อาชญา (ลง) กลอน
โดย..ธนก บังผล
จ.เชียงใหม่ เป็นข่าวโด่งดังไปไกลถึงเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ กันเลยทีเดียว
หลังหนุ่มพื้นเมืองชาวอังกฤษของทีมฟุตบอลดัง และสาวแคนาดา วัย 23 ปีเท่ากัน มึนเมาได้ที่ก็ใช้สีสเปรย์พ่นกำแพงเมือง บริเวณข่วงท่าแพ ประกาศชื่อพร้อมความเป็น “สเกาเซอร์”
บางคนว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” บางคนว่า “มือบอน” แต่สำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูลแล้ว นี่คือความอับอายระดับโลก
โชคดีที่ทาง พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ ศรีประเสริฐ ผกก.สภ.เมือง เชียงใหม่ พ.ต.ต.อานนท์ เชิดชูตระกูลทอง สว.สส.สภ.เมือง เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่
ได้ร่วมกันจับกุมตัว นักท่องเที่ยวทั้ง 2 คนที่ก่อเหตุได้ที่บริเวณเกสต์เฮ้าส์แห่งหนึ่งย่านถนนกำแพงดิน อ.เมือง ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาดังกล่าวมาทำการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในเบื้องต้นทั้งคู่ได้รับสารภาพว่า เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมาประมาณ 04.00 น. หลังจากไปดื่มกินตามร้านอาหารจนเกิดอาการมึนเมา
ระหว่างเดินกลับที่พัก ได้เจอกระป๋องสเปรย์วางอยู่จึงเกิดความคึกคะนอง และได้นำไปพ่นที่กำแพง เป็นคำว่า SCOUSER LEE ซึ่งเป็นศัพท์แสลงภาษาอังกฤษ หมายถึงคนพื้นถิ่นที่มาจากเมืองลิเวอร์พูล
เรื่องคึกคะนองก็เป็นอารมณ์ เป็นข้ออ้างกันไป แต่กฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมายครับ
พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ บอกเลยว่า คดีนี้จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท เพราะถือเป็นโบราณสถานที่เข้าข่ายในการทำลายและทำให้เสื่อมค่า ซึ่งถือเป็นโทษที่หนักกว่าการกระทำโดยทั่วไป
ข่วงท่าแพนั้นสร้างขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยพญามังราย ตอนตั้งเมืองเชียงใหม่ในพ.ศ. 1839 เดินทีเรียกว่าประตูเชียงเรือก
ส่วนประตูท่าแพของจริงนั้นเดิมเคยตั้งอยู่บริเวณสี่แยกวัดแสนฝาง เป็นประตูของแนวกำแพงเมืองชั้นนอก ต่อมาเมื่อมีการรื้อแนวกำแพงชั้นนอกออกจึงเหลือแต่ประตูเชียงเรือกที่เป็นประตูชั้นใน ชาวบ้านจึงเรียกประตูเชียงเรือกนี้ว่าประตูท่าแพแทน
บริเวณที่ทั้งคู่ก่อเหตุพ่นสีนั้น เทศบาลนครเชียงใหม่และกรมศิลปากรได้ร่วมกันสร้างขึ้นมาใหม่ เมื่อปี 2528 โดยอาศัยหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ประกอบกับภาพถ่ายประตูเมืองเชียงใหม่ประตูหนึ่ง ซึ่งถ่ายเมื่อปี 2422
เล่ามาถึงบรรทัดนี้อยากจะบอกว่าคดีความนั้นผมไม่ติดใจเลย แต่ติดใจตรงที่คนเข้าไปคอมเมตน์ในเพจข่าวต่างๆ ประหนึ่งเห็นอกเห็นใจฝรั่งมังค่าทั้ง 2 คนนี้ซะเต็มประดา
ก็เข้าใจได้ครับว่ารัฐบาลแบบนี้ เศรษฐกิจแย่ขนาดนี้ การท่องเที่ยวเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่ทำให้ประเทศและจังหวัดต่างๆมีเม็ดเงินหมุนเวียนหล่อเลี้ยงไม่ให้ล้มหายตายจากกันไป
แต่อารมณ์หมั่นไส้เล็กๆของผมมันตะหงิดๆพิกล
อย่างที่บอกละครับ ว่ามันเป็นความอับอายของแฟนบอลลิเวอร์พูลระดับโลก เพราะมันก็จะมีแฟนทีมอื่นมาแซะให้เจ็บจี๊ด
ใช่ครับ …แม้ลิเวอร์พูลจะไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกมาเกือบ 30 ปีแล้ว มันก็ไม่ควรถูกโยงกับเรื่องมือบอนเลยใช่มั้ยครับ (ฮา)
คนไทยใจดีเกินไป บางคนเข้าขั้นบ้าฝรั่งนะครับ แต่ละคอมเมนต์ไปอ่านกันได้เลยในเพจต่างๆ ผมเบิ่ดคำสิเว้า แล้วลองเป็นเราสิครับ
เมื่อ 30 มิ.ย. 2557 มีการเผยแพร่ภาพของกำแพงเมืองจีน ที่เต็มไปด้วยอักษรภาษาไทยของนักท่องเที่ยวชาวไทยมือบอน
ชาวบ้านชาวเมืองเขาด่าเราพอเข้าใจได้ แต่นี่เรากลับด่ากันเองเสียๆหายๆ
หรือแม้แต่แหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ ในบริเวณทะเลทรายวาดิรัม ที่มีภาพสลักหินและภาพลายเส้น ประเทศจอร์แดน ที่พบข้อความที่มีคนมือบอนมาเขียนไว้เป็นภาษาไทย เป็นชื่อของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าเป็นฝีมือของบุคลากรที่เดินทางไปดูงานเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว
เขาด่าเราเละเลย ออกแนวเหยียดเชื้อชาติศาสนาว่ากันไปนู่น ส่วนคนไทยก็ผสมโรงเหมือนแค้นเคืองกันมาหลายภพหลายชาติ
ลองคิดดูเถอะครับว่าโบราณสถานนั้นเกิดมาก่อนเรานานมาก แต่ไม่ใช่ว่าฝรั่งทำแล้วไปเอ็นดู แต่ถ้าเป็นคนไทยทำต้องย่ำเหยียบ มาตรฐานต้องเท่าเทียมกันครับ
อย่าให้มันกลายเป็นโรคบ้าฝรั่งภาคพิสดาร
ดีไม่ดีปรับแค่ล้านเดียวนี่ไม่คุ้มกับที่ประตูท่าแพเป็นจุดขายของเชียงใหม่แม้แต่น้อย