Tuesday, April 23, 2024
More
    Homeอาชญา (ลง)กลอนศึกคนหัวหมอ

    ศึกคนหัวหมอ

    อาชญา(ลง)กลอน
    โดย..ธนก บังผล

    ในแวดวงข่าวอาชญากรรมไม่กี่ปีมานี้ นอกจากตำรวจ กับโจรแล้ว ก็เริ่มมีทนายความ เข้ามาเป็นตัวละคร พัฒนาการของตัวประกอบมาสู่ผู้แสดงนำค่าตัวมหาศาลนั้น มีที่มาที่ไปหวือหวา

    บางคนร่ำรวยจากการค้าคดีความ มีหน้ามีตาในสังคม ออกโทรทัศน์บ่อยกว่า ผบ.ตร. ด้วยซ้ำ

    แต่ถ้าให้ย้อนกลับไป หลายคดีที่เคยมาร้องกับตำรวจก็จะเห็นได้ว่ารับทรัพย์ไปแล้วคดีไม่คืบก็มีเยอะ แพ้คดีแต่ไม่เป็นข่าวก็เพียบ

    ทนายความหลายคนโดดเด่นเรื่องกฎหมายแต่โฟกัสงานอยู่แค่ในโซเชียลมีเดีย โพสต์ให้ความรู้ในดคีที่เป็นกระแส

    แต่บางคนไม่ใช่อย่างนั้นสิครับ เพราะออกโทรทัศน์บ่อยราคาค่าตัวก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งออกคู่กับดารา นางแบบ ศิลปิน หลายครั้งเข้าก็กลายเป็นทนายคนดังไปในที่สุด

    ยุคสมัยนี้เรามีทนายคนดังอยู่ 3 คน เป็นใครบ้างนั้นก็คงจะเดาได้ไม่ยาก

    แต่ปัญหาที่กำลังทำให้ทิศทางงานข่าวและการทำงานของตำรวจยากขึ้น บางครั้งคำพูดและหลักฐานที่นำมาเผยแพร่กลายเป็นการ “ดิสเครดิต” ความสามารถของตำรวจ ก็คือการทะเลาะกันของทนายความคนดัง 2 คนบนหน้าสื่อทุกวันนี้

    ใครจะวิ่งเต้นล้มคดีอะไร แบบไหน ผมคนนอก คงไม่อาจไปตัดสินได้ว่าใครผิด ใครถูก

    แต่จากการสอบถามพนักงานสอบสวนระดับรองผู้กำกับของกองปราบ (คนดัง) เช่นกัน ท่านก็ให้ความรู้ถึงแนวทางการสอบสวนคดียาเสพติด

    กล่าวคือ เมื่อตำรวจเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ของกลางแล้ว มีการสอบสวนทำสำนวนเรียบร้อย

    เบื้องต้นในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาจะรับหรือปฏิเสธก็ได้ เพราะตำรวจก็ไม่รู้เหมือนกันว่า “ของกลาง” นั้นเป็นของใคร

    ในกรณีที่มีได้ทำการขยายผลต่อ ซึ่งก็ยากมากว่ายาเสพติดเป็นของใคร ต้นตอจริงๆมาจากไหน อาจจะรู้ได้แค่ว่าใครซื้อมา ซื้อมาจากใครเท่านั้น

    หากผู้ต้องหาปฏิเสธในชั้นนี้ ตำรวจก็ทำสำนวนส่งต่ออัยการเพื่อสั่งฟ้อง

    หากในชั้นศาล มีผู้ต้องหาสารภาพว่าเป็นเจ้าของยาเสพติดขึ้นมา ในขณะที่คนที่เหลือปฏิเสธ แนวทางคดีศาลก็จะตัดสินให้ผู้ที่รับสารภาพเป็นเจ้าของยาเสพติด ส่วนคนที่เหลือก็รอด เป็นผลให้ยกฟ้อง

    แต่หากในกรณีที่ผู้ต้องหาทุกคนปฏิเสธ แนวทางการตัดสินก็จะให้ “ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมทุกคน” เป็นเจ้าของยาเสพติดนั้น

    คราวนี้ชัดเจนขึ้นแล้วใช่มั้ยครับว่า หลังจากที่ผู้ต้องหาดารา (ดัง…อีกแล้ว) ถูกจับคดียาเสพติดพร้อมกับแฟนหนุ่ม คดีมันน่าจะออกมาในทิศทางไหน

    จนกระทั่งศาลยกฟ้องคดีค้ายาเสพติด ให้เหลือเพียงเสพเท่านั้น

    ผมมีคำถามฝากไปถึง 2 ทนายความคนดังว่าการออกมาหน้าสื่อทุกวันนี้ ท่านทั้ง 2 คนได้ประโยชน์อะไรบ้าง

    ที่สำคัญคือ “ลูกความ” ได้อะไรกับการที่ทนายความกลายเป็น 2 ฝ่าย แล้วกินแหนงแคลงใจกันผ่านหน้าจอโทรทัศน์

    ในอนาคตการเคลื่อนไหวของท่านทนาย จะมีใครกล้าจ้างท่านมาสู้คดีอีกหรือไม่ เพราะหากใครรับงาน ก็จะมีอีกคนออกมาหาหลักฐานแย้งคอยจับผิดกันไปอย่างนี้

    ดีไม่ดี จะจบอาชีพกันทั้งคู่เพราะทะเลาะกันจากเรื่องที่ท่านทั้ง 2 คน ก็คงจะรู้อยู่แก่ใจกันเองว่าสาเหตุความขัดแย้งมาจากเรื่องอะไร

    อีกประเด็นที่สำคัญ ทนายความไม่ใช่นักสืบนะครับ และถึงแม้จะสามารถหาหลักฐานอะไรที่จะฟาดฟันคู่ต่อสู้ให้พังพินาศไปได้ ก็ไม่ใช่กิจของทนายความที่จะเอาหลักฐานนั้นมาเปิดเผยกับสื่อมวลชน

    เรื่องอย่างนี้มันต้องมีจรรยาบรรณกันบ้าง ขอให้ไปสู้กันในศาลครับ ยุติธรรมกับทุกคนทุกฝ่าย

    ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าสุดท้ายแล้ว ทั้ง 2 ท่านจะจบลงแบบไหน แต่อยากให้ลองดูตัวอย่างทนายความคนดังอีกท่านหนึ่งที่วางตัวเหนือปัญหา กลายเป็นดาราหน้าจอโทรทัศน์ไปแล้ว

    ทุกวันนี้ยังว่าความอยู่หรือเปล่าไม่รู้ (ฮา) แซวๆนะครับ

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments