องฟื้นตัวไวมาก สมองปกติดี มีสติและสามารถจำได้ทุกอย่าง 100% วันนี้สามารถทานอาหารด้วยตนเองได้แล้ว ไม่มีไข้ รอพักฟื้นเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงต่อไป
#ขอขอบคุณแพทย์และพยาบาล รพ.สุราษฎร์ธานี ที่ช่วยจนน้องออกจากห้องไอซียูได้ครับ
#ขอบคุณทุกกำลังใจของคนไทยที่มีน้ำใจและร่วมกันช่วยส่งแรงใจให้แก่น้องมากๆนะครับ
#โตขึ้นน้องบอกอยากเป็นตำรวจแล้วครับ เลยบอกน้องไปว่าถ้าใจไม่หนักแน่นพอก็เลือกทางอื่นไปนะน้อง5555 (น้องเรียนเก่งนะครับได้อันดับต้นๆของห้องเรียนตลอด)
#เมื่อวานผมได้รับมอบเกียรติบัตรจาก ผบ.ตร. ขอบคุณน้องมากที่ทำให้พี่ดังเลย หายป่วยไวๆนะคร้าบบ????
จึงเรียนมาเพื่อทราบและขอบคุณโดยทั่วกันครับ